11 เม.ย. 2021 เวลา 01:01 • ประวัติศาสตร์
Princess Louise of Belgium : เจ้าหญิง การคบชู้ สู่โรงพยาบาลบ้า ตอนที่ 2 (จบ)
มาต่อกันกับตอนที่ 2 ของชีวิตของเจ้าหญิง Louise แห่งเบลเยี่ยมกันนะครับ หลังจากตอนแรกจบลงด้วยการที่เธอหนีตามชู้รักไปอยู่ที่ปารีส พร้อมกับลูกสาวของเธอ โดยละทิ้งทุกอย่างทั้งชีวิตที่สุขสบายและเงินทอง พร้อมทั้งคำตำหนิติเตียนจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะพ่อของเธอ พระเจ้า Leopold ที่ 2 ที่แทบไม่อยากมาข้องเกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้ว
ติดตามอ่านตอนแรกได้ที่
ท้าดวลเพื่อศักดิ์ศรี
Louise กับ Geza อยู่ปารีสได้ไม่นาน ก็เริ่มเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็มาอาศัยอยู่ที่เมือง Nice ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยทั้งสองยังใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายอยู่เป็นประจำ ทำให้หนี้สินของเธอเริ่มพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ยังตายใจเพราะเธอมั่นใจว่าเธอเป็นถึงลูกสาวของราชาที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรป ยังไงหนี้ของเธอจะต้องได้รับการชำระอย่างแน่นอน
ในตอนนั้น Leopold ลูกชายของเธอเลิกติดต่อกับเธอโดยสิ้นเชิง เนื่องจากทนอับอายในชื่อเสียงอันย่ำแย่ของแม่ตนเองไม่ไหว และต่อมาไม่นาน Dora ลูกสาวของเธอก็หนีจากเธอไปเช่นกัน แต่เหตุผลลึก ๆ ที่ทั้งสองตัดสินใจแบบนั้นเป็นเพราะว่า ทั้งสองเกรงว่าถ้ายังมีความข้องเกี่ยวกับแม่ของตนเองอยู่ พวกเขาอาจจะไม่ได้รับมรดกจากทางฝั่งพ่อนั่นเอง เพราะราชวงศ์ Hapsberg ตอนนี้ เรียกได้ว่า ไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวกับเธออีกแล้ว
Princess Louise of Belgium (Source: Pinterest)
ในที่สุดในปี 1898 Philippe ที่โดนหลู่เกียรติอย่างหนักก็ทนไม่ไหว และสิ่งที่ชายชาตรีพึงกระทำกันในสมัยนั้นก็คือการท้าดวล ดังนั้นเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของเขาคืนมา เขาจึงส่งจดหมายขอท้าดวลกับ Geza
ในวันท้าดวล ทั้งคู่ประจันหน้ากันในชุดเต็มยศ โดยในยกแรก จะเป็นการดวลปืน ทั้งคู่หันหลังชนกัน และค่อย ๆ ผละเดินออกจากกัน เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่การประลองฝีมือที่ต้องใช้ความแม่นยำและความไวเป็นหลัก หลังจากนับก้าวได้ครบและทั้งสองหันมาประจันหน้ากัน การยิงปืนเริ่มขึ้นทันที โดย Geza ยิงปืนขึ้นฟ้า (ด้วยเหตุผลอะไรที่ไม่อาจทราบได้) ในขณะที่ Philppe ยิงปืนใส่ Geza แบบตรง ๆ แต่พลาดเป้าไป
การดวลปืน ซึ่งมักจะมีการท้าให้ทำกัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนหลู่เกียรติ (Source: https://trybe.one)
ในเมื่อยกแรกไม่สามารถตัดสินได้ ก็ต้องมียกที่สอง โดยในยกนี้จะเป็นการดวลดาบแทน ในครั้งนี้ Geza ซึ่งเป็นนายทหารมาก่อน สามารถหลบหลีก และฟันลงไปที่ข้อมือของเจ้าชาย Philippe ได้สำเร็จ ทำให้เจ้าชายได้รับบาดเจ็บไม่สามารถดวลต่อได้ และต้องเป็นฝ่ายแพ้พ่ายไป
หลังจากการดวลจบลง ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทาง Geza กลับมาอยู่กับ Louise ต่อ ส่วน Philippe ก็ต้องกลับเวียนนาไปด้วยความอับอาย
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ Louise ผู้ซึ่งมีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ (พ่อของเธอไม่ยอมช่วยเหลือเธอแม้แต่น้อย) ต้องขายทรัพย์สิน แม้กระทั่งชุดชั้นใน เพื่อหาเงินมาใช้จ่าย เรื่องราวนี้เดินทางไปถึงหูของจักรพรรดิ Franz-Joseph นำความเสื่อมเสียมาสู่ราชวงศ์ Hapsberg เป็นอย่างมาก จน Philippe ต้องออกมาทำอะไรซักอย่าง และเขาตัดสินใจเหมาซื้อของทั้งหมดที่เธอนำออกมาขาย และให้เงินก้อนเธอไป แต่ไม่นานเงินเหล่านั้นก็หมดลง และไม่เพียงพอที่จะจ่ายหนี้ที่เธอไปก่อไว้
เธอไม่มีเงินถึงขนาดที่เธอมักจะซื้ออัญมณีต่างๆ ด้วยเงินเชื่อ แล้วนำไปขายต่อทันทีด้วยราคาเพียงครึ่งเดียว เพื่อให้ได้เงินสดมาจับจ่ายใช้สอย ตอนที่พระราชา Leopold ที่ 2 เดินทางไปพักผ่อนที่ตอนใต้ของฝรั่งเศสใกล้ ๆ กับ Nice พระองค์ก็ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือใดใดกับเธอ และไม่แม้แต่จะมาพบหน้าเธอด้วยซ้ำ ในขณะที่สามีของเธอถึงกับลงประกาศไว้ในหนังสือพิมพ์อย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ชดใช้หนี้ใดใดที่เธอก่อขึ้นอีก
Princess Louise of Belgium (Source: Pinterest)
ทางเลือกที่ต้องเลือก
ในส่วนของ Philippe เองนั้น แรงแค้นของเขายังคงไม่หมดลง เขาตัดสินใจไปขุดหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อที่จะกำจัด Geza และในที่สุดเขาก็ได้ไปพบกับเชคที่ Geza ปลอมลายเซ็นของ Stephanie น้องสาวของ Louise เพื่อใช้จับจ่ายใช้สอยในช่วงที่ทั้งสองอาศัยอยู่ที่ปารีส ทำให้ Louise และ Geza ถูกตั้งข้อหา และกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงทันที
ทั้งคู่จึงต้องหนีคดี เริ่มจากการเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสมเด็จพระราชินีนาถ Victoria แต่ปรากฏว่าในขณะนั้นท่านกำลังเสด็จประพาสฝรั่งเศสอยู่
จากการที่จักรวรรดิ Austro-Hungarian มีอิทธิพลสูงมากในทวีปยุโรป ทำให้ตำรวจทั่วทั้งทวีปต่างก็พยายามหาตัวผู้ต้องหาทั้งสอง และยังไม่รวมถึงเจ้าหนี้ที่ทั้งสองคนไปกู้ยืมเงินมาอีก จนในที่สุด Geza จึงตัดสินใจพา Louise ไปยัง Croatia โดยหวังว่าญาติของเขาจะพอให้ที่ซ่อนตัวได้
แต่ในที่สุดตำรวจก็สามารถสืบพบที่อยู่ของทั้งคู่จนได้ และทั้งคู่ก็ถูกจับได้ที่เมือง Zagreb เมืองหลวงของ Croatia และ Geza ก็โดนจับเข้าคุกในฐานะปลอมแปลงเอกสาร โดยต้องโทษเป็นเวลานานถึง 6 ปี
Princess Louise of Belgium ไม่นานก่อนถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้า (Source: Pinterest)
ส่วน Louise นั้น ชะตากรรมของเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่า Geza หลังจากที่ Geza โดนจับ Philippe สามีของเธอส่งทหารมาพบพร้อมกับยื่นทางเลือกให้เธอ 2 ทาง ทางแรกคือให้เธอกลับไปอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับเขา และให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับ Geza อีกต่อไป อีกทางเลือกหนึ่งคือเธอจะถูกส่งไปอยู่ใน Asylum หรือโรงพยาบาลบ้า เธอเลือกทางเลือกที่สองโดยแทบจะไม่ต้องคิด เธอยอมถูกส่งไปอยู่ในโรงพบาบาลบ้า ดีกว่าที่จะต้องไปอยู่กินกับชายบ้าอำนาจ และต้องอยู่ต่อไปชั่วชีวิตอย่างไร้อิสรภาพ
แต่การที่จะถูกส่งตัวไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้านัั้นไม่ใช่ว่าจะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปได้ จะต้องมีการส่งตัวเข้าไปโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา Philippe รู้อยู่แล้วว่า Louise จะต้องเลือกทางเลือกที่สองอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงได้ส่งทีมทนายความ และแพทย์ พร้อมกับใบวินิจฉัยที่เขียนขึ้นมาก่อนอยู่แล้วมาพร้อมกับทหารที่มาจับกุมเธอ และใบวินิจฉัยนั้นก็บอกไว้อย่างละเอียดว่า เจ้าหญิงจะต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้าเป็นการด่วน เพื่อรักษาอาการทางจิตของเธอ
ชีวิตในโรงพยาบาลบ้า
โรงพยาบาลบ้าที่เธอถูกส่งตัวไปนั่นมีชื่อว่า Doebling Asylum ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้รักษาชนชั้นสูงที่มีอาการทางจิตหลายคน แต่ประเด็นคือเธอไม่ได้มีอาการทางจิตแต่อย่างใด แต่การที่คนไปปกติธรรมดา ต้องมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ และต้องรับการบำบัดทุกวันตามขั้นตอน ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก
ทางฝั่งของพ่อเธอคือพระเจ้า Leopold ที่ 2 ตัดสินใจที่จะไม่ติดต่อกับเธออีก เนื่องจากความอับอายที่ Louise นำมาสู่ราชวงศ์เบลเยี่ยม และในเวลาต่อมา พระญาติทุกคนของเธอในเบลเยี่ยม ก็ตัดความสัมพันธ์กับเธอเช่นกัน มีเพียงป้าและแม่ของเธอเท่านั้นที่ยังเขียนจดหมายติดต่อกับเธออยู่บ้าง
ที่น่าเศร้าที่สุดคือ แม่ของเธอหรือราชินี Marie Henriette กลับมาเสียชีวิตในขณะที่เธอยังอยู่ในโรงพยาบาลบ้า โดยยังเชื่ออยู่ว่าลูกสาวของเธอเป็นบ้าจริง ๆ
Louise (ซ้ายสุด) กับราชินี Marie Henriette และ Stephanie กับ Clementine น้องสาวของเธอ (Source: medium.com)
ในเมื่อไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร เธอตัดสินใจหันไปพึ่ง Dora ลูกสาวคนเดียวของเธอ ซึ่ง Dora และสามีของเธอยินดีจะช่วยเธอ แต่มีข้อแม้ข้อนึงคือ Louise จะต้องเซ็นเอกสารยินยอมมอบมรดกทั้งหมดที่เธอจะได้รับให้กับ Dora และสามี ซึ่งแน่นอน Louise ปฏิเสธ มาถึงตอนนี้ แม้แต่ลูกในไส้ของเธอเองก็ไม่คิดที่จะช่วยเหลือเธออีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังหวังว่าซักวันหนึ่ง รักแท้ของเธออย่าง Geza จะสามารถหาทางมาช่วยเธอออกไปจากโรงพยาบาลบ้าแห่งนี้ได้ แต่ตอนนี้เขาถูกจองจำอยู่ อนาคตของเธอจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีใครสามารถบอกได้
1
แต่แล้วก็เหมือนโชคจะเริ่มเข้าข้าง ในช่วงเวลานั้นราชวงศ์ Hapsberg ก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ดีนัก โดยเฉพาะตัวของ Philippe เอง และหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้มีการตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของ Louise ซึ่งพูดถึงชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขของเธอ ทำให้คนเริ่มที่จะเห็นใจเธอมากขึ้น และก็เป็นอีกครั้งที่ Philippe ต้องตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง เพื่อให้ Louise หายไปจากหน้าสังคมให้ได้
Princess Louise of Belgium (Source: Pinterest)
ดังนั้น Louise จึงถูกย้ายให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้าอีกแห่งหนึ่งที่แคว้น Saxoney ซึ่งปัจจุบันเป็นแคว้นหนึ่งของประเทศเยอรมัน ห่างไกลจากกรุงเวียนนา ที่นี่เธอมีห้องหับที่ดีขึ้น มีอาณาเขตกว้างขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น และได้รับอนุญาตให้ออกนอกสถานที่ได้เป็นครั้งคราว แต่โรงพยาบาลบ้ายังไงก็คือโรงพยาบาลบ้า และที่นี่ก็กลายมาเป็นคุกอีกแห่งหนึ่งของเธอไปโดยปริยาย
กลับมาที่ Geza ในขณะที่เขาถูกจองจำอยู่ในคุกนั้น มีพยาบาลคนหนึ่งเข้ามาทำงานในคุกที่ Geza ถูกจองจำอยู่ เธอมีชื่อว่า Maria Stöger และเธอเป็นเหมือนกับ “ติ่ง” ของ Geza และ Louise เพราะเธอปลื้มในเรื่องความรักที่ทั้งสองฝ่ายต่างยอมเสียสละให้กันและกันเป็นอย่างมาก เมื่อ Geza ทราบเรื่องนี้เข้า ทั้งคู่เลยเริ่มมีความสนิทสนมกัน และ Maria ก็กลายมาเป็นผู้ช่วย และชู้ลับ ๆ ของ Geza ในที่สุด
Maria ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ Geza ออกมาจากคุกให้ได้ จนในที่สุดหลังจากที่ Geza ติดคุกอยู่ 4 ปี คดีของเขาถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ และในครั้งนี้คำตัดสินถูกพลิกว่าเขาไม่มีความผิด เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ Geza ถูกปล่อยตัว และภารกิจแรกที่เขาทำก็คือ การเดินทางไปตามหา Louise แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
แต่แล้วความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น Geza ตามหา Louise จนพบเช้าวันหนึ่งในขณะที่ Louise กำลังนั่งรถม้าออกไปข้างนอก มีจักรยานคันหนึ่งขี่มาชนรถม้าของเธอเข้าอย่างจัง เธอตกใจมาก จึงรีบชะโงกหน้าออกมาดูเหตุการณ์ด้านนอก แต่สิ่งที่เธอพบกลับทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า เพราะผู้ชายที่บนจักรยานคนนั้นคือ Geza Mattachich คนที่เธอรอคอยให้มาช่วยเหลือเธอนานถึง 4 ปีนั่นเอง
1
วางแผนหนี
ใช่ว่าทุกอย่างจะจบลงได้ง่าย ๆ ทั้งคู่ยังคงถูกจับตาจากตำรวจและสายสืบของทางจักรวรรดิอยู่ ดังนั้นการหลบหนีจึงเต็มไปด้วยอุปสรรค ในระหว่างนั้นทั้งคู่ก็แอบลอบพบกันอย่างลับ ๆ ตามชายป่า และเริ่มส่งจดหมายหากัน ความคิดถึงผนวกกับความตื่นเต้นที่ทั้งคู่ได้พบกันในเวลาสั้น ๆ เป็นสิ่งที่น่าหลงไหลยิ่งนัก แต่แล้วทั้งคู่ก็ถูกจับได้ ทำให้ Geza ต้องโดนขับไล่ออกจากเมืองไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของเขาหมดลง มีอยู่วันหนึ่งในขณะที่ Louise นั่งรถม้าไปทำธุระด้านนอก มีกระดาษโน๊ตถูกโยนเข้ามาในรถม้า โดยมีเพียงคำว่า HOPE หรือ ความหวัง เขียนไว้เท่านั้น และการพบกันแบบลับ ๆ ผ่านทางกระดาษโน๊ตนี้ดำเนินไปเป็นเวลานานถึง 3 ปี
หลังผ่านไป 3 ปี สุขภาพของ Louise เริ่มถดถอยลง ทางแพทย์ที่ทำการรักษาจึงแนะนำให้เธอเดินทางไปรักษาสุขภาพที่สปาในเมือง Bad Elster ในแคว้น Bavaria (ในสมัยก่อน การเดินทางไปยังเมืองที่มีบ่อน้ำร้อน เป็นวิธีการรักษาสุขภาพที่คนมักจะทำกัน) ซึ่งสปาก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นนี่คือโอกาสอันดีที่ Louise จะหลบหนีออกไปได้ และ Geza ก็รู้เรื่องนี้ดี เขาจึงเริ่มวางแผนที่จะพาคนรักของเขาไปสู่อิสรภาพ
1
เมือง Bad Elster ในสมัยต้นปี 1900 ในปัจจุบันเมืองนี้ก็ยังมีเชื่อเสียงเรื่องบ่อน้ำร้อนและการทำสปาอยู่ (Source: wikipedia.com)
และแล้ววันหนึ่งเธอก็ได้รับกระดาษโน๊ตที่มีใจความว่า "It will happen tomorrow" และในรุ่งขึ้น ซึ่งก็คือวันที่ 31 สิงหาคม 1904 ตอนประมาณตีหนึ่งมีคนมาเคาะห้องของ Louise บอกให้เธอเตรียมพร้อมสำหรับการหนี เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ แต่อุปสรรคใหญ่ของเธอคือหมาน้อยของเธอที่มีชื่อว่า Kiki เธอต้องพยายามทำให้มันเงียบเสียงให้มากที่สุด
หลังจากการเตรียมการ เธอก็ได้แต่รอ รอ และรอ จนกระทั่งเวลาตีสองครึ่ง มีคนมาเคาะประตูอีกครั้ง บอกให้เธอถอดรองเท้าออก และพาเธอค่อย ๆ ย่องไปตามทางเดินพร้อมกับสุนัขของเธอ โชคดีที่ Kiki ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผ่านประตูหลัง ออกไปจากสปา และไปพบกับ Geza และ Maria ที่รออยู่ที่ชายป่าได้ แต่ทั้งสามยังคงต้องคอยหลบหลีกเจ้าหน้าทีรักษาความปลอดภัยอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งพวกเขาสามารถออกมาได้ในที่สุด และออกเดินทางไปปารีสด้วยกัน หลังจากถูกจองจำมานาน 7 ปี ในที่สุด Louise ก็ได้รับอิสรภาพจากการช่วยเหลือของชายที่เธอเรียกว่าคือ รักแท้ในชีวิตของเธอ
Geza Mattachich รักแท้ของเจ้าหญิง Louise (Source: https://www.librarything.com)
ในปารีสทั้งสามอยู่ด้วยกันในห้องใต้หลังคาเล็ก ๆ แบบไม่มีอันจะกินเท่าไรนัก และสิ่งแรกที่เธอทำเมื่อมาถึงปารีสคือ เธอรีบไปพบกับแพทย์ชาวฝรั่งเศส เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้เป็นคนบ้า ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะยื่นเอกสารขอหย่าจาก Philippe สามีของเธอให้ได้นั้นเอง
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง Louise และ Maria ที่เป็นเมียน้อยเป็นอย่างไร ไม่มีการกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างแน่ชัด แต่ว่าทั้งสามคนก็อยู่ด้วยกันที่ปารีสเป็นเวลานานถึง 3 ปี จนกระทั่ง Maria หนีไปแต่งงานกับชายอื่น
ดราม่าชิงมรดก
การที่ทั้งสองเข้าไปอยู่ในคุกและโรงพยาบาลบ้ามานั้น ไม่ได้ทำให้หนี้สินที่ทั้งคู่เคยก่อไว้หายไป อีกทั้งเมื่อมาอยู่ที่ปารีส ทั้งสองก็ยังมีการไปก่อหนี้สินเพิ่มเติมขึ้นอีก เจ้าหนี้ที่ไม่สามารถเก็บเงินจากทั้งคู่ได้ ก็ไปเรียกร้องเงินจากพ่อของเธอคือ พระราชา Leopold ที่ 2 และสามีของเธอซึ่งยังคงไม่ได้หย่าขาดจากกัน แต่ทั้งคู่ก็ปฏิเสธที่จะชดใช้หนี้สินให้เธอ เดือดร้อนไปถึงจักรพรรดิ Franz-Joseph อีกแล้ว และครั้งนี้พระองค์ทนไม่ไหว ถึงกับส่งจดหมายต่อว่าไปยังพระราชา Leopold ที่ 2 ซึ่งมีบันทึกไว้ว่าการสนทนาเป็นไปประมาณว่า
จักรพรรดิ Franz-Joseph "คุณต้องชดใช้หนี้สินที่ลูกสาวของคุณไปก่อขึ้นนะ"
พระราชา Leopold ที่ 2 "ลูกสาวของผมตายจากผมไปนานแล้ว ผมไม่มีลูกสาวชื่อ Louise อีกต่อไป"
จักรพรรดิ Franz-Joseph "ยังไง คุณก็ต้องชดใช้หนี้ให้กับลูกสาวที่ตายไปแล้วอยู่ดี ดังนั้นรีบไปจัดการซะ"
จักรพรรดิ Franz-Joseph แห่งอาณาจักร Austro-Hungarian ฝู่ซึ่งเหลืออดกับพฤติกรรมของ Louise (Source: Britannica)
เห็นได้ชัดว่าการก่อหนี้ของเธอ สร้างความปั่นป่วนอย่างหนัก ถึงขนาดที่ผู้นำของสองประเทศยังต้องส่งจดหมายตำหนิกันเลยที่เดียว แต่สุดท้ายหนี้ของเธอก็ยังไม่ได้รับการชำระอยู่ดี
ต่อมาไม่นาน Louise ไปสืบทราบมาว่าแม่ของเธอได้ทิ้งเงินมรดกส่วนหนึ่งไว้ให้เธอ แต่เงินนั้นกลับอยู่ในการครอบครองของพ่อเธออยู่ ดังนั้น Louise จึงตัดสินใจฟ้องพ่อของตนเอง เพื่อเรียกร้องเงินก้อนนี้ แต่สุดท้ายเธอก็แพ้ โชคยังเข้าข้างที่หนังสือพิมพ์ต่างก็วิพากย์วิจารณ์พระราชา Leopold ที่ 2 ว่าเป็นคนใจร้าย จิตใจอำมหิต เงินของลูกสาวตนเองยังฮุบเอาไว้เป็นของตนเอง จนกระทั่งในที่สุดพระองค์ก็ยอมอ่อนข้อ โดยจะยอมมอบเงินรายปีจำนวน 50,000 ฟรังค์ กับที่ดินใกล้ ๆ กับเมือง Cologne ให้กับเธอ แต่ต้องแลกมากับการเลิกกับ Geza ซึ่งแน่นอนว่าเธอปฏิเสธ เธอไม่ยอมที่จะทิ้งคนรักที่คอยช่วยเหลือเธอในยามทุกข์ยากอย่างแน่นอน
แต่ในระหว่างนั้นเธอก็ยังคงใช้จ่ายเงินมากมายอยู่ดี เพราะเธอคิดว่ายังไงพ่อของเธอก็เป็นถึงคนที่ร่ำรวยมากที่สุดคนหนึ่งของยุโรป และเขาก็จะต้องมอบมรดกให้กับเธอบ้าง แม้ว่าเขาจะตัดความสัมพันธ์กับเธอแล้วก็ตาม
Princess Louise of Belgium ในช่วงปลายชีวิต (Source: https://www.gutenberg.org/)
หายนะครั้งสุดท้าย
ในที่สุดสิ่งที่เธอใฝ่ฝันก็มาถึง ในปี 1907 ศาลตัดสินว่าให้เธอสามารถหย่าขาดจากเจ้าชาย Phillipe ได้ ชีวิตคู่ที่เรื้อรังมานานแสนนานก็เป็นอันจบสิ้นลง ส่วนพระราชา Leopold ที่ 2 ก็ถือโอกาสนี้ในการตัดขาดความสัมพันธ์กับ Louise อย่างเป็นทางการ รวมไปถึง Stephanie น้องสาวของเธอด้วย เพราะการหย่าขาดในสมัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุด
ในราชอาณาจักรเบลเยี่ยม พระราชา Leopold ที่ 2 ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกสาวทั้งสามอยู่แล้ว ได้ทำการโอนเงินจำนวนมากถึง 55 ล้านฟรังก์ไปที่อื่น รวมไปถึงงานศิลปะวัตถุล้ำค่ามากมายไปเก็บไว้ตามที่ต่าง ๆ ที่ไม่สามารถตามได้ นอกจากนั้นยังได้โอนที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์มากมายเข้าไปอยู่ในบริษัท รวมถึงพันธบัตรคองโก (Congo Bond) ที่มีค่าสูงถึง 25 ล้านฟรังก์ ว่ากันว่านี่คือการฟอกเงินครั้งใหญ่ครั้งแรก ๆ ของโลกเลยทีเดียว
ดังนั้นในปี 1909 หลังจากที่พระองค์เสด็จทิวงคตไป เงินทุกฟรังก์จึงถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี ส่วนเงินที่ยังคงเหลืออยู่นั้น ส่วนมากพระองค์มอบให้กับ Caroline Lacriox โสเภณีที่พระองค์กำลังคบหาอยู่ ซึ่งมีอายุต่างจากพระองค์ถึงเกือบ 5 รอบ (ตอนคบกัน Caroline อายุ 16 ปี ในขณะที่พระราชา Leopold ที่ 2 มีอายุมากถึง 75 ปี) และเพิ่งแต่งงานกันได้เพียง 5 วันก่อนที่พระองค์จะเสด็จทิวงคตไป
1
Caroline Lacroix หรือ Baroness Vaughan ผู้ได้รับมรดกมากมาย กับพระราชา Leopold ที่ 2
เงิน อสังหา วัตถุโบราณ และเครื่องเพชรต่าง ๆ ที่พระองค์ทิ้งไว้ให้กับ Caroline นั้นทำให้เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีนีในชั่วข้ามคืน รัฐบาลเบลเยี่ยม รวมถึง Louise ผู้ซึ่งหวังจะได้เงินจากมรดกมาใช้หนี้สิ้นของเธอ รวมถึงน้องสาวทั้งสองของเธอ Stephanie และ Clementine ต่างก็ฟ้อง Caroline โดยใช้ข้ออ้างที่ว่าพิธีแต่งงานนั้นยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งผลก็คือรัฐบาลเบลเยี่ยมได้เงินและมรดกบางอย่างกลับมา ในขณะที่ลูกสาวทั้งสามของพระองค์ไม่ได้อะไรเลย แต่สุดท้ายแล้วรัฐบาลเบลเยี่ยมก็ตัดสินใจที่จะให้เงินก้อนกับลูกสาวทั้งสามคนแทน แต่กว่าพวกเธอจะได้เงินก่อนนั้นเวลาก็ผ่านไปนานถึง 5 ปี เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นเสียก่อน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 Geza โดนจับกุมตัวโดยนาซีเยอรมัน ด้วยข้อหากบฏ และถูกคุมขังเป็นเวลานานถึง 2 ปี ส่วนเธอก็ไปอาศัยกับ Dora ลูกสาวของเธอและสามี ซึ่งในตอนแรกเหมือนเธอจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายทั้งสองก็พยายามบังคับให้เธอเซ็นเอกสารมอบมรดกทุกอย่างให้พวกเขาทั้งสองอีกครั้ง จนในที่สุดเมื่อ Geza ได้รับการปล่อยตัวออกมา Louise ตัดสินใจเดินทางไปพบกับเขาที่ Budapest ใน Hungary ดินแดนซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ Austro -Hungarian มาก่อน จนกระทั่งเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น และเมื่อพวกของคอมมิวนิสต์บุกเข้าไปในที่พักอาศัยของทั้งคู่ หนึ่งในผู้บุกรุกถึงกับตะโกนออกมาว่า "เจ้าหญิงองค์นี้ จนยิ่งกว่าเราเสียอีก"
1
หลังจากที่สงครามกลางเมืองใน Budapest จบลง ทั้งคู่ย้ายกลับมาอยู่ที่ปารีสอีกครั้ง และที่นี่เองที่เธอเริ่มเขียนอัตชีวประวัติของเธอขึ้น เพื่อที่จะอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เธอกระทำลงไป พร้อมกับพยายามกอบกู้ชื่อเสียงของเธอด้วยการพูดถึงข่าวลือที่ต่าง ๆ ว่าไม่เป็นความจริง โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "My own affairs"
My Own Affairs หนังสืออัตชีวประวัติของ Princess Louise of Belgium ที่เธอเขียนเอง  (Source: goodreads)
น่าแปลกที่แม้ว่าพ่อของเธอจะตัดความสัมพันธ์กับเธอไปนานแล้ว และเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบพ่อของเธอเท่าไร แต่เธอก็ยังมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับพ่อของเธอ โดยเธอเขียนไว้ว่า "Dedicate to the great man, the great King, who was my father" จริง ๆ แล้วบางที การที่เธอเขียนแบบนี้นั้นอาจจะเพื่อเป็นการบ่งบอกคนรุ่นหลังว่า ถึงแม้เธอจะยากจนยังไง เธอก็ยังเป็นถึงลูกสาวของพระราชาอยู่ดีนั่นเอง
ส่วนเงินที่ Louise ได้มาจากรัฐบาลเบลเยี่ยมนั้นมีมูลค่าเพียง 300,000 ดอลล่าร์ ในขณะที่หนี้ของเธอนั้นมีมากถึง 3,000,000 ดอลล่าร์ ดังนั้นไม่มีทางเลยที่เธอจะสามารถลืมตาอ้าปากได้
ในระหว่างที่อยู่ที่ปารีสนั้น สุขภาพของ Geza ก็เริ่มถดถอยลง และเขาก็เสียชีวิตลงในปี 1923 ในที่สุดรักแท้ของเธอก็ต้องมาตายจากเธอไปทั้ง ๆ ที่เขามีอายุน้อยกว่าเธอถึง 10 ปี ว่ากันว่า Louise ไม่มีเงินแม้กระทั่งจะจัดพิธีฝังศพให้กับ Geza จนเธอต้องไปยืมเงินจากนักท่องเที่ยวมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย แต่ถ้าหากไปดูไป Church Registrar หรือใบลงทะเบียนการฝังศพของโบสถ์ จะพบว่าในช่องของชื่อ Geza นั้นจะมีหมายเหตุอยู่ว่า ค่าฝังศพไม่เคยได้รับการชำระเลย
1
หลัง Geza เสียชีวิตไป Louise ย้ายจากปารีส เมืองที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีดี ของเธอและ Geza มาอยู่ที่เมือง Wiesbaden ในประเทศเยอรมัน และเธอก็เสียชีวิตลงอย่างสงบในปี 1924 หลังจากย้ายมาที่เมืองนี้ได้เพียง 6 เดือน
ภาพของ Princess Louise of Belgium ในช่วงบั้นปลายชีวิต (Source: Wikipedia)
คนรับใช้ของเธอกล่าวว่า ตอนที่เธอเสียชีวิตนั้น เธอถือรูปถ่ายของ Geza ไว้แนบอกของเธอ และเธอเขียนข้อความสั้น ๆ ก่อนเธอเสียชีวิตว่า "ตลอดชีวิตของฉัน ฉันได้รู้จักความโศกเศร้า ความอับอาย และความเจ็บปวดมากมาย แต่อีกสิ่งที่ฉันได้รู้จักก็คือความรัก และไม่ว่าชีวิตของฉันจะต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายมากแค่ไหน เมื่อฉันได้พบกับรักแท้ ก็ถือว่าฉันได้ใช้ชิวิตอย่างคุ้มค่าแล้ว" ปิดฉากชีวิตที่เต็มไปด้วยความโลดโผนของเจ้าหญิง Louise กับเรื่องราวความรักของเธอและ Geza ที่แม้จะเป็นความรักที่ผิด แต่ก็เป็นรักแท้ที่มีเจ้าหญิงเพียงไม่กี่พระองค์เท่านั้นที่จะได้มีโอกาสสัมผัสถึง
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเรื่องราวของเจ้าหญิง Louise แห่ง Belgium ถือเป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงที่คนไม่ค่อยจะรู้จักกันมากนักนะครับ ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำคุณประโยชน์อะไรให้กับสังคมมากนัก แต่เธอคือเจ้าหญิงที่แหวกขนบธรรมเนียมทุกอย่าง เพื่อทำตามสิ่งที่หัวใจเธอเรียกร้องและอยากกระทำ จนทำให้ได้พบกับรักแท้ คงจะมีชายหญิงเพียงไม่กี่คู่ที่จะยอมรอ และฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเหมือนกับคู่รักคู่นี้
แต่จริง ๆ ถ้าเรามาดูกันดีดีจะพบว่า การที่เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น พ่อแม่ที่มักจะหมางเมินและไม่ได้รักกัน ก็น่าจะส่งผลให้เธอพยายามหาคู่ชีวิตที่จะไม่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น แต่สุดท้ายคนที่มาเป็นสามีของเธอกลับเป็นคนเข้มงวดและบ้าอำนาจ ทำให้เธอต้องหาทางหนีออกไปเพื่อค้นหาอิสรภาพที่เธอใฝ่ฝันถึง
สุดท้ายแล้ว แม้ว่าชีวิตของเจ้าหญิงพระองค์นี้มักจะถูกจดจำในเรื่องของความเหลวแหลก เรื่องราวของเธอกับ Geza คือเรื่องราวของรักแท้ที่คนสองคนพึงมี และยากที่จะหาใครมาเทียบได้ และเป็นอีกเรื่องที่เราก็ควรจะจดจำเกี่ยวกับตัวเธอไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
ครั้งหน้า Kang's Journal จะพาไปพบกับเรื่องราวของบุคคลที่น่าสนใจคนไหนอีก ฝากติดตามด้วยนะครับ :)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา