14 เม.ย. 2021 เวลา 04:31 • สุขภาพ
ประเภทของน้ำหอม ความแรงของกลิ่น และข้อควรระวัง
งงมั๊ยกับคำศัพท์เวลาเราต้องซื้อน้ำหอม EDP EDT EDC มันคืออะไร กลิ่นเหมือนๆกันทำไมราคาต่างกัน
สรุปเรื่องราวของน้ำหอมใน 1 นาที
1
น้ำหอมและการปรุงน้ำหอมมีประวัติศาสตร์ย้อนไปได้หลายพันปี โรงงานแห่งแรกที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการผลิตน้ำมันหอมมีอายุย้อนกลับไปถึง 4000 ปีบนเกาะไซปรัส ในศตวรรษที่ 19 มีการค้นพบสารเคมีสังเคราะห์กลิ่นที่เรียกว่าอัลดีไฮด์เป็นครั้งแรกและต่อมาอุตสาหกรรมน้ำหอมรวมถึงการใช้น้ำหอมก็แพร่หลายไปทั่วโลก
น้ำหอมนั้นมีหลายประเภท เมื่อซื้อน้ำหอมเราอาจจะเจอคำต่างๆเช่น Parfum/ Eau de Parfum/ Eau de Toilette และ Eau de Cologne คำเหล่านี้หมายถึงความเข้มข้นซึ่งบ่งบอกถึงปริมาณน้ำหอมบริสุทธิ์ที่เป็นส่วนประกอบในน้ำหอมนั้นๆ โดยทั่วไปยิ่งน้ำหอมมีความเข้มข้นสูงเท่าใดระยะเวลาที่กลิ่นจะติดอยู่บนผิวหนังก็จะยิ่งนานขึ้นและราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วย
****ประเภทของน้ำหอม****
PARFUM
- น้ำหอมประเภท Parfum หรือที่เรียกว่า Pure Perfume หรือ Extrait de Parfum มีความเข้มข้นของน้ำหอมสูงที่สุด
- Parfum จะมีความเข้มข้นของปริมาณน้ำหอมบริสุทธิ์ระหว่าง 20% ถึง 40%
- เมื่อเทียบกับน้ำหอมทุกประเภทแล้ว Parfum จะมีราคาและความแรงของน้ำหอมสูงสุด
- เนื่องจากมีความเข้มข้นสูง หมายความว่ากลิ่นจะอยู่บนผิวหนังได้นานที่สุด โดยกลิ่นของน้ำหอม Parfum จะมีอายุ 8–12 ชั่วโมง
EAU DE PARFUM (EDP)
- Eau de Parufm (EDP) เป็นหนึ่งในประเภทน้ำหอมที่พบได้มากที่สุด
- น้ำหอมประเภท EDP จะมีความเข้มข้นของน้ำหอมประมาณ 15%
- กลิ่นของน้ำหอม EDP จะมีอายุยาวนานประมาณ 6–8 ชั่วโมง
- โดยทั่วไปราคาน้ำหอม EDP จะถูกกว่า Parfum เนื่องจากความแรงของน้ำหอมจะต่ำกว่าเล็กน้อย
- น้ำหอมประเภท Parfum ให้การผสมผสานของกลิ่นระหว่าง Top note/ Heart note และ Base Notes ได้เต็มที่ แต่ EDP จะเน้นไปที่กลิ่น Heart Notes เนื่องจากกลิ่น Top Notes จะระเหยออกไปจากผิวได้เร็วกว่า
EAU DE TOILETTE (EDT)
- น้ำหอมประเภท Eau de Parfum จำนวนมากยังมีจำหน่ายในรูปแบบ Eau de Toilette (EDT) ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันในราคาที่ถูกกว่า
- น้ำหอมประเภท EDT มีความเข้มข้นของน้ำหอมระหว่าง 5% ถึง 10%
- กลิ่นของน้ำหอม EDT จะอยู่ได้ประมาณ 4–5 ชั่วโมง
- น้ำหอมประเภท EDT จะมี Top Notes ซึ่งเป็นกลิ่นแรกที่เราได้รับจากน้ำหอมที่โดดเด่น ทำให้รู้สึกสดชื่นและเป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำหอม EDT จึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อน
Eau de Cologne (EDC)
- น้ำหอมประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีความเข้มข้นต่ำที่สุดคือ Eau de Cologne (EDC)
- โดยทั่วไปน้ำหอมประเภท EDC มีความเข้มข้นระหว่าง 3% ถึง 5% ซึ่งหมายความว่ามีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมอยู่สูงมากเมื่อเทียบกับน้ำหอมชนิดอื่นๆ
- กลิ่นของน้ำหอมประเภท EDC จะอยู่ได้ประมาณ 2–3 ชั่วโมง
- น้ำหอม EDC มีราคาถูกกว่าน้ำหอมทุกประเภทข้างต้นและมักมีจำหน่ายในแบบขวดสเปรย์ขนาดใหญ่
****ข้อควรระวังเกี่ยวกับน้ำหอม****
- ผู้ผลิตน้ำหอมส่วนใหญ่สามารถหลีกเลี่ยงการระบุส่วนผสมที่เป็นพิษบนบรรจุภัณฑ์น้ำหอมได้โดยอาศัยช่องวางทางกฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลการค้าอันเป็นความลับ
- ส่วนผสมที่เป็นพิษที่สุดในน้ำหอมมักจะเป็นเอทานอลหรือไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์
- ส่วนผสมที่มีกลิ่นหอมในน้ำหอมจะถูกผสมลงในแอลกอฮอล์เหล่านี้เพื่อรักษากลิ่นที่ต้องการ แอลกอฮอล์เหล่านี้เป็นพิษและอาจทำให้เกิดอันตรายหากกลืนลงไปในปริมาณที่มากกว่า 30 มิลลิลิตร
- การศึกษาชิ้นหนึ่งที่จัดทำโดยคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม (EWG) คาดว่ามีเพียง 34 เปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมที่พบในน้ำหอมเท่านั้นที่ได้รับการทดสอบความเป็นพิษ
- น้ำหอมอาจมีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีอันไวต่อระบบทางเดินหายใจที่ทำให้หายใจไม่ออกหรือหอบหืด สารเคมีที่ไวต่อฮอร์โมนที่ทำให้ระบบต่อมไร้ท่อเสียสมดุลย์ และส่วนผสมลับที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์
- ส่วนผสมที่ควรระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ตั้งครรภ์ ได้แก่ พาทาเลต สไตรีน กาแล็กโซไลด์คีโตนเอทิลีนไกลคอล อะซีตัลดีไฮด์ และออกซีเบนโซน
อ้างอิง :
โฆษณา