31 มี.ค. 2021 เวลา 14:19 • ประวัติศาสตร์
《เช็งเม้ง เทศกาลกตัญญู(清明孝道节)》ฉบับภาพรวม
ที่มาของเทศกาลอาหารเย็นและเทศกาลเช็งเม้ง(寒食清明节日起源)
.
《清明》唐·杜牧
清明时节雨纷纷,ชิงหมิงเมื่อหยาดฝนโปรยปราย
路上行人欲断魂。ผู้คนสัญจรไปมาด้วยความหวั่นไหว
借问酒家何处有?ขอถามร้านเหล้าอยู่หนใด
牧童遥指杏花村。เด็กเลี้ยงวัวชี้ไกลไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวา
เมื่อพูดถึงเช็งเม้ง คนส่วนใหญ่จะนึกถึงภาพบรรยากาศในบทกวีของตู้มู่ แต่ทว่าในตอนเริ่มแรกเดิมทีนั้น เช็งเม้งไม่ได้มีสภาพบรรยากาศเช่นที่กล่าวมา หากแต่เป็นเพียงหนึ่งใน 24 กาลปักษ์(二十四节气)เท่านั้น
วันเช็งเม้งเป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศสะอาดสดชื่นและทัศนียภาพที่สวดงามที่สุดของฤดูใบไม้ผลิ ดั่งคำสุภาษิตพื้นบ้านที่ว่า: "ชิงหมิงกู๋อวี่สานสัมพันธ์ จงอย่าช้าที่จะหว่านพืชแลไถนา(农谚—清明谷雨两相连,浸种耕田莫拖延)" แล้วช่วงเวลาแห่งการปรับปรุงหน้าดินก่อนหว่านพืชในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ได้กลายมาเป็นเทศกาลแห่งการระลึกถึงบรรพชนได้ยังไงกัน? ต้องบอกก่อนว่าเทศกาลนี้มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลอาหารเย็น(寒食节)ก่อนเช็งเม้งหนึ่งวันหรือสองวัน
.
เทศกาลอาหารเย็น(寒食节)เป็นเทศกาลเก่าแก่ของยุคจีนโบราณ กล่าวกันว่าถือกำเนิดขึ้นในยุคชุนชิวเพื่อระลึกถึงเจี้ยจื่อทุย(介子推)ยอดขุนนางผู้ซื่อสัตย์และภักดี เรื่องมีอยู่ว่า ในยุคชุนชิว มีองค์ชายนามว่า “ฉงเอ่อ(重耳公子)” ผู้ครองแคว้นจิ้น(晋国)ได้ทำการหลบหนีภัยออกนอกแคว้นไปใช้ชีวิตที่ลำบากโดยมีขุนนางนาม “เจี้ยจื่อทุย” ติดตามไปรับใช้ด้วย เจี้ยจื่อทุยเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาถึงขนาดยอมเชือดเนื้อของตนให้แก่องค์ชายได้ทานเพื่อประทังชีวิต ภายหลังองค์ชายฉงเอ่อได้เสด็จกลับมายังแค้วนจิ้นและได้สถาปนาเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นนามว่า “จิ้นเหวินกง(晋文公)” เขาก็ได้จัดงานเลี้ยงเพื่อตอบแทนเหล่าขุนนางที่ได้ให้ความช่วยเหลือตนจนลืมนึกถึงเจี้ยจื่อทุย นานวันเข้าก็มีคนคอยเตือนคอยทักถึงบุญคุณของเขา เมื่อเป็นดังนี้ จิ้นเหวินกงจึงตอบแทนเจี้ยจื่อทุยโดยการจัดสร้างบ้านให้เขาและมารดาได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง แต่เขากลับตอบปฏิเสธและกลับไปใช้ชีวิตอาศัยบนเขาดังเดิม จิ้นเหวินกงจึงคิดแผนการเผาภูเขาที่เขาและมารดาอาศัยอยู่เพื่อหวังว่าพวกเขาทั้งคู่จะลงจากเขา แต่ผลกลับไม่ได้เป็นดั่งที่คิด แผนเผาภูเขาของจิ้นเหวินกงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมคือสองแม่ลูกได้ถูกไฟคอกตายคาบ้านบนเขานั้น ด้วยความผิดอย่างมหันต์ทำให้จิ้นเหวินกงจึงสั่งให้เดือนสามของทุกปีห้ามมีการก่อไฟขึ้นและต้องรับประทานอาหารสดๆ เย็นๆ รวมถึงให้ระลึกถึงคุณงามความดีของเจี้ยจื่อทุย ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของเทศกาลอาหารเย็นก่อนเทศกาลเช็งเม้งหนึ่งวันนั่นเอง ภายหลังสองเทศกาลนี้ถูกรวมเป็นวันๆ เดียวกันและการเซ่นไหว้เจี้ยจื่อทุยก็ค่อยๆ กลายเป็นการเซ่นไหว้บรรพบุรุษแทน
ประเพณีนิยมในเทศกาลเช็งเม้ง(清明节习俗)
.
ในเทศกาลเช็งเม้งนั้นมีขนบธรรมเนียมที่หลากหลายที่สืบทอดต่อๆ กันมาแต่โบราณ โดยธรรมเนียมที่เห็นได้ทั่วไปได้แก่ การเซ่นไหว้เหล่าบรรพชน(扫墓祭祖)การเที่ยวชมธรรมชาติยามวสันตฤดู(踏青春游)การประดับกิ่งหลิวไว้บนศีรษะ(戴柳插柳)เป็นต้น การไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ทุกครอบครัวจะไปถางหญ้า ปัดกวาดเช็ดถูหลุมฝังศพและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายเพื่อให้เกิดความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อยตามที่ปฏิบัติกันมา
ข้อห้ามเบื้องต้นในการเซ่นไหว้(扫墓禁忌)
.
1. ห้ามไปร่วมการเซ่นไหว้กับตระกูลอื่น
2. ห้ามผู้หญิงมีครรภ์หรือมีประจำเดือนเข้าร่วม
3. ห้ามผู้ที่มีสุขภาพที่ไม่ดีหรือกำลังอยู่ในช่วงดวงตกเข้าร่วม
4. ห้ามสวมเสื้อสีมงคล (สีแดงหรือม่วง)
5. หลีกเลี่ยงการเล่นหรือพูดคุย
จุดประสงค์ของเทศกาลเช็งเม้ง(清明目的)
.
1. เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีที่บรรพบุรุษได้สร้างเอาไว้แก่คนรุ่นหลัง
2. เป็นศูนย์รวมวงศ์ตระกูล ผังตระกูลโดยการนัดหมายวันที่จะไปไหว้
3. เป็นกรอบถนนแห่งความกตัญญูที่มีต่อผู้ล่วงลับ ชาวจีนถือความกตัญญูเป็นอันดับแรก(百善孝为先)
4. เพื่อเตือนสติว่า ความตายเกิดได้ทุกเมื่อและไม่ว่าใครก็หลีกเลี่ยงมิได้ จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันรูปแบบการเซ่นไหว้จะเปลี่ยนไปตามกระแสโลกาภิวัตน์หรือการรับวัฒนธรรมตามภูมิลำเนาของบรรพบุรุษในแต่ละท้องที่จะต่างกันออกไป แต่เทศกาลเช้งเม้งก็ยังคงเป็นเรื่องของการแสดงความกตัญญูที่มีต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับและระลึกถึงคุณงามความดีที่สร้างไว้แก่อนุชนรุ่นหลังให้มีชีวิตที่ดีขึ้นดั่งเช่นทุกวันนี้
อ้างอิงข้อมูล:
《我们的节日》学生版/中央文明办调研组组织编写. 北京:学习出版社,2006.12:38-53.
โฆษณา