Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
14 เม.ย. 2021 เวลา 07:22 • หนังสือ
#41 เล่ม 2 บทที่ 17 หน้า 256 ~ 259
N : ผมได้ยินคำท้าแล้วครับ ได้ยินแล้ว แต่ตอนนี้ได้โปรดอธิบายเรื่องชีวิตบนโลกในระดับมหภาคเพิ่มเติมอีกหน่อยครับ ช่วยบอกผมหน่อยว่าแต่ละประเทศจะมีปฏิสัมพันธ์กันยังไงเพื่อจะได้ไม่มีสงครามเกิดขึ้นอีก
G>: จะยังคงมีความเห็นต่างระหว่างประเทศต่างๆอยู่เสมอ เพราะความเห็นต่างเป็นสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นปัจเจกของแต่ละบุคคล (ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี)
อย่างไรก็ตาม 💢การใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเพราะความเห็นต่างนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการยังไม่พัฒนาอย่างร้ายแรง💢
ไม่มีเหตุผลใดในโลกที่จะนำมาอ้างได้ว่า ทำไมถึงไม่อาจหลีกเลี่ยงการแก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรง เมื่อดูจากว่าแต่ละประเทศก็มีความตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงอยู่แล้ว
บางคนคิดว่าการที่ผู้คนล้มตายเป็นผักปลาและสรรพชีวิตจำนวนมากมายที่ถูกทำลายไปนั้นน่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดความสามัคคี แต่ทว่าในวัฒนธรรมที่ล้าหลังและป่าเถื่อนอย่างของพวกเธอกลับไม่เป็นอย่างนั้น
เมื่อใดที่พวกเธอเห็นว่าพวกเธอจะชนะการโต้แย้ง พวกเธอก็จะลุย เมื่อใดที่พวกเธอเห็นว่าพวกเธอจะชนะสงคราม พวกเธอก็จะเปิดศึกทันที
N>: คำตอบสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้คือ❓
G>: ฉันไม่มีคำตอบให้หรอกนะ ฉันมีเพียงแค่...
N>: ผมรู้ครับ ผมรู้❗ ข้อสังเกต
G>: ถูกต้อง สิ่งที่ฉันสังเกตเห็นในตอนนี้คือสิ่งที่ฉันได้สังเกตเห็นมาก่อนแล้ว คำตอบระยะสั้นอาจเป็นการก่อตั้งสิ่งที่เรียกว่า "รัฐบาลโลก" (one-world government) โดยให้ "ศาลโลก" เป็นผู้จัดการกับข้อพิพาทต่างๆ (ซึ่งแต่ละประเทศจะต้องเชื่อฟังคำพิพากษาเหมือนกับที่เกิดขึ้นในศาลโลกที่มีอยู่ในปัจจุบัน) และมีกองกำลังรักษาสันติภาพโลกเพื่อรับประกันว่าจะไม่มีประเทศไหน (ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีอำนาจหรือมีอิทธิพลมากแค่ไหน) สามารถไปรุกรานประเทศอื่นได้อีก
แต่ให้เข้าใจตรงนี้ก่อนว่า มันอาจจะยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นบนโลก กองกำลังรักษาสันติภาพอาจจะต้องใช้ความรุนแรงเพื่อหยุดใครบางคนจากสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ อย่างที่ฉันได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในเล่ม 1 นั่นล่ะว่า การไม่ยอมหยุดทรราชผู้กดขี่จะทำให้เขาเข้มแข็งขึ้น 🔸บางครั้งวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงสงครามได้ก็คือต้องก่อสงคราม🔸
✴️บางครั้งเธอจำเป็นต้องทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ต้องมาทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก❗
ความขัดแย้งอันชัดเจนนี้คือส่วนหนึ่งของ 🔸เอกภาพแห่งความขัดแย้งอันศักดิ์สิทธิ์🔸
ซึ่งบอกว่า 🔹บางครั้งวิธีเดียวที่จะเป็นอะไรสักอย่างได้อย่างแท้จริงนั้น🔹 (ในที่นี้อาจเป็น "สันติภาพ") 🔹ขั้นแรกจะต้องไม่เป็นสิ่งนั้นเสียก่อน🔹
✴️พูดอีกอย่างก็คือ บ่อยครั้งวิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่า "ตัวเองเป็นใคร" คือต้องมีประสบการณ์ถึง "สิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็น"✴️
ความจริงที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ ดุลอำนาจในโลกไม่อาจเอียงกะเท่เร่ไปทางบางประเทศได้อีกต่อไป แต่ต้องกระจายไปสู่ประเทศต่างๆที่ปรากฏอยู่บนโลกนี้ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่โลกจะเกิดสันติภาพได้ในท้ายที่สุด บนพื้นฐานของความเข้าใจที่แน่ชัดว่าจะไม่มีประเทศอันธพาลใดๆ (ไม่ว่าจะมีแสนยานุภาพหรือมีอิทธิพลมากแค่ไหน) สามารถล่วงล้ำดินแดนหรือคุกคามสิทธิเสรีภาพของประเทศอื่นได้อีก
ประเทศเล็กประเทศน้อยก็ไม่จำเป็นจะต้องขึ้นอยู่กับเมตตาจิตของประเทศมหาอำนาจอีกต่อไป โดยการเอาทรัพยากรของประเทศตัวเองและการเสนอพื้นที่ชั้นเยี่ยมให้ประเทศมหาอำนาจใช้ตั้งฐานทัพเข้าแลก ภายใต้ระบบใหม่นี้ความมั่นคงของประเทศเล็กๆทั้งหลายจะไม่ได้มาจากว่าตนอยู่ข้างใคร แต่มาจากว่าใครที่หนุนหลังประเทศตนบ้าง
ถ้ามีประเทศไหนถูกรุกรานขึ้นมา ทั้ง 160 ประเทศจะลุกฮือขึ้น ทั้ง 160 ประเทศจะบอกว่า อย่า❗ เมื่อประเทศใดก็ตามถูกคุกคามหรือล่วงละเมิดไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม
เป็นเช่นเดียวกันกับประเทศต่างๆจะต้องไม่ถูกคุกคามทางเศรษฐกิจ จะต้องไม่ถูกประเทศมหาอำนาจที่เป็นคู่ค้าขู่กรรโชก (Blackmailed) ให้ต้องทำอะไรบางอย่างไม่อย่างนั้นจะถูกโจมตี (ด้วยกำลังทางทหารหรือทางการเงิน) จะต้องไม่ถูกบังคับให้ต้องทำตาม "แนวทาง" บางประการถึงจะได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ หรือจะต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เพื่อจะได้เข้าเกณฑ์การขอรับความช่วยเหลือธรรมดาๆทางด้านมนุษยธรรมอีกต่อไป
ทว่าท่ามกลางพวกเธอก็จะยังมีใครบางคนออกมาโต้แย้งว่าระบบการปกครองโดยองค์กรโลกแบบนั้นจะบ่อนทำลายอธิปไตยและเกียรติภูมิของประเทศต่างๆ แต่ความจริงก็คือ แทนที่อธิปไตยและเกียรติภูมิจะลดลงมันกลับจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ และนี่ล่ะคือสิ่งที่ประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่ค้ำยันอธิปไตยของประเทศตัวเองด้วยอำนาจมิใช่ด้วยกฎหมายหรือระบบยุติธรรมพากันหวาดหวั่น
เพราะประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะไม่ได้รับสิ่งต่างๆตามแต่ใจอยู่เสมอด้วยวิธีการเดิมๆอีกต่อไป แต่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกประเทศอย่างเท่าเทียม อีกทั้งประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้จะไม่สามารถควบคุมและรวบรวมทรัพยากรโลกส่วนใหญ่เอาไว้กับตนได้อีก แต่จะต้องแบ่งให้เท่าเทียมและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม และประชาชนทุกคนบนโลกจะต้องได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันมากขึ้น
รัฐบาลโลกจะปรับกติกาการแข่งขันใหม่ให้เสมอภาค และแนวคิดนี้ (ซึ่งกลายเป็นประเด็นหลักของการถกเถียงในเรื่องศักดิ์ศรีขั้นพื้นฐานของมนุษย์) จะตกเป็นผู้ร้ายในสายตาของ "ผู้มีอันจะกิน" ทั้งหลายในโลกที่ต้องการให้ "ผู้ไม่มีจะกิน" ก่อร่างสร้างตัวกันขึ้นมาเอง โดยละเลยความเป็นจริงที่ว่า 💢พวกตัวเองควบคุมทุกอย่างที่คนอื่นจะใช้สร้างตัวเอาไว้หมดแล้ว💢
N>: แต่มันรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังพูดกันถึงเรื่องให้กระจายความมั่งคั่งกันใหม่ ถ้าอย่างนั้นเราจะสร้างแรงจูงใจให้กับคนที่ต้องการจะมีมากขึ้นและพร้อมที่จะลงทุนลงแรงเพื่อให้ได้มันมาได้ยังไง ในเมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะต้องแบ่งปันให้กับคนที่ไม่คิดหรือไม่เต็มใจจะลงทุนลงแรงกับอะไรเลย❓
G>: อย่างแรก นี่ไม่ใช่แค่คำถามในเรื่องของคนที่เต็มใจหรือไม่เต็มใจจะ "ลงทุนลงแรง" เท่านั้นหรอกนะ นั่นเป็นเพียงวิธีโต้แย้งแบบง่ายๆ (ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็มักจะมาจากฝั่งผู้มั่งมีนั่นล่ะ)
นี่เป็นคำถามในเรื่องของ ✨โอกาส✨ มากกว่าจะเป็นเรื่องของ "ความเต็มใจ"
ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องทำจริงๆเป็นอย่างแรกในการปรับโครงสร้างระเบียบของสังคมคือ การสร้างหลักประกันว่าแต่ละคนและแต่ละประเทศจะได้รับ 🌟โอกาสที่เท่าเทียมกัน🌟
เรื่องเหล่านี้ไม่มีวันเป็นจริงได้หากผู้ครอบครองและควบคุมความมั่งคั่งรวมไปถึงทรัพยากรโลกในปัจจุบันยังคงยืนกรานจะยึดกุมเอาไว้เหมือนเดิม
N>: ใช่ครับ ผมถึงได้อ้างถึงประเทศเม็กซิโกไง...
...
...
...
บันทึก
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย