14 เม.ย. 2021 เวลา 01:22 • ความคิดเห็น
ติดรถมาด้วย
ผู้โดยสารจากปรโลก
#เรื่องเล่าจากคลังภาพ #ลัดเลาะลี้ลับ
#tsunami2004
"ปรโลก" หมายถึงโลกหน้า โลกอื่น หรือโลกคู่ขนาน จึงน่าจะเป็นคำที่ใช้อธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด
ถึงผมจะเป็นคนไม่กลัวและไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับ แต่เอาเข้าจริงจะเรียกว่าไม่เชื่อก็ไม่เชิง ต้องเรียกว่าเพิกเฉยเสียมากกว่า จะภูติผีหรือวิญญาณ เราอยู่กันคนละโลกคนละมิติ ไม่เกี่ยวข้องกัน
แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยพบเจอ ดังเช่นเหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้
....
มันเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว (สวัสดีปีใหม่ ณ สารสิน) ในเหตุการณ์ คลื่นยักษ์สึนามิปี 2004
หลังจากผมกับเพื่อน ๆ นำของบริจาคไปส่งยังศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรียบร้อย พวกเรายังอยู่ต่อเพื่อช่วยหยิบจับอะไรได้บ้าง
เรานำคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอที ไปติดตั้งให้เหล่าแพทย์อาสาใช้งานกันที่วัดย่านยาว อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ซึ่งตั้งเป็นศูนย์ตรวจสอบร่างไร้วิญญาณของผู้ประสบภัยชั่วคราว
บรรยากาศในวัดเต็มไปด้วยความโกลาหล เสียงไซเรนดังแทบไม่ขาดสาย การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ อีกเสียงเรียกขานของผู้คน เสียงสอบถามหาญาติที่สูญหาย หรือแม้กระทั่งเสียงเฮลิคอปเตอร์ขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้ไม่มีที่เหลือสำหรับความโศกเศร้า เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทำงานแข่งกับเวลา จนสุดความสามารถ ภายใต้สถานการณ์ภัยพิบัติระดับมังกร รวมถึงพวกเราเองที่สาละวนอยู่กับการ ติดตั้งอุปกรณ์ไอทีให้เจ้าหน้าที่ใช้งาน
แต่ยังมีอีกหลายสิ่งในสถานที่แห่งนี้ ที่ผมไม่อาจบรรยายได้ เพราะมันเลวร้ายเกินกว่าจะขุดคุ้ยมันขึ้นมา
บรรยากาศภายในวัดย่านยาว 1 มกราคม 2005
พวกเราช่วยงานที่วัดย่านยาวอยู่ถึงเย็น จนไม่เหลืออะไรที่เราพอจะทำได้อีกแล้ว เราจึงตัดสินใจกลับไปพักผ่อนที่ภูเก็ต เพื่อจะเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันถัดไป
การเดินทางกลับภูเก็ตของเราก็มีชาวต่างชาติ ขอติดรถกลับมาด้วย ซึ่งเราเองก็ยินดี แต่นี่ไม่ใช่ผู้โดยสารคนที่ผมจั่วไว้ในหัวเรื่อง เพราะเหตุการณ์มันเกิดหลังจากนั้น
พวกเราเก็บข้าวของพร้อมเดินทางกลับในเย็นวันถัดมา
เราใช้เส้นทางพังงาเข้าระนอง แล้วเลี้ยวมาทางอำเภอพะโต๊ะ ซึ่งเป็นทางเขาสลับซับซ้อนและมีถนนสองเลนสวนกัน ทำให้มีบางคันในขบวนตามกลุ่มไม่ทัน พวกเราจึงจอดแวะพักและรอกันข้างทางกลางเขา ในช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่ม
ดูเหมือนการเดินทางในความมืดหลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า จะเป็นความเคยชินของเราไปแล้ว พอเพื่อน ๆ มากันครบ เราก็เดินทางกันต่อทันที
1
ผมจำไม่ได้แล้วว่าเราออกจากพะโต๊ะ ถึงอำเภอหลังสวนเวลากี่โมง แต่รู้ว่าดึกมาก
และตอนที่ผมกำลังขับรถตามขบวนอยู่ บนถนนเพชรเกษมบริเวณอำเภอหลังสวน เหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้น......
ผมวิ่งเลนขวาและเหลือบไปมองกระจกข้างซ้าย ว่าว่างมั้ยก่อนที่ผมจะเปลี่ยนมาวิ่งเลนซ้าย
ตอนนั้นในรถมีผมกับภรรยาและเพื่อนชื่อสุวิทย์ ซึ่งทุกคนหลับหมด อีกทั้งสุวิทย์ดันมานั่งหลับพิงกระจกอยู่ที่แคบหลังคนขับ แทนที่จะอยู่ฝั่งคนนั่งแบบปกติคนเขาทำกัน
และการมองกระจกซ้ายครั้งนั้น ทำให้ผมได้เหลือบไปเห็น หญิงสาวผู้หนึ่ง เธอมีผมยาวและเปียกโชก นั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง อยู่ที่แคบหลังเบาะที่ภรรยาผมนั่ง
1
ผมรู้ได้ทันทีว่าเธอผู้นั้นคงพลัดหลงกับใครซักคน และคงหาทางกลับไปหาคนที่เธอรัก
ความตระหนกหรือความตื่นกลัวไม่เกิดขึ้นกับผม เนื่องจากผมเป็นคนไม่กลัวผีหรือวิญญาณ และมีสิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือบอกกล่าวกับเธอไปว่า
" ที่ติดรถมานี่ จะลงตรงไหนก็ลงนะ "
ซึ่งเธอผู้นั้นก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบ และยังคงเหม่อมองนอกหน้าต่างต่อไป จนผมขับรถมาเกือบจะถึงสี่แยกปฐมพร จังหวัดชุมพร เธอผู้นั้นก็หายไป
ถึงแม้พวกเราจะแวะพักบ้าง แต่ผมก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังจนกระทั่งพวกเราเดินทางถึงกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย
หลังจากเหตุการณ์นั้น ชาวคณะที่ไปร่วมภารกิจหลายคนก็เจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ เช่น...
ขับรถไปบ้านแล้วแม่ถามว่า ทำไมไม่ชวนเพื่อนลงมาด้วย ทั้ง ๆ ที่มาคนเดียว หรือไฟเก๋งติดเองบ้างทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ไหนที่ทำให้พวกเราเกิดอันตรายแต่อย่างใด
ผีนั้นไม่ได้น่ากลัวอะไร เป็นเพียงแค่คนที่ตายก่อนเรา จึงถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ ซักวันพอเราตายไปก็เป็นผีรุ่นน้อง และเป็นรุ่นพี่ของรุ่นต่อ ๆ ไป
เรื่องของสิ่งลี้ลับนั้นพิสูจน์ได้ยาก และการที่พวกเขาปรากฏตัวให้เห็น อาจเกิดจากความผิดพลาดของเส้นแบ่งมิติปรโลก หรือไม่เขาก็ต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญ หากการกระทำและเจตนาของเราดี ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ดั่งคำกล่าวที่ว่า
" คนดีผีคุ้ม (ครอง) "
เขียนโดย โจน ทะยาน ตะลุย
อย่าลืมแวะไปดูลัดเลาะทาง YouTube กันนะครับ เรามีเนื้อหาสนุก ๆ เบาสมองให้ได้ชมกัน
หรือติดตามอ่านตอนอื่น ๆได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา