28 เม.ย. 2021 เวลา 00:52 • นิยาย เรื่องสั้น
3.24. จุดกำเนิดที่ผันแปร
แม่ทัพปราบทักษิณ ไทสูจู้ ลิบอง พัวเจี้ยง
ภายหลังศึกเซ็กเพ็กผ่านไป สมควรจะเป็นจุดกำเนิดที่เริ่มต้นของสามก๊ก เล่าปี่จะต้องก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังทางเลือกที่สาม ยึดครองแทนที่เขตอิทธิพลเดิมของเล่าเปียว โดยไม่ให้โจโฉ ซุนกวน หรือแม้แต่เล่าเจี้ยงมารบกวนในเบื้องต้น เพื่อให้มีเวลาสะสมกองกำลังให้เข้มแข็งขึ้นบ้าง
หน่วยปักษาสวรรค์ที่เหลือ 7 คน อันได้แก่ อินทรี-อดีตสุมาเต๊กโช อันดับหนึ่ง นกฮูก-ฮัวโต๋ อันดับสี่ กระตั้ว-กาเซี่ยง อันดับห้า นางแอ่น-เตียวหุย อันดับเก้า หัวขวาน-ม้ากิ๋น อันดับสิบสอง และเหยี่ยวดำ-นักฆ่านิรนาม อันดับสิบสาม จึงกลับมารวมตัวประชุมกันในกระท่อมรังนกแห่งใหม่ของหมอฮัวโต๋ ขาดแต่เพียง นกยูง อันดับสิบ อีกหนึ่งปักษาที่ไปแฝงตัวอยู่กับเล่าเจี้ยง ไม่สะดวกที่จะเดินทางมา
ผู้วิเศษกระเรียน อันดับสอง กับ อีกา-ลิซก อันดับหก ถูกกระสา-อ้วนเสี้ยว อันดับสาม สังหารไปเนิ่นนานแล้ว และกระสาเองก็ตกตายไปตามกัน นั่นคือกลุ่มแรก พิราบ-โลซก กับ เค้าแมว-ขงเบ้ง อันดับแปด กับ สิบเอ็ด ก็ถูกนกเป็ดน้ำ-บังทอง ล่อลวงจนตายไป และนกเป็ดน้ำ ก็ถูกฝ่ายทายาทมังกรลอบฆ่าไปเช่นกัน เป็นกลุ่มที่สอง รวม 6 คนที่จบสิ้นชีวิตไปแล้ว
นี่คือความสูญเสียที่เกิดจากความผิดพลาดอย่างต่อเนื่อง หกปักษาสวรรค์ที่ขาดหายไป เหลือเพียงเจ็ดคนครึ่งที่เหลืออยู่ ครึ่งคนคือทายาทของลิแปะเฉีย สายลับพิเศษในแดนกังตั๋ง ที่มีเพียงอินทรี นกฮูก และเหยี่ยวดำ ที่ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนผู้นั้น นับเป็นความลับสุดยอดประการหนึ่งในหน่วยงาน
อินทรีพลังจิตซึ่งหมดสิ้นความสามารถในการอ่านจิตจากเหตุการณ์ปะทะพลังจิตกับผู้เฒ่าฮองเสงหงัน และมือสองข้างถูกตัดขาดโดยพวกสุมาอี้ จนกลายเป็นคนพิการ ซุกซ่อนบาดแผลไว้ในแขนเสื้อที่หลวมกว้าง ยามนี้ จ้าวอินทรีพี่ใหญ่ กลับสู่ใบหน้าที่แท้จริง ไม่อาจใช้สถานะสุมาเต๊กโชอีกต่อไป ยังคงทำหน้าที่ผู้นำหน่วย
อินทรีเกริ่นนำขึ้นก่อน "การเดินหมากครั้งนี้ของขงเบ้งพิสดารนัก ฉวยจังหวะรุกชิงเมืองคืนจากพวกกังตั๋งมาโดยง่าย แล้วสร้างเงื่อนไขทำพันธะสัญญาสงบศึก ทำเอาจิวยี่ไม่อาจบุกขึ้นเหนือตลอดสามปี เฉกเช่นเดียวกันกับโจโฉที่ติดสัญญาใจกับวีรสตรีจำเป็นไต้เกี้ยว ไม่รุกรานแดนใต้ เล่าปี่ ขงเบ้งจึงได้โอกาสทองสามปี สามารถใช้เล่ากี๋เป็นหุ่นเชิด สร้างอิทธิพลแทนที่เล่าเปียวในอดีต สร้างกองกำลังเกงจิ๋วให้แข็งแกร่งขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว”
"เพียงแต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่า โจโฉ จิวยี่ จะรักษาสัญญาได้ถึงสามปี หากพวกมันรู้สึกถึงเภทภัยที่คุกคาม ย่อมจะรีบชิงลงมือก่อนได้เสมอ หรือแม้แต่ส่งมือสังหารจารชนมาก่อการแทนการทำศึกสงครามก็เป็นได้" เตียวหุย-นางแอ่นแย้ง
"ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงต้องออกโรงสร้างงานให้พวกมันทั้งสองวุ่นวายสักพัก จะได้ไม่ต้องกังวลกับแผนการลับพวกนั้นแล้ว" อินทรีเสริมต่อ "กระตั้ว จงเล่าแผนการให้พวกเราฟังเถิด”
กระตั้ว-กาเซี่ยง ในฐานะกุนซือหลักในหน่วยปักษาสวรรค์ แทนที่เค้าแมว-จูกัดเหลียง และเป็ดน้ำ-บังทองที่ตกตายไปหมด ค่อยๆอธิบายเป็นลำดับ "ทางเหนือ ม้าเฉียวพร้อมจะล้างแค้นแทนบิดากับโจโฉได้ทุกเมื่อ หากมีจังหวะแล้ว เราจะยุยงให้โจโฉยกทัพไปจัดการด้วยตนเอง ก็น่าจะเพียงพอ ยิ่งถ้าสามารถสร้างสถานการณ์การเมืองให้มีความวุ่นวายภายในราชสำนักได้ด้วยอีกทางหนึ่ง ก็เชื่อมั่นได้มากขึ้นว่า โจโฉจะไม่กลับมาสร้างปัญหาทางใต้ได้แล้ว
ทางใต้ พวกเรามีไม้ตายคือ ชนเผ่าเย่ที่ผู้วิเศษกระเรียนเคยใช้เวลาทุ่มเทมาค่อนชีวิต สร้างอิทธิพลครอบงำเอาไว้ ให้เหยี่ยวดำนำป้ายสัญลักษณ์ราชครูของกระเรียนไประดมพล สั่งการให้ชาวเผ่าปล้นชิงทรัพย์สิน ก่อความวุ่นวายตามหัวเมืองชายแดนตอนล่างตามแบบผู้ก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจิวยี่ก็ต้องเดินทางลงไปจัดการเอง ไม่มีกำลังเพียงพอที่จะบุกขึ้นมาอีก และตรงจุดนี้ ควรจะประสานงานกับสายลับของเจ้าให้รับรู้ถึงภารกิจนี้ด้วยอีกทางหนึ่ง” กาเซี่ยงมองมาทางเหยี่ยวดำให้รับทราบ แล้วค่อยกล่าวต่อเนื่อง
“ทางด้านของเล่าปี่เอง ให้นางแอ่นนำตราหยกจักรพรรดิ์ที่พี่อินทรีค้นได้มาจากสุมาเต๊กโช ไปมอบให้เล่าปี่ อ้างว่า เจ้าหน้าที่ขุดพบได้จากเมืองลำหยง ที่มั่นเก่าของอ้วนสุด ขงเบ้งย่อมคิดคำนวนได้เองว่า จะใช้ประโยชน์เช่นไร แต่เจ้าควรส่งเสริมให้กวนอูเริ่มแข็งข้อ เหินห่างจากเล่าปี่ ขงเบ้งเอาไว้ด้วย ต่อไปจึงจะดำเนินแผนบ่อนทำลายได้ง่าย
ส่วนพี่ใหญ่ ให้อยู่ในความดูแลรักษาของนกฮูก และหัวขวานที่กระท่อมรังนกใหม่ซึ่งถือเป็นสำนักงานใหญ่ของพวกเรา เพื่อใช้เครื่องมือทันสมัย หาทางผ่าตัดรักษาบาดแผลให้ฟื้นคืนให้ได้มากที่สุด อีกทั้งติดต่อประสานงานกับนกยูงที่เสฉวนให้เตรียมการรอท่าไว้ ในไม่ช้า ต้องเปิดทางให้เล่าปี่เข้ายึดครองเสฉวน ฮันต๋ง จัดการเล่าเจี้ยงให้ได้ในเร็ววัน”
ทั้งหมดรับคำ และแยกย้ายกันไปดำเนินการตามแผน เมื่อจำนวนคนลดน้อยลงจากเดิม แผนที่เคยรับมาจากหน่วยงานต้นสังกัด แทบจะฉีกทิ้งได้ ต้องอาศัยปัญญาของกุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยง บวกกับกลุ่มคนในยุคสมัยนี้แทน
ยังดีที่เหยี่ยวดำมีตัวช่วยเพิ่มมาอีกคน ทำให้งานในฝั่งกังตั๋งพอจะมีคนแบ่งเบาภาระให้ แต่เหยี่ยวดำก็ไม่ค่อยได้บอกอะไรเกินกว่าที่ควรให้รู้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความผิดเพี้ยนไปจากประวัติศาสตร์ในอีกรูปแบบหนึ่งแทน
ยังมี คนคลุมหน้าในชุดพ่อค้าเร่ร่อนกับสี่องครักษ์ฝีมือดี ที่ดูเหมือนนกฮูก-ฮัวโต๋จะบ่ายเบี่ยงไม่ค่อยพูดถึงเลยว่า เป็นใคร มาจากไหน และคบหากันได้อย่างไร ทั้งๆที่ ล่าสุด ผลงานที่ฝากไว้ก็คือ กระท่อมรังนกใหม่แห่งนี้นี่เอง
กระท่อมรังนกใหม่ถูกสร้างขึ้นในหุบเขาลึกลับ ห่างจากสถานที่ดั้งเดิมไม่กี่สิบลี้ ถึงกับโยกย้ายอุปกรณ์เครื่องมือล้ำยุคบางส่วนมาก่อนแล้ว หากแต่คราวนี้ ไม่ต้องเปิดให้เป็นโรงเรียนการแพทย์ แต่ปลูกสร้างให้กลมกลืนดูคล้ายบ้านเรือนชาวไร่ชาวนาที่พอมีฐานะทั่วไป เพื่อไม่ให้ร่องรอยของหมอเทพยดาถูกเปิดเผยแพร่งพรายออกไป
พื้นที่รายรอบนั้น เป็นชนบทบ้านป่าบ้านไร่อย่างแท้จริง หลายคนถึงกับเคยเป็นคนไข้ขาประจำของโรงเรียนการแพทย์มาก่อนด้วยซ้ำ ดังนั้น พอเข้าใจในสถานการณ์แล้ว ทุกคนจึงพร้อมจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการปกปิดร่องรอยฐานะของหมอเทพผู้มีพระคุณ
ดังนั้น หมอฮัวโต๋จึงได้แต่มอบตำราแพทย์ขั้นพื้นฐาน และชี้แจงอธิบายกับลูกศิษย์คนสนิทที่ยังติดตามมาถึงที่นี่ ให้แยกย้ายกันออกไป เพื่อช่วยเหลือผู้คนตามถิ่นที่อยู่ของตนเอง ไม่ต้องอ้างต้นสังกัด หรือหวนกลับคืนมายังสำนักอีก เป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย และไม่ให้เปิดเผยร่องรอยจนเกินไป
คงเว้นแต่ฮ่วมอา โงโพ้ สองศิษย์เอก ที่นกฮูกขอสงวนไว้ใกล้ตัว เพื่อเรียนรู้วิชาการแพทย์ขั้นสูงต่อไป และช่วยเหลือหน่วยปักษาสวรรค์ในด้านการแพทย์ในอนาคต ยามนี้ ถึงกับฝากฝังให้เหยี่ยวดำช่วยคัดสรรวิทยายุทธ์ไว้ให้ป้องกันตัวบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เปิดเผยความลับขององค์กรให้ทราบแต่อย่างใด
ภายหลัง เหยี่ยวดำจึงคัดเลือกตำราหมัดมวยนาม เบญจลักษณ์ ซึ่งผู้วิเศษกระเรียนเคยเก็บรวบรวมไว้ในถ้ำลับหุบเขาเซียนปีศาจ กระบวนท่าเหล่านี้ คนโบราณลอกเลียนท่าทางมาจากสัตว์ทั้งห้า อันได้แก่ ลิง หมี กวาง เสือ กระเรียน มุ่งเน้นให้ส่งเสริมสุขภาพเป็นสำคัญ แต่เหยี่ยวดำช่วยปรับแต่งเพิ่มเติมให้เป็นกระบวนท่าเข้มแข็ง ฝึกฝนง่ายขึ้น สามารถรุกรับได้จริง โดยผนวกเข้ากับมวยเบญจลักษณ์สายเส้าหลิน ซึ่งเป็นการตีความใหม่เป็น งู เสือดาว มังกร เสือ กระเรียน ตามแนวทางวัดเส้าหลินที่ยังไม่ถือกำเนิดบนโลกในช่วงเวลานั้น
อันที่จริงแล้ว มวยเบญจลักษณ์โบราณก็คือต้นกำเนิดของมวยเบญจลักษณ์สายเส้าหลิน โดยที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อแห่งวัดเส้าหลินเป็นผู้ค้นคิดขึ้นมา หากแต่ในยามนี้ เหยี่ยวดำกลับกลายเป็นการนำเอาเหล้าเก่าใหม่มาผสมผสานกัน และดัดแปลงเพิ่มเติมขึ้นมาเองด้วย จึงกลายเป็นแนวทางใหม่ของเพลงมวยชื่อดังชุดนี้ ภายใต้ยี่ห้อของหมอเทพยดาฮัวโต๋ไปเสียแล้ว
สถานการณ์ฝ่ายเหนือ ม้าเฉียว ม้าต้าย สายนักรบแห่งเสเหลียง ร่วมมือกับหันซุย น้องร่วมสาบานของม้าเท้ง ปรับขบวนสะสมเสบียงอาวุธและฝึกฝนกองทัพเสเหลียงอย่างเข้มแข็ง หมายจะทำสงครามใหญ่กับโจโฉ กดดันชายแดนตอนเหนือจนตึงเครียด ล่าสุด ถึงกับนำกองทัพบุกยึดมณฑลเปงจิ๋วได้ทั้งหมด สังหารเจ้าเมืองเตียวเอี๋ยนตายในที่รบ ปิดฉากลูกสมุนเก่าพรรคฟ้าเหลืองไปอีกหนึ่งคน
ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก น้องชายต่างมารดาของม้าเฉียว อีกสองคุณชายที่ชำนาญด้านงานบุ๋น ทุ่มเทให้กับงานรากฐานมานาน ในที่สุด เริ่มมีผลงานออกมาให้เห็นในการพัฒนาบ้านเมือง ปรับปรุงเศรษฐกิจ และสร้างสัมพันธ์ทางการทูตกับชนเผ่าเกี๋ยง เผ่าตี ทางเหนือ แลกเปลี่ยนความรู้วิชาการกับต่างชาติไม่หยุดยั้ง จนเมืองเสเหลียงเข้มแข็งยิ่งขึ้นทั้งการทหาร การเกษตร และการค้าอย่างเห็นได้ชัดเจน กลายเป็นความหวังครั้งใหม่ของชนเผ่าร่อนเร่นอกด่าน และหัวเมืองด้านเหนือ
ขณะที่เมืองหลวงเกิดความเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มเชื้อพระวงศ์และกลุ่มบัณฑิตขงจื้ออีกครั้ง มีข่าวแพร่สะพัดถึงความไม่พอใจที่โจโฉใช้ทุนทรัพย์ท้องพระคลังไปใช้จ่ายในปราสาทนกยูง และเมืองน้อยแห่งใหม่จนแทบหมดเกลี้ยงเงินทุนสำรอง การแต่งตั้งสุมาอี้เป็นผู้นำลัทธิเต๋าแทนสุมาเต๊กโช จนเลยเถิดไปถึงข่าวที่กษัตริย์เหี้ยนเต้ต้องการเรียกอำนาจคืนจากพระมหาอุปราชโจโฉอีกครั้ง
แต่เนื่องจากยังไม่ปรากฏตัวผู้นำเจ้าภาพให้จับทางได้ ทำให้บรรยากาศการเมืองเริ่มอึมครึม จนโจโฉที่ตกเป็นเป้าหมาย ต้องสงบนิ่ง ไม่กล้าผลีผลามออกจากที่มั่นสำคัญ ได้แต่ให้สี่เทวะ ห้าพยัคฆ์ กุมอำนาจทางทหารไว้ให้เหนียวแน่น
นอกจากนี้ กาเซี่ยงยังแอบเติมเชื้อเพลิงศึกสายเลือดผ่านโจผีที่มีอารมณ์ชิงชังรุนแรง ให้เกิดความระแวงต่อโจเจียง โจสิด โจหิม สามพี่น้องที่เกิดจากนางเตียวเสี้ยน แม่เลี้ยงคนใหม่ที่สมอ้างเป็นนางเปียนสี ทำให้มรสุมระหว่างพี่น้องต่างมารดา เริ่มก่อตัวขึ้น สร้างความปวดหัวให้โจโฉเพิ่มขึ้นด้วยอีกเรื่องหนึ่ง
...
ทางฝ่ายใต้ การก่อกวนจากเผ่าเย่ สร้างความหนักใจให้จิวยี่ได้ตามคาด ผู้วิเศษกระเรียนที่เคยแฝงกายอยู่แดนใต้เนิ่นนาน สั่งสอนชนเผ่านี้ให้ชำนาญการรบแบบกองโจร จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชครูของหุยก้าน หัวหน้าชนเผ่าเย่ ทำให้มีบารมีมากพอจะสั่งการอันเกิดคุณประโยชน์ต่อเผ่าได้บ้าง เมื่อเหยี่ยวดำนำป้ายประกาศิตนกกระเรียนไปแสดงต่อผู้นำ จึงได้รับความร่วมมืออันดีโดยง่าย
แต่จิวยี่กลับคิดเห็นแตกต่างจากที่พวกปักษาสวรรค์มุ่งหวัง เพียงส่งขุนพลมือเก่า ไทสูจู้ เป็นแม่ทัพปราบขบถ ขุนพลที่ชำนาญพื้นที่ท้องถิ่นอย่าง ลิบอง พัวเจี้ยง เป็นรองแม่ทัพไปประสานงานกับซุนเซียง น้องชายของซุนกวนที่เป็นเจ้าเมืองทางใต้ คล้ายจะผลักดันให้ไทสูจู้ ขุนพลคู่บารมีของซุนเซ็ก ได้มีผลงานโดดเด่นพร้อมที่จะขึ้นมาเป็นเสาหลักฝ่ายบู๊แทนตำแหน่งขุนพลอาวุโสอุยกายผู้ล่วงลับ
ส่วนตัวจิวยี่เองกับหนึ่งบุ๋นหนึ่งบู๊ ลกซุน เล่งทอง กลับเดินทางมาปักหลัก เดินหมากกระดานใหม่อยู่กับซุนกวน โลซก ที่เมืองต๋องง่อแทน ปล่อยให้กำเหลง จิวท่าย สองขุนพลอดีตโจรสลัด ฝึกทหารอยู่ที่เมืองชีสองอย่างเข้มงวดต่อไป
เป้าหมายสำคัญของจิวยี่ในครั้งนี้คือ ชิงตราหยกจักรพรรดิ์จากเล่าปี่ คืนกลับสู่ทายาทของเจ้าของเดิม งานนี้ แผนการของหน่วยปักษาอาจมีข้อบกพร่องเสียแล้ว กลับกระตุ้นให้เสือหนุ่มเกิดความประสงค์ร้ายต่อเล่าปี่ไปได้
...
ฝ่ายตะวันออก เล่าปี่ ขงเบ้ง ยึดครองเมืองเกงจิ๋วเดิม อาศัยตราหยกที่เตียวหุยค้นพบ ลอบกดดันให้เล่ากี๋ผู้อ่อนแอ มอบอำนาจการปกครองทั้งหมดให้อย่างเป็นทางการ ยอมรับชะตากรรมไปใช้ชีวิตแบบคุณชายเจ้าสำราญตามที่ชื่นชอบ เป็นการสิ้นสุดอิทธิพลเก่าของเล่าเปียวอย่างสิ้นเชิงแล้ว
จากนั้น ขงเบ้งยังส่งจดหมายลับให้เล่าเจี้ยงร่วมกันยกระดับชูธงฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น ต่อต้านทรราชย์โจโฉ ถึงแม้ว่าไม่มีการตอบรับจากเล่าเจี้ยง แต่ก็ไม่มีคำโต้แย้งกลับมาเช่นกัน ทำให้ขงเบ้งประเมินว่า เล่าเจี้ยงอ่อนหัดจริงๆ คิดแต่จะปกป้องเขตแดนตัวเอง ไม่มีความคิดปกป้องราชสำนักอีกต่อไป
ขงเบ้งจึงเริ่มเปลี่ยนแนวทาง ไม่พึ่งพาประเด็นเชื้อพระวงศ์ แต่หันมาจุดประเด็นตราหยกจักรพรรดิ์ และโองการโลหิตด้วยความกล้าหาญที่จะต่อต้านกับโจโฉโดยตรง เชิดชูผลงานการรบที่โดดเด่นในช่วงเวลาที่ผ่านมา สร้างความยอมรับให้เล่าปี่ในฐานะรัชทายาทอันดับหนึ่งแทนเล่าเปียวผู้ล่วงลับ
ส่วนเตียวหุยเองปกครองเมืองซงหยง แต่ก็แวะเวียนปลุกปั่นกวนอูที่เมืองกังแฮ ให้เกิดความขุ่นเคืองต่อการกระทำของกุนซือมังกรซ่อน ขงเบ้งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของสามพี่น้องร่วมสาบานลดลงอยู่เนืองๆ และโยงใยไปถึงเรื่องอื้อฉาวของกวนอูกับอดีตฮูหยินทั้งสองที่เกิดเป็นคำร่ำลือในท้องตลาดว่าเป็นฝีมือของขงเบ้ง จนกวนอูเริ่มหวั่นเกรงว่าเล่าปี่จะแค้นเคืองขึ้นมาบ้างแล้ว พลอยทำตัวห่างเหินกันมากขึ้น และลอบสะสมฐานกำลังของตนเอง
นอกจากนี้ เตียวหุยยังผูกสัมพันธ์กับจูล่งที่ยังอยู่เป็นขุนพลองครักษ์ให้เล่าปี่ ด้วยการมอบทวนไร้น้ำใจของลิโป้ให้เป็นของกำนัล อ้างว่าน้ำหนักทวนไม่เหมาะมือเท่ากับทวนอสรพิษเดิมที่เคยใช้ ทางหนึ่งเพราะเตียวหุยลอบให้หัวขวานติดตั้งกลไกพิสดารไว้ในทวน อีกทางหนึ่งเพราะทวนไร้น้ำใจเป็นทวนเสี้ยวจันทร์ มีรูปทรงสะดุดตาเกินไป คราวนี้ หากจูล่งมีความเคลื่อนไหวใด ก็จะสังเกตได้โดยง่าย
ส่วนตนเองก็ปัดฝุ่นนำเอาทวนอสรพิษที่หักสองท่อนมาให้หัวขวานซ่อมแซม กลับทำให้ทั้งสองค้นพบความลับสะท้านฟ้าสะเทือนดินขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ลายแทงขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองที่ร่ำลือกันมานาน ได้ถูกซุกซ่อนอยู่ในกลไกของทวนเล่มนี้มาเนิ่นนานหลายปี และได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหัวขวานกับนางแอ่น-เตียวหุยแล้ว
...
กลับมาที่ด้านอินทรีพลังจิตซึ่งสูญเสียมือไปทั้งสองข้าง จนจิตใจแทบแตกสลาย แต่ในที่สุด หน่วยปักษาก็ยังคงมีไม้เด็ดซุกซ่อน ทำให้อินทรีได้มองพิจารณามือคู่ใหม่ของมันด้วยความอัศจรรย์ใจ เป็นฝีมือการเชื่อมต่ออวัยวะของนกฮูก นำเอามือของมันเองกลับมาต่อติดกันได้ อีกทั้งยังผสมผสานกับแผ่นเหล็กบางเฉียบที่ห่อหุ้มส่วนรอยต่อไว้ เหมือนกับกำไลข้อมือที่กลมกลืนกับยุคสมัยจากฝีมือของหัวขวาน ทำให้ช่วงเวลาสั้นๆนี้ มันสามารถใช้มือทั้งสองได้เหมือนคนปกติราวห้าหกส่วนแล้ว
ภายหลัง นกฮูก หัวขวาน ยิ่งร่วมกันค้นคิดเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เพื่อชดเชยสิ่งที่สูญเสีย เมื่อใส่ถุงมือใยเหล็กของหัวขวานคลุมทับไปอีกชั้นหนึ่ง ทำให้มือแขนขยับเขยื้อนได้เกือบแปดเก้าส่วนเลยทีเดียว รวมทั้งกลายเป็นอาวุธทรงประสิทธิภาพติดตัวไปอีกชิ้นหนึ่ง สามารถบีบหักท่อนฟืน และตะกุยก้อนหินเป็นริ้วรอยลึกได้ด้วยมือเปล่า ยามนี้ อินทรีพลังจิตจึงกลับกลายเป็นอินทรีมือเหล็กไปแล้ว
พออินทรีมือเหล็กกับนกฮูก-ฮัวโต๋ ได้รับทราบข้อมูลลายแทงขุมทรัพย์จากนางแอ่น-เตียวหุยและหัวขวานแล้ว จึงปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้ ภาพในอดีตเริ่มชัดเจนกระจ่างขึ้น
การที่นางแอ่นสวมรอยแทนเตียวหุย ที่เป็นดาวร่ำรวย คนดูแลขุมทรัพย์ของพรรคฟ้าเหลืองโดยบังเอิญ ทำให้ระบบการเงินของพรรคฟ้าเหลืองหยุดชะงัก ยิ่งเมื่อเตียวก๊กที่ออกมาแก้ไขเรื่องราว กลับถูกลอบสังหารไปอีกคน กลับลุกลามต่อเนื่องเป็นต้นเหตุความเสื่อมสลายของกองโจรโพกผ้าเหลืองอย่างกระทันหัน จนเตียวหยุน ทายาทของเตียวก๊กต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่เป็นเตียวจูล่ง เร่ร่อนสร้างขุมกำลังสัตตดาราขึ้นมาแทน และสาเหตุที่ขุมกำลังสัตตดารายังคงละเว้นชีวิตของเตียวหุยไว้มานาน ก็เพราะรอคอยเบาะแสของขุมทรัพย์มหาศาลนี่เอง
ภายในลายแทงดังกล่าว นอกจากจะระบุตำแหน่งของขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองแล้ว ยังมีข้อความรูปภาพปริศนาอีกจำนวนหนึ่ง ราวกับเป็นรหัสลับที่ยังขบคิดไม่เข้าใจ พวกหน่วยปักษาจึงหยุดยั้งการตีความ คงต้องรอพบสถานที่จริง จึงจะเข้าใจมากขึ้น
แต่ในเมื่อหน่วยปักษาสวรรค์ครอบครองขุมทรัพย์นี้ได้ การส่งเสริมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้มีเปรียบ ก็ไม่ยากอีกต่อไปแล้ว สมบัติของพรรคฟ้าเหลืองกลายมาเป็นไพ่เด็ดอีกใบหนึ่งของขุมกำลังนี้ แต่อินทรีให้ปกปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน ให้รู้กันแค่สี่คนที่เกี่ยวข้องนี้เท่านั้นก่อน ไม่จำเป็นต้องบอกต่อสมาชิกคนอื่นๆด้วย
ณ เขตแดนเมืองเกงจิ๋ว ม้ากิ๋น อดีตหัวหน้าช่างขี้เมาที่หลบหนีมาจากหุบเขามังกรซ่อน เพราะกลัวอิทธิพลบ่อนพนันที่ติดค้างหนี้สิน สุดท้าย ก็ถูกจับกุมตัวกลับไปเป็นทาสเชลยอยู่นานร่วมปี และเพิ่งหลบหนีออกมาได้ หมายจะตามหาอ้วนยู ปราชญ์เฒ่าผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งได้ข่าวว่า มาคุมงานก่อสร้างอยู่แถบนี้ แต่คลาดกันอีกครา และตัวเองไม่อาจหลบพ้นเภทภัย ถูกกลุ่มศัตรูเก่ารุมล้อมเอาไว้
แต่แล้ว กลับมีพ่อค้าเร่ร่อนพร้อมกับองครักษ์ติดตามสี่คนปรากฏกายมาช่วยเหลือเอาไว้ ขับไล่พวกนักเลงไปหมดสิ้น และเมื่อม้ากิ๋นกล่าวแนะนำตัวแล้ว พ่อค้าเร่ร่อน ซึ่งก็คือ เตียวล่อ เจ้าเมืองฮันต๋ง และสี่องครักษ์พระกาฬ ที่แวะชมดูศึกเซ็กเพ็ก จนพบเห็นลมวิหคธนูกระเรียน อันเป็นที่มาของสัญลักษณ์ประจำหน่วย คล้ายค้นพบของวิเศษ หัวร่อร่า พร้อมสวนคำ “ที่แท้เจ้าก็คือม้ากิ๋นที่หายสาบสูญ ข้าติดตามค้นหามาทั้งชีวิต บัดนี้ ได้เจอกับอัจฉริยะตัวจริงเสียที”
เตียวล่อกับพวกกำลังจะเดินทางกลับเมือง จึงชักชวนม้ากิ๋นให้ไปทำงานด้วยกัน ซึ่งม้ากิ๋นย่อมตอบรับด้วยความยินดี ทั้งหมดจึงแวะไปนั่งกินอาหารชื่นชมเมืองอยู่ที่ชั้นบนของอาศรมหรรษา โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองก่อนเดินทางกลับ
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินสุขสำราญ เตียวล่อมองออกไปด้านนอก พลับพบเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนด้านนอก คนผู้นั้นใส่หน้ากากหนังมนุษย์ไว้ ทำตัวสมถะธรรมดาปกปิดสถานะที่แท้จริง แต่มันกลับดูออกว่า คนผู้นั้นก็คือ เตียวเจียว เสาหลักฝ่ายบุ๋นแห่งกังตั๋ง ซึ่งไม่ควรข้ามฝั่งมาถึงถ้ำเสือเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ
เห็นเตียวเจียวเดินเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมอย่างคุ้นเคย เดินตรงไปยังห้องพิเศษฝั่งตรงข้าม จากนั้น ค่อยมีคหบดีใบหน้าอิ่มเอิบกับนักพรตชราหน้าตาอัปลักษณ์เดินเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง และหายลับเข้าไปในห้องเดียวกันอย่างรวดเร็ว
พ่อค้าเร่ร่อนตัวแข็งเกร็ง ทำเฉยชาไม่ให้มีพิรุธเรียกร้องความสนใจ แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ “แย่แล้ว ต่อไป เราไม่อาจเคลื่อนไหวเช่นนี้อีกแล้ว หากมันเกิดจดจำเราได้ มีแต่จะเสียหายยับเยิน เรื่องราวทางนี้ ต้องปล่อยให้คนอื่นจัดการกันเองแล้ว”
พอได้โอกาสเหมาะ เตียวล่อจึงรีบจ่ายเงินแล้วพาตัวม้ากิ๋นออกเดินทางไกลในทันที และไม่กล้าย้อนเดินทางเข้ามาดินแดนทางฝั่งตะวันออกอีกเลย จนอีกหลายปีต่อมา ข่าวคราวการพัฒนาโลหะพิสดารจนทำให้อาวุธเมืองฮันต๋งแข็งแกร่งกว่าอาวุธทั่วไปกลับแพร่งพรายออกมา โดยมิได้ระบุชัดเจนว่า คงเป็นฝีมือความคิดของอัจฉริยะการช่างคนใด เพียงแต่เห็นว่า ผู้นั้นคล้ายชอบดื่มสุราเล่นพนันอยู่บ้าง
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา