1 เม.ย. 2021 เวลา 13:02 • บันเทิง

เรื่องเล่าที่ 5 : ไปขานรับทำไม รู้เหรอว่าใครเรียก

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราอยู่ ม.6 เวลาที่โรงเรียนมีจัดกิจกรรมกีฬาสี เเน่นอนว่าต้องมีกิจกรรมให้ทำ อย่างช่วยงานหรืออยู่ซ้อมกีฬากันจนมืด เเละหน้าที่หลัก ๆ ของพี่ ม.6 ก็คือต้องคุมน้อง ๆ ที่ขึ้นเเสตนด์เชียร์
ชั้น ม.6 จะมีทั้งหมด 10 ห้อง ตั้งเเต่ 6/1 - 6/10 เราอยู่ 6/9 ได้รับหน้าที่ให้ทำฉากของเเสตนด์เชียร์ ก็จะมีเรากับเพื่อนที่เป็นผู้หญิงอีก 2 คน รวมเราเเล้วก็จะเป็น 3 คน พวกเราได้รับมอบหมายจากหัวหน้าห้องว่าให้ไปซื้อของเพื่อที่จะเอามาทำฉาก เเต่ต้องบอกก่อนนะว่าเรากับเพื่อนอีก 2 คน พอมารวมตัวกันเเล้วก็กลายเป็นเเก๊งขี้เกียจเลยเเหละ ยิ่งโดนให้ออกไปซื้อของเเบบนี้ก็ยิ่งเหมือนเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ของพวกเราเลยทีเดียว
ตอนออกมาก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงกว่า ๆ เเล้ว พวกเราซื้อของกันนานมาก นานจนลืมดูเวลา ลืมว่าเพื่อนที่อยู่โรงเรียนรออยู่ พอซื้อของเสร็จเหลือบดูเวลา ตอนนี้ก็เกือบทุ่มนึงเเล้ว พวกเราก็ตาลีตาเหลือกรีบพากันกลับโรงเรียนทันที
พอถึงโรงเรียนก็เห็นเพื่อนที่กำลังรอของอยู่ พร้อมครูที่ปรึกษาที่มายืนรออยู่เหมือนกัน ตอนนั้นเรา 3 คน เหมือนนักโทษที่กำลังรอรับความผิดอยู่เลย พวกเราโดนครูว่าว่าทำไมไปกันนาน เพื่อนที่รออยู่ก็ว่าพวกเราเหมือนกัน เเต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรออกไปเพราะรู้ว่าพวกเราผิด เเละบทลงโทษที่เรา 3 คน โดนก็คือต้องอยู่ทำเเสตนจนถึง 4 ทุ่ม โดยจะมีภารโรงเป็นคนคอยดูพวกเราอยู่ ส่วนเพื่อนที่เหลือก็กลับบ้าน
ตอนนั้นบรรยากาศเวลาที่ไม่มีเพื่อนอยู่กันเยอะ ๆ นั้นวังเวงมาก ถึงจะอยู่กัน 3 คน เเต่ก็ไม่ได้ทำให้ความกลัวนั้นลดลงไปเลย เพื่อนเราอีก 2 คน เราขอใช้ชื่อย่อว่า ร กับ ศ นะ อยู่ ๆ ร ก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเราทำงานกันอยู่ เเล้วอยู่ ๆ ผีมาล่ะวะ พวกเราจะทำไงกันดี” เเล้ว ศ ก็บอกว่า “กูก็จะให้มันช่วยทำงานไง ทำกันอยู่เเค่ 3 คน เหงาจะตาย”
ตอนนั้นเราก็คิดในใจละว่ามันจะพูดทำไม เเถมตอนนี้มันก็มืดเเล้ว ไหนจะเรื่องเล่าน่ากลัว ๆ ที่เกี่ยวกับโรงเรียนผุดขึ้นมาในหัวเราอีก เเต่ก็ต้องเก็บความกลัวไว้ ไม่ได้พูดอะไรออกไป ตอนนั้นคิดเเค่ว่าต้องรีบทำงานให้เสร็จไว ๆ เเค่นั้น
ตอนอยู่บนเเสตนด์ ถ้ามองลงไปข้างล่างจะเห็นเป็นสนามบอล ทางขวาจะเป็นอู่ซ่อมรถเก่า ๆ ที่ร้างเเล้ว (โรงเรียนอยู่ติดกับอู่ซ่อมรถ) ส่วนทางซ้ายจะเป็นทางเดินออกไปนอกโรงเรียน
พอทำงานไปสักพักก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาว่า “เห้ยยยยย” ครั้งเเรกเรา 3 คน ได้ยินเหมือนกัน เเต่ไม่มีใครขานรับ เเล้วสักพักก็มีเสียงมาอีกว่า “เห้ยยยยย” เป็นอย่างนี้อยู่ 2 ครั้ง จนครั้งที่ 3 ร มันก็ขานรับไปว่า “เออ ว่าไง ใครเรียกวะ” บอกเลยว่าตอนนั้นเรากลัว เลยบอก ร ว่า “ไปขานรับทำไม รู้เหรอว่าใครเรียก” ร มันก็บอกว่า “ไม่รู้หรอกว่าใคร ขานไปงั้นเเหละ เผื่อเป็นคน”
เรากับ ศ ก็มองหน้ากันเหมือนรู้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นเเน่นอน เเล้วมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ อยู่ ๆ ก็มีกลิ่นน้ำอบลอยมา พอเรากับ ศ ที่ได้กลิ่นน้ำอบก็ถาม ร ว่าได้กลิ่นเหมือนกันมั้ย ร มันก็บอกว่าไม่ได้กลิ่นน้ำอบ เเต่ได้กลิ่นเหม็นเหมือนศพเเทน
ตอนนั้นพวกเราเลยเลิกทำงานกันเเล้วมานั่งจับกลุ่มรวมตัวกัน จะกลับก็ไม่ได้เพราะต้องรอให้ถึง 4 ทุ่ม ก่อน เราเหลือบมองที่นาฬิกา ตอนนี้เพิ่งจะ 2 ทุ่ม 45 นาที เอง สักพักกลิ่นก็เริ่มจางไป เรา 3 คน ก็เลยเริ่มหายกลัวกัน
เเต่ไม่ทันไร พวกเราก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ร้องเเบบสะอึกสะอื้นเลย ดูจากสีหน้าของ ร กับ ศ เเล้วดูท่าจะกลัวกันมาก มีเเค่เราในตอนนั้นที่ดูจะกล้าสุด เราเลยบอกพวกนั้นว่า “ไม่ต้องกลัวนะ เอางี้ละกัน เดี๋ยวเราจะไปดูให้ว่าเสียงมันมาจากตรงไหน” ด้วยความที่ใจดีเลยเดินดูให้ทั่วทั้งเเสตนด์เลย เเต่เดินหายังไงก็ไม่เจอที่มาของเสียง เเล้วยิ่งเดินเสียงมันก็ยิ่งดูฟูมฟายมากขึ้นด้วย
พอเดินกลับมา เราก็เห็นเเค่กระดาษที่เขียนไว้ว่า ‘กูกับ ศ ขอกลับบ้านก่อนนะ’ อ่านจบก็รู้สึกโกรธมาก หันมองที่นาฬิกาอีกทีก็ 3 ทุ่มกว่า ๆ เเล้ว เราก็เออ อยู่ให้ถึง 4 ทุ่ม ก็ได้
สักพักเราก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาอีกว่า “เห้ยยยยย” ได้ยินเเบบนี้มาหลายครั้งเเล้ว ด้วยความที่หงุดหงิดบวกกับที่ก่อนหน้านี้เพื่อนเคยขานรับเเล้วไม่เป็นไร เราเลยขานไปว่า “เออ ใครอ่ะ มาช่วยเก็บของหน่อย” เท่านั้นเเหละ เหมือนมีคนโยนกิ่งไม้จากไหนไม่รู้ใส่เราพร้อมกับเสียงหัวเราะตามมา (เสียงที่เราได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง) ตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกไม่ไหวเเล้ว ไม่อยู่เเล้ว เลยรีบวิ่งลงจากเเสตนด์ทันที วิ่งไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะไปตลอดเลย
พอวิ่งมาถึงลุงยามเเล้วเราก็เล่าให้ลุงเเกฟังหมดเลยว่าเจออะไรมาบ้าง ลุงเเกก็หัวเราะเเล้วบอกเราว่า “ลุงจะบอกครูพวกหนูเเล้วว่าอย่าปล่อยให้เด็กทำงานกันจนดึก เดี๋ยวอีนั่นจะออกมา” เราก็ถามลุงไปว่าอีนั่นคือใคร ลุงก็บอกว่า
“อีนั่นอ่ะมันชื่อน้อย มันเป็นเเม่ครัวอยู่โรงอาหาร ตอนเป็นเเม่ครัวมันชอบกับครูสอนพละ ครูก็ชอบพอกับมัน เเต่ครูเค้ามีครอบครัวอยู่เเล้ว พอมันรู้ว่าครูมีครอบครัวมันก็ช้ำใจ ไปผูกคอตายบนต้นไม้ข้างเเสตนด์”
ฟังจบเรานี่ตกใจมาก คือไอ้กิ่งไม้ที่เหมือนมีคนโยนใส่เรามันมีเชือกผูกกับกิ่งไม้มาด้วย หลังจากคุยกับลุงยามเสร็จเราก็กลับบ้านปกติ
เช้าวันต่อมาเราก็มาเรียนตามปกติ หลังจากเรื่องเมื่อวานเราโกรธ ร กับ ศ นะที่ทิ้งเรา เเต่ก็โกรธได้เเป๊บเดียว เพราะเรายังต้องทำงานร่วมกับมันอยู่ เราเลยไปถามมันว่าทำไมเมื่อคืนถึงหนีกลับไปก่อน ร มันก็บอกมาว่า
“ตอนที่เธอเดินตามหาเสียงร้องไห้อยู่อ่ะ เราเห็นผู้หญิงเดินตามเธอทุกฝีก้าวเลย พอจะเรียกให้เธอรู้ตัว ผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้ามาทางพวกเรา พวกเราเลยต้องกลับก่อน”
เเล้วตั้งเเต่นั้นพวกเราก็ตั้งใจทำงานกันเพราะไม่อยากโดนทำโทษอีก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา