29 มี.ค. 2021 เวลา 11:48 • ประวัติศาสตร์
“คณะเยซูอิต (Jesuit Order)” คณะแห่งพระเยซูเจ้า
“คณะเยซูอิต (Jesuit Order)” คือคณะสงฆ์ที่ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1540 (พ.ศ.2083) โดยคณะสงฆ์กลุ่มนี้คือนักบวชในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และมีจุดประสงค์ที่จะเผยแพร่คำสอนของศาสนาไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก
ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่คณะเยซูอิตปรากฎ ได้มีสาวกนับล้านที่ศรัทธาและเข้าร่วม หากแต่คณะเยซูอิตก็ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย และยังเป็นที่เล่าขานจนถึงปัจจุบัน
คณะเยซูอิต ถูกก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1534 (พ.ศ.2077) โดย “นักบุญอิกนาเชียสแห่งโลโยลา (St. Ignatius of Loyola)” อดีตทหารสเปนซึ่งหันหน้าเข้าสู่ศาสนา
1
นักบุญอิกนาเชียสได้เลิกราการรบ และรวบรวมผู้ที่ศรัทธาได้หกคน ปฏิญาณว่าจะทำให้ชาวมุสลิมจำนวนมากเข้ามานับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก
นักบุญอิกนาเชียสแห่งโลโยลา (St. Ignatius of Loyola)
แต่ปัญหาในเวลานั้นก็คือ ในเวลานั้นเยรูซาเล็มกำลังอยู่ในช่วงเวลาของสงคราม พวกเขาจึงไม่สามารถเดินทางไปตะวันออกกลางได้
นักบุญอิกนาเชียสและคณะจึงเดินทางไปโรมเพื่อเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา ซึ่งในปีค.ศ.1540 (พ.ศ.2083) “สมเด็จพระสันตะปาปาพอลที่ 3 (Pope Paul III)” ก็ได้ทรงยอมตกลงที่จะให้ก่อตั้งคณะสงฆ์ขึ้นมาใหม่ นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของคณะเยซูอิต
สมเด็จพระสันตะปาปาพอลที่ 3 (Pope Paul III)
คณะเยซูอิตได้ทำการสร้างโรงเรียนทั่วยุโรป ซึ่งโรงเรียนที่สร้างนั้น จะสอนเทววิทยา และภายในเวลา 40 ปี คณะเยซูอิตก็ได้สร้างโรงเรียนทั่วยุโรปกว่า 30 แห่ง ที่มาเก๊าอีกหนึ่งแห่ง และโรงเรียนสอนศิลปะที่ญี่ปุ่น
จากนั้น คณะเยซูอิตก็ได้ออกเดินทางไปทั่วโลก และเข้าไปในอเมริกาเหนือในสมัยศตวรรษที่ 17
คณะเยซูอิตได้สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชาวพื้นเมืองอเมริกัน และเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ราชวงศ์สเปนและโปรตุเกส เนื่องจากส่งผลกระทบในการควบคุมคน ทำให้การเกณฑ์คนเป็นทาสมีปัญหา
ในยุคค.ศ.1760 (พ.ศ.2303-2312) มหาวิทยาลัยของคณะเยซูอิตในฝรั่งเศสถูกสั่งปิด พร้อมกับสมาชิกคณะเยซูอิตถูกไล่ออกจากสเปน และในค.ศ.1773 (พ.ศ.2316) “สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 14 (Pope Clement XIV)” ก็สั่งยกเลิกคณะเยซูอิต
สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 14 (Pope Clement XIV)
40 ปีหลังจากคณะเยซูอิตถูกสั่งห้าม “สมเด็จพระสันตะปาปาพิอุสที่ 7 (Pope Pius VII)” ก็ทรงฟื้นฟูคณะนี้อีกครั้ง
ในศตวรรษที่ 19 คณะเยซูอิตได้สร้างมหาวิทยาลัยเพิ่มอีก 22 แห่ง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะยินดีในการกลับมาของคณะนี้
ในปีค.ศ.1814 (พ.ศ.2357) นอร์เวย์ได้ทำการแบนคณะเยซูอิต ตามมาด้วยสเปนในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) โดยข้อหาหลักคือการที่คณะมีอำนาจมากกว่ารัฐบาลซะอีก
สมเด็จพระสันตะปาปาพิอุสที่ 7 (Pope Pius VII)
มีทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับคณะเยซูอิตมากมาย โดยเชื่อกันว่าคณะเยซูอิต ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อล้มล้างรัฐบาลในแต่ละประเทศ โดยมีพระสันตะปาปาอยู่เบื้องหลัง
ทฤษฎีสมคบคิดอื่นๆ ก็มีอีกมากมาย ทั้งเรื่องคริสตจักรคาทอลิก การมีธนาคารลับ จนถึงการจมของเรือ “ไททานิก (Titanic)”
ไททานิก (Titanic)
ตามทฤษฎีสมคบคิดนั้น เล่ากันว่า “เจพี มอร์แกน (J.P. Morgan)” นักลงทุนและนายธนาคารคนสำคัญชาวอเมริกัน ได้จัดประชุมในปีค.ศ.1910 (พ.ศ.2453)
ในที่ประชุมนั้น มีนักลงทุนอีกเจ็ดคน ซึ่งทุกคนล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคณะเยซูอิต และต้องการจะก่อตั้งธนาคารกลางของตน
เจพี มอร์แกน (J.P. Morgan)
หากแต่ก็มีบุคคลสามคนที่ขวางทางพวกเขา นั่นคือ “เบนจามิน กุกเกนไฮม์ (Benjamin Guggenheim)” “ไอซิดอร์ สตรอส (Isidor Straus)” และ “จอห์น เจคอบ แอสเตอร์ที่ 4 (John Jacob Astor IV)” ซึ่งทั้งสามล้วนแต่เป็นนักธุรกิจคนสำคัญ
คณะเยซูอิตต้องการจะกำจัดคนทั้งสาม จึงได้บอกให้มอร์แกนออกทุนในการสร้างไททานิก และหาทางให้คนทั้งสามขึ้นเรือ ก่อนจะทำให้เรือจม และเมื่อคนทั้งสามไม่อยู่แล้ว ก็จะไม่มีก้างขวางคอ ทำให้สามารถตั้งธนาคารกลางได้ในปีค.ศ.1913 (พ.ศ.2456) และทันเวลาที่คณะเยซูอิตจะก่อสงครามโลกครั้งที่ 1
เบนจามิน กุกเกนไฮม์ (Benjamin Guggenheim)
ไอซิดอร์ สตรอส (Isidor Straus)
จอห์น เจคอบ แอสเตอร์ที่ 4 (John Jacob Astor IV)
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นักบวชเยซูอิตถูกนาซีฆ่ากว่า 150 คน และโรงเรียนหลายแห่งก็ถูกนาซีสั่งปิด
ในช่วงเวลาที่นาซีสังหารชาวยิวอย่างเปิดเผย พระสงฆ์และแม่ชีของเยซูอิต ก็ได้ช่วยเหลือเด็กๆ ด้วยการให้ที่ซ่อนในคอนแวนต์ ทำให้ชาวยิวนับพันรอดชีวิตมาได้
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเลขสมาชิกคณะเยซูอิตก็พุ่งสูงในยุค 50 (พ.ศ.2493-2502) และในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) “สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis)” ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ซึ่งพระองค์ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของคณะเยซูอิตเช่นเดียวกัน
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis)
โฆษณา