30 มี.ค. 2021 เวลา 07:22 • หนังสือ
#31 เล่ม 2 บทที่ 12 หน้า 208 ~ 213
N : เยี่ยมเลยครับ สิ่งที่พระองค์พูดมามันเยี่ยมมาก ผมหวังให้โลกได้เข้าใจ ผมหวังให้โลกสามารถทำความเข้าใจและเชื่อในสิ่งที่พระองค์บอก
G : หนังสือเล่มนี้จะเป็นตัวช่วย เธอก็กำลังช่วยอยู่ในตอนนี้ เธอกำลังมีบทบาทและกำลังทำในส่วนของเธอในการยกระดับจิตสำนึกมวลรวมของมนุษย์ 🔸และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องทำ🔸
N : ครับ
เราเปลี่ยนไปเรื่องอื่นกันได้หรือยังครับตอนนี้❓ ผมคิดว่ามันสำคัญที่เราต้องพูดถึงทัศนคตินี้ (แนวคิดที่มีต่อเรื่องนี้) เพราะพระองค์เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ต้องการนำเสนอด้วยความเป็นกลางและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
ทัศนคติที่ผมกำลังพูดถึงเป็นทัศนคติของคนจำนวนมาก นั่นคือ เราให้สิ่งต่างๆกับคนจนไปมากพอแล้ว เราต้องหยุดเก็บภาษีจากคนรวย (นั่นคือ หยุดลงโทษพวกเขาจากการทำงานหนักและการทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้น) เพื่อเอามาแจกคนจนให้มากขึ้นอีก
คนกลุ่มนี้เชื่อว่าที่คนจนต้องจนก็เพราะพวกเขาเลือกเอง หลายคนไม่แม้กระทั่งพยายามลุกขึ้นมา เอาแต่แบมือขอจากรัฐบาลแทนที่จะรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง
มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่าการแจกจ่ายความมั่งคั่ง (การแบ่งปัน) ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถือเป็นความชั่วร้ายทางสังคม แล้วก็อ้างไปถึงแถลงการณ์ของคอมมิวนิสต์★ ที่บอกว่า "เปลี่ยนจากแต่ละคนควรได้รับตามความสามารถ เป็นแต่ละคนควรได้รับตามความจำเป็น" ว่าเป็นหลักฐานถึงต้นกำเนิดของแนวคิดอันชั่วร้ายที่ว่า มนุษย์ทุกคนจะต้องใช้น้ำพักน้ำแรงของตนเพื่อรับประกันศักดิ์ศรีขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทั้งมวล
★ The Communist Manifesto : งานเขียนสำคัญของ คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) และ เฟรดริช เองเกลส์ (Friedrich Engels) ที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อการพัฒนาระบอบสังคมนิยม (Socialism) และระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) ที่มีแนวคิดหลักอยู่ว่า ชนชั้นแรงงานจะต้องรวมตัวกันเพื่อโค่นล้มนายทุนและลัทธิทุนนิยม เพื่อนำมาซึ่งสัมคมที่ยุติธรรมและปราศจากชนชั้น เพราะเชื่อว่า "ประวัติศาสตร์ของสังคมโลกทั้งหมดที่ผ่านมาล้วนเป็นประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ระหว่างชนชั้น" ~ ผู้แปล
คนเหล่านี้เชื่อว่า "ทุกๆคนต้องทำเพื่อตัวเอง" ถ้าพวกเขาถูกบอกว่าแนวคิดนี้มันช่างเย็นชาและไร้หัวใจเหลือเกิน พวกเขาก็จะปฏิเสธด้วยการบอกว่า โอกาสเป็นของทุกคนโดยเท่าเทียมกันอยู่แล้ว และอ้างว่าไม่มีใครอยู่ในสภาพเงื่อนไขที่เสียเปรียบไปกว่าใครหรอก ถ้าพวกเขายัง "ทำได้" `ทุกคนก็ต้องทำได้เหมือนกัน` แต่ถ้ามีใครบางคนทำไม่ได้ขึ้นมา "มันก็เป็นความผิดของพวกแกเองที่ทำไม่ได้"
G : เธอรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่หยิ่งยะโสและอวดดี ซึ่งมีต้นตอมาจากการไม่สำนึกในบุญคุณ
N : ใช่ครับ แล้วพระองค์รู้สึกอย่างไร❓
G : ฉันไม่มีคำตัดสินให้หรอกนะ มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดแบบหนึ่ง และไม่ว่าจะเป็นความคิดแบบนี้หรือความคิดแบบไหน มันมีคำถามอยู่เพียงข้อเดียวเท่านั้นที่ควรต้องถาม นั่นคือ :
มันเป็นผลดีต่อตัวเธอเองหรือเปล่าถ้ายังคงคิดแบบนี้ต่อไป❓
ถ้าดูจากว่าเธอคือใครและใครที่เธอต้องการเป็นแล้วล่ะก็ความคิดแบบนั้นเป็นประโยชน์ต่อเธอไหม❓
มองดูโลกสิ ถ้ามนุษย์คิดแบบนี้ต่อไปมันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเธอเองไหม❓
✴️นี่ล่ะคือคำถามที่ผู้คนต้องถาม✴️
ฉันสังเกตว่า มีผู้คน (ซึ่งจริงๆแล้วเป็นคนทั้งกลุ่มเลยด้วยซ้ำ) ที่`เกิดมา`ในสภาพเงื่อนไขที่เธอเรียกว่าเสียเปรียบ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นอย่างนั้นจริง
ทั้งยังจริงอีกด้วยว่าในระดับที่สูงมากของความจริงระดับจักรวาล ไม่มีใคร "ด้อยกว่า" หรือ "เสียเปรียบ" กว่าใคร เพราะวิญญาณแต่ละดวงจะสร้างเงื่อนไขต่างๆให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้คน เหตุการณ์ และสภาวการณ์ที่เหมาะสม 🌟ที่จำเป็นต่อการบรรลุถึงสิ่งที่วิญญาณปรารถนาที่จะบรรลุ🌟
✴️เธอเป็นคนเลือกทุกอย่างเอง✴️
ทั้งพ่อแม่ ประเทศที่เกิด รวมไปถึงสภาวะแวดล้อมทั้งหมดของการกลับมาของเธอ
เหมือนกันกับที่ตลอดทุกช่วงวันเวลาในชีวิตของเธอ เธอจะยังคงเลือกผู้คน สร้างเหตุการณ์และสภาวการณ์ที่จะสร้างโอกาสที่เหมาะสมที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดอย่างที่เธอปรารถนาเพื่อจะได้รู้จักตัวเองอย่างที่ตัวเอง`เป็นจริงๆ`
✴️พูดอีกอย่างก็คือ ไม่มีใคร "เสียเปรียบ" ใครหรอก เมื่อดูจากว่า`วิญญาณ`ปรารถนาที่จะบรรลุอะไร✴️
ยกตัวอย่างเช่น วิญญาณอาจจะปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ผ่านร่างกายที่ไม่สมประกอบ หรือในสังคมที่กดขี่ หรือภายใต้ข้อจำกัดอันรุนแรงทางเศรษฐกิจหรือการเมือง เพื่อจะสร้างสภาพเงื่อนไขต่างๆที่จำเป็นต่อการบรรลุถึงสิ่งที่วางแผนไว้ว่าจะบรรลุ
ฉะนั้นเราจึงได้เห็นว่าใครบางคนต้องเผชิญกับ "ข้อเสียเปรียบ" ทางกายภาพ ทว่ากลับกลายเป็นเงื่อนไขที่เหมาะสมและสมบูรณ์แบบอย่างที่สุดในเชิง`จิตวิญญาณ`
N : แล้วในทางปฏิบัติมันมีความหมายกับเรายังไงครับ❓ ตกลงเราควรให้ความช่วยเหลือแก่ "ผู้เสียเปรียบหรือด้อยโอกาส" หรือเปล่า❓ หรือเพียงแค่เห็นไปตามความเป็นจริงว่าคนเหล่านี้อยู่ในที่ที่พวกเขาต้องการจะเป็นอยู่แล้วและก็ปล่อยให้พวกเขา "แก้ไขเคราะห์กรรมกันเอาเอง"❓
G : เป็นคำถามที่ดีและสำคัญมาก
จำไว้อย่างแรกเลยนะว่า :
ทุกอย่างที่เธอคิด พูด และทำ
⏺️ คือภาพสะท้อนของสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจเกี่ยวกับตัวเอง
⏺️ คือคำประกาศว่าเธอคือใคร
⏺️ คือการสรรค์สร้างจากการตัดสินใจว่าใครที่เธอต้องการเป็น
ฉันพูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาก็เพราะนี่คือ 🔹เรื่องเดียวที่เธอกำลังทำอยู่ในตอนนี้🔹 เป็นสิ่งเดียวที่เธอเข้าไปข้องเกี่ยวอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นนอกไปจากนี้ 🔸ไม่มีวาระอื่นอีกสำหรับจิตวิญญาณ🔸
✴️เธอกำลังพยายามเป็นและมีประสบการณ์ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ...และกำลังสร้างตัวตนนั้นขึ้นมาใหม่ เธอกำลังสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาในทุกๆห้วงขณะ✴️
ทีนี้ภายใต้บริบทนั้น เมื่อเธอเห็นคนที่`ดูเหมือน`จะเสียเปรียบหรือด้อยโอกาส (ในเชิงเปรียบเทียบที่ได้จากการสังเกตในโลกของเธอ) คำถามแรกที่เธอต้องถามกับตัวเองก็คือ : 🔸ฉันเป็นใครและใครที่ฉันเลือกที่จะเป็นในความสัมพันธ์ที่มีต่อเรื่องนี้🔸
พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าเธอจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับใครในสถานการณ์ไหน คำถามแรกที่ควรต้องถามก็คือ :
✴️ฉันต้องการอะไรในสถานการณ์นี้เสมอ✴️
เธอเข้าใจไหม❓
คำถามแรกของเธอต้องเป็นคำถามนี้เสมอ นั่นคือ "ฉันต้องการอะไรในสถานการณ์นี้❓" ไม่ใช่ "คนอื่นต้องการอะไรในสถานการณ์นี้❓"
N : นั่นเป็นมุมมองที่น่าทึ่งที่สุดเกี่ยวกับวิธีการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่าที่ผมเคยได้รับมาเลยครับ และมันยังขัดแย้งกับทุกสิ่งที่ผมเคยถูกสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกด้วย
G : ฉันรู้ และเหตุผลที่ความสัมพันธ์ของพวกเธอยุ่งเหยิงอยู่อย่างนี้ก็เพราะ เธอพยายามจะหาคำตอบว่าอีกฝ่ายหรือ`คนอื่นๆ`ต้องการอะไรเสมอ แทนที่จะหาว่าจริงๆแล้ว`ตัวเธอเอง`ต้องการอะไร
เธอก็เลยต้องมาคอยตัดสินใจว่าจะให้พวกเขาดีหรือไม่ให้ดี และนี่คือสิ่งที่เธอตัดสินใจ : เธอตัดสินใจที่จะคิดดูก่อนว่ามีอะไรบ้างที่เธออาจต้องการจากพวกเขา แต่ถ้าคิดพิจารณาเห็นแล้วว่าไม่มีอะไรที่เธอต้องการจากพวกเขา เหตุผลแรกที่เธอจะให้ตามที่คนอื่นต้องการนั้นก็ตกไป "ฉะนั้นเธอจึงแทบไม่เคยให้อะไรเลย"
แต่ถ้าเธอเห็นว่ามีบางอย่างที่ตัวเองต้องการหรืออาจต้องการจากพวกเขา เมื่อนั้นโปรแกรมเพื่อความอยู่รอดของเธอจะเริ่มทำงานทันที "เธอก็เลยพยายามจะให้ในสิ่งที่พวกเขานั้นต้องการ"
แล้วเธอก็จะ "ขุ่นเคือง" 🔸โดยเฉพาะถ้าคนอื่นๆที่ในที่สุดแล้วก็ไม่ได้ให้สิ่งที่เธอต้องการนั้นกลับคืนมา🔸
ในเกม "ฉันจะซื้อขายแลกเปลี่ยนกับเธอ" นี้ เธอต้องคอยรักษาสมดุลอันบอบบางนี้เอาไว้ให้ดี
💢เธอตอบสนองความต้องการของฉันแล้วฉันจะตอบสนองความต้องการของเธอ💢
ทว่า 🔹จุดมุ่งหมายของความสัมพันธ์ทั้งหลายของมนุษย์🔹 (ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล) ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้เลย จุดมุ่งหมายของความสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่เธอมีต่อมนุษย์ทุกคน ทุกสถานที่ หรือกับสิ่งใดก็ตาม
✴️ไม่ใช่เพื่อหาว่าพวกเขาต้องการอะไรหรือจำเป็นต้องมีอะไร แต่เป็นว่า...
✴️ตัวเธอต้องการหรือปรารถนาอะไรในตอนนี้เพื่อจะเติบโต...
✴️และเพื่อจะเป็นคนที่เธอต้องการจะเป็น
🌟และนี่คือเหตุผลที่ฉันสร้างความสัมพันธ์ให้กับทุกสิ่ง🌟
ถ้าไม่ใช่เพื่อเหตุนี้แล้ว เธอจะยังคงอาศัยอยู่ใน `ความว่างเปล่า` `ความว่าง` หรือใน `ความเป็นทั้งหมดอันเป็นนิรันดร์` ซึ่งเป็นที่ที่เธอจากมานั้นอยู่เลย
ทว่าในสภาวะแห่งความเป็นทั้งหมด (the Allness) นั้น เธอเพียงแค่ "เป็น" (เป็นตัวสภาวะนั้นเอง) ซึ่งไม่อาจมีประสบการณ์ของ "การรับรู้" ในสิ่งอื่นๆได้เลย เพราะว่าในสภาวะแห่งความเป็นทั้งหมดนั้น 🔸ไม่มีสิ่งใดเลยที่เธอไม่ได้เป็น★🔸
★รู้อยู่แต่มีประสบการณ์ไม่ได้เพราะเป็นทั้งหมดจึงไม่มีสิ่งใดให้เป็นอีกเพื่อมีประสบการณ์ในรูปแบบอื่นๆ
~ แอดมิน
ฉะนั้นฉันจึงได้คิด`วิธี` (อุบาย) ให้เธอได้สร้าง (และรับรู้) ตัวตนที่แท้จริงของเธอขึ้นมาใหม่ด้วยประสบการณ์ของตัวเธอเอง ฉันทำอย่างนี้โดยมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับเธอ :
1️⃣ 🔹โลกสัมพัทธ์🔹 : เป็นระบบที่เธอจะดำรงอยู่ในฐานะสิ่งซึ่งต้องสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ
2️⃣ 🔹การลืมเลือน🔹 : กระบวนการที่เธอเต็มใจจะหลงลืมเรื่องราวทั้งหมด (ความจำเสื่อมอย่างสมบูรณ์) เพื่อทำให้ตัวเธอเอง "ไม่รู้" ว่าโลกสัมพัทธ์นั้นเป็นเพียงแค่อุบาย และเพื่อไม่ให้รู้ว่าตัวเธอเองเป็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว
3️⃣ 🔹จิตสำนึก (จิตใจ)🔹 : คือสภาวะแห่งความเป็นเธอ ที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆจนกว่าเธอจะเข้าถึง "ความตระหนักรู้อย่างเต็มเปี่ยม" (รู้แจ้ง) จากนั้นเธอจึงจะกลายเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์ได้อย่างแท้จริง ที่กำลังสร้างและกำลังมีประสบการณ์ถึงโลกแห่งความจริงของตนเอง สำรวจตรวจค้นโลกแห่งความจริงของตนที่กำลังแผ่ขยายออกไปอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์โลกแห่งความจริงของตนขึ้นมาใหม่เมื่อจิตสำนึกของเธอเข้าสู่ขีดจำกัดใหม่ หรืออาจพูดได้ว่า 🔸เข้าสู่สภาวะไร้ขีดจำกัด🔸
ด้วยรูปแบบนี้
✴️จิตสำนึกก็คือทุกสิ่ง✴️
🌟🔸จิตสำนึก🔸 (ซึ่งเป็นตัวรู้ที่แท้จริง หรือ ผู้รู้) คือรากฐานหรือหัวใจสำคัญของ "ความจริงทั้งมวล" ดังนั้นจึงเป็นรากฐานของ "ความจริงทางจิตวิญญาณทั้งหมด" เช่นกัน🌟
N : แต่ทั้งหมดนี้มันเพื่ออะไรกันครับ❓ พระองค์ทำให้เรา "ลืม" ว่าเราเป็นใครเพื่อให้เราสามารถ "จำ" ได้ว่าเราเป็นใครอย่างนั้นหรือครับ❓
G : ก็ไม่เชิง★... ✴️แต่เพื่อว่าเธอจะสามารถ "สร้าง" ตัวตนที่เธอเป็นและตัวตนที่เธอต้องการเป็นขึ้นมาได้✴️
★จะว่าใช่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่อีก ~ แอดมิน
นี่คือการกระทำของพระเจ้าในฐานะที่เป็นพระเจ้า (act of God being God) นี่คือฉันในฐานะที่เป็นฉัน (It is Me being Me) ซึ่ง "เป็น" ผ่านทางเธอ❗
🔸นี่คือจุดประสงค์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด🔸
🌟ผ่านทางเธอ...ฉันถึงได้มีประสบการณ์ว่าฉันเป็นใครและเป็นอะไร
🌟การขาดเธอ... ฉันทำได้แค่รู้ทว่าจะไม่มีประสบการณ์
🌟"การรู้" กับ "การมีประสบการณ์" นั้นเป็นคนละเรื่องกัน
🌟ซึ่งฉันจะเลือกมีประสบการณ์ในทุกครั้งไป
🌟จริงๆฉันก็ทำอยู่ในตอนนี้ผ่านทางเธอ
N : ผมรู้สึกว่ามันหลุดไปจากประเด็นของคำถามเดิมแล้วนะครับ
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา