Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
31 มี.ค. 2021 เวลา 07:29 • หนังสือ
#32 เล่ม 2 บทที่ 12 หน้า 213 ~ 217
...
N : ผมรู้สึกว่ามันหลุดไปจากประเด็นของคำถามเดิมแล้วนะครับ
...
...
...
G : มันยากนะ ที่จะให้พระเจ้าจำกัดตัวเองอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะ ฉันออกจะไม่สามารถถูกจำกัดเอาไว้ได้น่ะ
ไหนดูสิว่าเราจะกลับเข้าเรื่องอย่างไรดี โอ้...ใช่ จะทำอย่างไรดีกับคนที่ด้อยโอกาส
อย่างแรก 🔸จงตัดสินใจว่าเธอคือใครหรือเป็นอะไรในความสัมพันธ์ที่มีต่อพวกเขาเหล่านั้น🔸
อย่างที่สอง 🔸ถ้าเธอตัดสินใจว่าเธอปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ถึงตัวเองว่าเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ เป็นผู้เกื้อกูล เป็นผู้ให้ความรัก ความเมตตากรุณาและการดูแลเอาใจใส่ ก็จงลองดูว่า เธอจะเป็นสิ่งเหล่านั้นให้ดีที่สุดได้อย่างไร🔸
และจงสังเกตด้วยว่า 🔹ความสามารถที่เธอจะเป็นในสิ่งเหล่านั้นได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันกับสิ่งที่คนอื่นกำลังเป็นหรือกำลังทำอยู่เลย🔹
บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดที่จะรักใครสักคนและทำประโยชน์แก่พวกเขาได้มากที่สุดก็คือ 🌟ปล่อยให้พวกเขาได้อยู่กับตัวเอง หรือ ปล่อยให้พวกเขาช่วยเหลือตัวเอง🌟
ชีวิตก็เหมือนกับงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์★ ซึ่งเธอต้องให้พวกเขา 🔹ช่วยเหลือตัวเองเป็นสำคัญ🔹
★ต้องตักอาหารเอาเอง ~ แอดมิน
จงจำไว้ว่า "การช่วยเหลือที่ดีที่สุด" ที่เธอจะมอบให้แก่ใครสักคนได้ก็คือ ✴️การปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นและย้ำเตือนกับพวกเขาให้ตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง✴️
ซึ่งมีหลากหลายวิธีที่ทำได้
⏺️ บางครั้งก็ช่วยเหลือด้วยการ ผลัก ดัน สะกิด กระตุ้น นิดๆหน่อยๆ...
⏺️ บางครั้งก็ด้วยการตัดสินใจปล่อยให้พวกเขาเลือกเส้นทางของตัวเอง ปล่อยให้เดินไปตามทางที่พวกเขาเลือก ปล่อยให้พวกเขาไปในที่ที่อยากไปโดยเธอไม่เข้าไปแทรกแซงหรือขัดขวาง (พ่อแม่ทุกคนเข้าใจทางเลือกนี้ดีพร้อมด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน)
เธอมีโอกาสที่จะทำบางสิ่งให้แก่ผู้ด้อยโอกาสหรือผู้ที่ประสบเคราะกรรม ซึ่งก็คือ ✴️ย้ำเตือนพวกเขาให้พวกเขาเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่อตัวเองเสียใหม่✴️
✴️เธอเองก็ต้องเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่อพวกเขาเหล่านั้นด้วย✴️ เพราะถ้าพวกเธอเห็นว่าพวกเขาเป็นผู้อาภัพที่ทำอะไรไม่เป็น พวกเขาก็จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
พรสวรรค์ (หรือสภาวะจิต) อันยิ่งใหญ่ของเยซูก็คือ 🔸เขาเห็นมนุษย์ทุกคนตามที่เป็นจริงๆ🔸 โดยไม่มองเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกและไม่เชื่อสิ่งที่ผู้คนเชื่อเกี่ยวกับตัวเอง เยซูมีความคิดที่สูงส่งกว่านั้นเสมอและมักจะเชื้อเชิญให้คนอื่นมีความคิดอย่างนั้นด้วย
🔸แต่เยซูก็เคารพในสิ่งที่ผู้อื่นเลือกจะเป็นด้วยเหมือนกันโดยไม่เรียกร้องให้ใครต้องมายอมรับแนวคิดอันสูงส่งของเขา เยซูเพียงร้องบอกสิ่งที่เชื่ออยู่ออกไปเท่านั้น🔸
เยซูยังปฏิบัติต่อคนเหล่านั้นด้วยความเมตตา (ถ้าคนอื่นเลือกจะมองตัวเองว่าเป็นผู้ที่จำเป็นจะต้องได้รับการช่วยเหลือ เยซูจะไม่ปฏิเสธคนเหล่านั้นเพียงเพราะพวกเขาประเมินตัวเองผิดพลาด แต่จะช่วยเหลือพวกเขาให้รักความจริงของตนเอง) แถมยังจะช่วยเหลือพวกเขาด้วยความรักเพื่อให้พวกเขาสามารถทำในสิ่งที่เลือกเอาไว้ต่อไปได้
เพราะเยซูรู้ดีว่าสำหรับคนบางคนแล้ว หนทางที่เร็วที่สุดที่จะรู้ว่าตนเองเป็นใครนั้นก็คือ 🔹ให้ผ่านทางที่คนๆนั้นไม่ได้เป็น🔹
เยซูจะไม่บอกว่าทางๆนั้นบกพร่องและกล่าวประณาม แต่จะเห็นว่าเป็นทางที่ "สมบูรณ์แบบ" ไม่ต่างกัน และ 🔸สนับสนุนให้ทุกๆคนเป็นใครก็ตามที่พวกเขาต้องการเป็น🔸
ดังนั้น ไม่ว่าใครที่ร้องขอความช่วยเหลือจากเยซูจะได้รับการช่วยเหลือทุกคน
เยซูไม่ปฏิเสธใครเลย ทว่าจะคอยใส่ใจอยู่เสมอว่าความช่วยเหลือที่ตนมอบให้กับผู้อื่นนั้นจะต้องเข้าไปเกื้อหนุนความปรารถนาของคนๆนั้นได้อย่างแท้จริง
หากมีใครที่แสวงหาการตื่นรู้จริงๆ และแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่ขั้นต่อไป เยซูจะมอบพลัง ความกล้าหาญ และสติปัญญาให้กับพวกเขาเหล่านั้น โดยใช้ชีวิตให้ดูเป็นตัวอย่าง (ซึ่งก็ถูกแล้วที่ทำอย่างนั้น) เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้คนที่แสวงหาการตื่นรู้ และถ้าคนเหล่านั้นไม่ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากมีศรัทธาในตัวเขา "ฉันจะไม่" เยซูกล่าว "นำพาพวกเธอไปผิดทาง"
✴️หลายคนมีศรัทธาในเยซู และเยซูก็ช่วยผู้ที่ร้องขอในนามของเขามาจนถึงทุกวันนี้ เพราะวิญญาณของเยซูได้อุทิศแล้วให้กับการปลุกผู้ที่เสาะแสวงหาการตื่นรู้อย่างแท้จริง และ ผู้ที่เสาะแสวงหาความเป็นฉัน ให้ตื่นขึ้น
✴️เยซูยังกรุณาต่อผู้ที่ไม่ศรัทธาในตนด้วย เพราะเขาละแล้วซึ่งความยึดมั่นถือมั่นในตน★ และไม่ตัดสินใครเลย (พระบิดาบนสรวงสวรรค์ของเขาก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน)
★ไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับตน ปฏิบัติกับทุกคนด้วยความเมตตากรุณาอย่างเท่าเทียม ไม่มีอคติ ไม่มีลำเอียง ~ แอดมิน
✴️แนวคิดเรื่องรักอันบริสุทธิ์ของเยซูมีอยู่ว่า จะมอบความช่วยเหลือให้แก่ทุกคนตามที่พวกเขาร้องขอ หลังจากชี้แจงแล้วว่าพวกเขาจะสามารถได้รับความช่วยเหลือในลักษณะไหนได้บ้าง
✴️เยซูไม่เคยปฏิเสธการช่วยเหลือใคร ทั้งยังเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะคิดว่า "เธอสร้างปัญหาขึ้นมาเองก็แก้เอาเองก็แล้วกัน" แล้วปฏิเสธการช่วยเหลือ
✴️เยซูรู้ว่าถ้าตนให้ความช่วยเหลือผู้คนตามที่พวกเขาร้องขอ (แทนที่จะช่วยเหลือด้วยความต้องการของตัวเอง) เขาจะสามารถมอบพลังให้กับคนเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสมกับระดับความพร้อมในการรับ★ของพวกเขา
★เช่นบางคนพร้อมแค่การรับความรู้และวิธีการปฏิบัติในระดับประถม ถ้าไปมอบความรู้และวิธีการปฏิบัติในระดับมหาลัยให้ มันก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยกับคนๆนั้น แถมยังจะเกิดโทษอีกด้วย ~ แอดมิน
นี่คือวิถีทางของบรมครูผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ที่เคยใช้ชีวิตอยู่บนโลกของเธอในอดีตหรือที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
N : ผมงงไปหมดแล้วครับตอนนี้ ตกลงว่าการช่วยแบบไหนกันแน่ที่จะทำให้พวกเขาอ่อนแอ❓ เมื่อไหร่ถึงจะเกิดผลเสีย (แทนที่จะเกิดประโยชน์) ต่อการเติบโตของคนที่เราเข้าไปช่วยครับ❓
G : เมื่อเธอช่วยในรูปแบบที่ยังคงการพึ่งพาไปตลอด แทนที่จะให้ยืนได้ด้วยตนเองโดยเร็ว
เมื่อเธอยอมให้อีกฝ่าย (ในนามของความเมตตากรุณา) เริ่มฝากชีวิตไว้กับเธอแทนที่จะพึ่งพาตนเอง
นี่ไม่ใช่ความเมตตา ทว่าคือการบีบบังคับ เธอใช้อำนาจในการบีบบังคับ เพราะการช่วยเหลือแบบนั้นแท้จริงแล้วคือการไปทำให้ผู้อื่นอ่อนแอลง มีเส้นแบ่งที่บางมากๆนะตรงนี้ บางทีเธอก็ไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังทำให้คนอื่นอ่อนแอ เธอก็เชื่อของเธอจริงๆว่ากำลังช่วยเหลือผู้อื่นอย่างสุดกำลัง...
แต่จงระวังเอาไว้ให้ดีว่าทั้งหมดนี้เธอไม่ได้กำลังพยายามทำเพียงเพื่อให้ตัวเองมีคุณค่าขึ้นมา เพราะยิ่งเธอทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอต้องคอยรับผิดชอบชีวิตของพวกเขามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งยอมให้พวกเขาทำให้เธอกลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเท่านั้น และแน่นอนว่ามันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า
แต่การช่วยเหลือแบบนี้คือ "ยาโด๊ปที่มีไว้เพื่อล่อลวงผู้ที่อ่อนแอเท่านั้น"
🔸เป้าหมายคือต้องช่วยผู้อ่อนแอให้เข้มแข็งขึ้นมาไม่ใช่ให้อ่อนแอลงไปอีก🔸
นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการช่วยเหลือมากมายของรัฐบาล เพราะพวกเขามักทำอย่างหลังแทนที่จะเป็นอย่างแรก โครงการของรัฐบาลสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อขยายเวลาให้ตัวเองคงอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ วัตถุประสงค์ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการคงอยู่ของตัวรัฐบาลเองพอๆกับที่พยายามจะช่วยนั่นล่ะ
ถ้าจะให้การช่วยเหลือทั้งหมดของรัฐบาลมีขอบเขตจำกัด ประชาชนต้องได้รับการช่วยเหลือในยามที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น และต้องไม่ให้ประชาชนเสพติดกับความช่วยเหลือนั้น หรือหวังจะพึ่งแต่`โครงการช่วยเหลือ`แทนที่จะพึ่งตัวเอง
รัฐบาลเข้าใจดีว่า 🔹ความช่วยเหลือนั้นคืออำนาจ🔹 นั่นคือเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลพยายามเสนอการช่วยเหลือให้มากที่สุดกับคนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งมีประชาชนได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีประชาชนสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น
ใครที่รัฐบาลสนับสนุนก็จะสนับสนุนรัฐบาล
N : ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรจะแจกจ่ายความมั่งคั่งออกไป และแถลงการณ์คอมมิวนิสต์ก็คือความชั่วร้าย
G : แน่นอนว่าไม่มีความชั่วร้ายหรอก แต่ฉันเข้าใจความหมายของเธอ
แนวคิดเบื้องหลังของประโยคที่ว่า "เปลี่ยนจากแต่ละคนได้รับไปตามความสามารถ เป็นแต่ละคนได้รับไปตามความจำเป็น" นั้นไม่ได้ชั่วร้ายอะไรเลย แต่มันคือความงดงามด้วยซ้ำ นี่คืออีกวิธีที่จะบอกว่า 🌟พวกเธอทุกคนต่างเป็นพี่น้องกัน🌟
ทว่าวิธีการนำแนวคิดอันงดงามนี้มาปฏิบัติใช้ต่างหากที่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องน่าเกลียดน่ากลัวไป
✴️การแบ่งปันต้องเป็นวิถีในการดำเนินชีวิต การแบ่งปันไม่ใช่คำสั่งที่ถูกกำหนดไว้โดยรัฐบาล การแบ่งปันต้องเป็นไปโดยสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับกัน✴️
N : มันก็วนกลับมาเข้าเรื่องเดิมอีก❗...
...
...
...
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย