9 เม.ย. 2021 เวลา 13:17 • ความคิดเห็น
สวัสดีปีใหม่ ณ สารสิน
แสงความทรงจำเล็ก ๆ ท่ามกลางโลกมืดมน
#เรื่องเล่าจากคลังภาพ #รายการลัดเลาะ
#สะพานสารสิน #tsunami2004
พอพูดถึงเทศกาลปีใหม่ ใครต่อใครก็ตั้งตารอ ภาพการนับถอยหลัง การจุดดอกไม้ไฟ การเลี้ยงฉลองข้ามคืนกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ในวันสุดท้ายของปี ดูจะเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้
ผมผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่มาแล้ว 40 ปี ซึ่งในแต่ละปีก็แตกต่างกันไป แต่พอลองนึกย้อนไปในวัยเด็ก กลับมีความรู้สึกว่างานปีใหม่ตอนนั้นมันสนุกกว่าตอนนี้
อาจเป็นเพราะความเคยชิน อาจเป็นเพราะเรามีศักยภาพพอที่จะฉลองเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องรอเทศกาล อาจเป็นเพราะเรามีเรื่องให้ใส่ใจมากกว่า หรืออาจเพราะสังขารต้องการพักผ่อน
แต่ถ้าจะให้เจาะลึกถึงความทรงจำ มันมีน้อยครั้งที่ผมจดจำเรื่องราวในช่วงเวลาสุดท้ายของปีเก่าและเริ่มต้นวินาทีแรกของปีใหม่ได้
แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ผมจำได้ขึ้นใจ...
เรื่องเล่าจากคลังภาพ
ในช่วงท้ายของปี ค.ศ.2004 หรือ พ.ศ. 2547 ประเทศไทยและอีกหลายประเทศ ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่แบบชนิดที่ตั้งตัวไม่ทัน จากคลื่นยักษ์สึนามิ
ความช่วยเหลือถูกส่งลงไปยังจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันแบบด่วนที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ที่ผู้ใจบุญบริจาคมา ถูกนำมารวมไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฉพาะกิจ เพื่อรอเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมานำพามันไปยังผู้ที่ต้องการ
หนึ่งในอาสาสมัครกลุ่มนั้นคือผมกับเพื่อนร่วมงานรวม 20 ชีวิต
กลุ่มอาสาสมัครขนของจากวิภาวดี ไปส่งจังหวัดภูเก็ต 31 ธันวาคม 2004
วันที่ 31 ธันวาคม 2004 ด้วยรถปิคอัพร่วม10คันที่ได้รับเอื้อเฟื้อจากผู้บริหารของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ เราบรรทุกข้าวของเครื่องใช้จำเป็น อัดให้แน่นมากที่สุดเท่าที่รถกระบะคันหนึ่งจะทำได้
และช่วงบ่ายของวันนั้นเอง เราจึงเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยมีจุดหมายคือจังหวัดภูเก็ต
ช่วงเวลานี้ ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถูกใช้เป็นแรงขับเคลื่อนของภาระกิจ ความสนุกสนานของการเดินทางโดนตัดทิ้งออกไปตั้งแต่ต้น
แม้ว่าเราจะออกเดินทางกันในช่วงแสงแดดจ้า แต่ก็รับรู้ได้ถึงความมืดมนและเงียบงันที่ปกคลุมประเทศไทย
ทั้ง ๆ ที่มันเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง แต่ดูเหมือนอาสาสมัครทุกคนจะลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท
ในระหว่างทางพวกเราจอดพักกันน้อยมาก แค่กินข้าว ทำธุระส่วนตัว กับเติมน้ำมัน เพราะหวังจะให้ความช่วยเหลือจากผู้บริจาคถึงมือผู้ประสบภัยเร็วที่สุด
การเดินทางแบบรวดเดียวที่ยาวนาน รวมกับถนนหนทางที่ไม่คุ้นชิน ในยุคนั้นไม่มีอุปกรณ์นำทางอย่าง GPS หวังพึ่งได้เพียงแผนที่และความทรงจำของผู้นำขบวน
เวลาล่วงเลยมาจากเย็นเป็นค่ำ จากค่ำเป็นดึกบวกกับการหลงทาง ทำให้จังหวัดภูเก็ตยิ่งไกลออกไป
ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่า อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าสู่วันแรกของปี 2005 เรารู้เพียงอย่างเดียวว่าตอนนี้เราอยู่จังหวัดพังงา แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนและอีกนานแค่ไหนจะถึงที่หมาย
ความเหนื่อยล้าเริ่มลุกลามจากขามาที่เอว จากแขนมาที่ไหล่ จนลามขึ้นหัวและไปถ่วงหนังตาให้ปิดลง โทรศัพท์จึงถูกใช้เพื่อพูดคุยกับรถคันหน้าบ่อยครั้ง
และก่อนที่เราจะหมดแรง ก็เหมือนมีของขวัญเล็ก ๆ ที่ส่งมาจากใครหรืออะไรที่เราไม่อาจรู้ได้ มันคือความบังเอิญที่น่าประหลาดใจ ระยะทางกรุงเทพฯ ถึงภูเก็ต 830 กิโลเมตร แต่เรากลับมาถึงยังสะพานสารสิน สัญลักษณ์การย่างเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตที่มีความยาวเพียง 660 เมตร ในเวลาเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ
ตอนนั้นเองพวกเราเริ่มนึกขึ้นได้ว่านี่มันคือวันปีใหม่ พวกเราต่างโทรหากันแล้วจากนั้นรถทุกคันจึงพร้อมใจกัน จอดตรงกลางสะพานแล้วเปิดประตูออกมา กล่าวทักทาย " สวัสดีปีใหม่ " และโอบกอดกันขจัดความเหนื่อยล้าออกจนหมดสิ้น ราวกับถึงเส้นชัย
สะพานสารสิน 00:00 1 มกราคม 2005
แม้ไม่มีงานเลี้ยง แม้จะอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจนถึงขีดสุด แต่การมายืนตรงจุดนี้ ผ่านเข้าสู่ศักราชใหม่ พร้อมกับเพื่อนผองร่วมอุดมการณ์ ความตั้งใจดีและเป้าหมายเดียวกัน
กลับกลายเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่จดจำได้ยาวนาน
จากนั้น ภาระกิจของพวกเราสำเร็จลงด้วยดี เรานำของส่งถึงมือศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้เขานำส่งต่อไปยังผู้ที่ต้องการมัน อย่างน้อยก็น่าจะช่วยบรรเทาความยากลำบากแก่พวกเขาได้
ส่งของบริจาคสู่จุดหมาย
ยามเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเดือดร้อน การยื่นมือเข้าช่วยตามกำลังและความสามารถที่พอจะทำได้ เป็นสิ่งพึงกระทำ มันบอกให้รู้ว่าโลกนี้ยังน่าอยู่
และบางครั้งในช่วงชีวิตหนึ่ง เราอาจตกอยู่ในห้วงเวลาที่ยากลำบาก ให้ลองมองหาสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย จงจับจ้องและระลึกถึงมันเอาไว้ เหมือนกับแสงสว่างเล็ก ๆ ในโลกที่มืดมน
เพราะสิ่งนั้นอาจทำให้เรามีแรงที่จะก้าวต่อไป
สุดท้ายนี้ ผมต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียในครั้งนั้นด้วยครับ และหวังว่าวิญญาณของผู้ล่วงลับจะอยู่ในภพภูมิที่ดี
เขียนโดย โจน ทะยาน ตะลุย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา