18 เม.ย. 2021 เวลา 13:00 • บันเทิง

เรื่องเล่าที่ 7 : ปอบในค่ายลูกเสือ

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่สาวของผมเอง เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พี่ของผมได้ไปเข้าค่ายลูกเสือกับทางโรงเรียน เเล้วตอนกลางคืนจะมีการเข้าฐาน ซึ่งผมก็เคยไปนะครับ มันไม่ได้น่ากลัว คงเพราะว่ามีเพื่อนเยอะ เเละก็มีครูที่คอยดูเเลพวกเรา
ในส่วนของพี่ผมเค้าบอกว่าก็เหมือนของผมนี่เเหละ เพียงเเต่ตอนเข้าฐานเค้าได้ยินเหมือนเสียงของใครบางคนเรียกชื่อเค้าว่า “เอ๋” เค้าก็รับขานว่า “ห้ะ” เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ก็งงว่าพี่เอ๋ฮะกับใคร เเล้วหลังจากเล่นฐานเสร็จก็เเยกย้ายกันเข้านอน
หลับไปได้สักพักพี่เอ๋ก็รู้สึกอึดอัดมาก พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นคนเเก่ผมยาว ผมขาวหงอกหมดทั้งหัว กำลังนั่งทับท้องของพี่เอ๋อยู่ พี่เอ๋ที่เห็นดังนั้นก็ตกใจกลัวมาก พยายามร้องเเละดิ้น เเต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะเพื่อนในเต็นท์หลับกันหมดเเล้ว
ไม่ทันไรยายเเก่คนนั้นก็ยิ้มเเล้วก้มหน้าหาพี่เอ๋พร้อมกับพูดว่า “น่าอร่อยนะเนี่ย” พูดเสร็จก็ลุกขึ้น เเล้วมุดเข้าไปในท้องของพี่เอ๋ พี่เอ๋ที่ตกใจมากก็ร้องออกมาเสียงดัง ทำให้เพื่อน ๆ สะดุ้งตื่นเเละพากันมาดูพี่เอ๋ ถามว่าเป็นอะไร พี่เอ๋ไม่ตอบ เอาเเต่ร้องโวยวาย จนครูที่อยู่เวรได้ยินเลยรีบวิ่งมาดูว่าพี่เอ๋เป็นอะไรเอาเเต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนสุดท้ายครูได้ตัดสินใจโทรเรียกรถพยาบาลมาเพราะกลัวจะโดนสัตว์มีพิษทำร้าย
พอถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน พ่อกับเเม่ของพี่เอ๋ หรือก็คือลุงกับป้าของผมก็มาถึงโรงพยาบาล ก็ได้ถามพี่เอ๋ว่า “หนูเป็นอะไร” เเต่พี่เอ๋ก็ไม่ตอบ เอาเเต่ร้องไห้อย่างเดียว หมอก็งงว่าพี่เอ๋เป็นอะไร เพราะก็ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไรเลย พี่เอ๋เอาเเต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนเป็นลมสลบไป หมอเลยให้พี่เอ๋นอนพักที่โรงพยาบาลก่อน เพราะมันก็ดึกมากเเล้ว ลุงเลยขอกลับก่อนเพราะไม่มีคนอยู่เฝ้าบ้าน ส่วนป้าเป็นคนนอนเฝ้าพี่เอ๋
กลางดึกในขณะที่ป้ากำลังนอนเฝ้าพี่เอ๋ อยู่ ๆ พี่เอ๋ก็ลืมตาขึ้นมาเเล้วหันมองป้า ตอนนั้นป้ายังไม่หลับ พอเห็นพี่เอ๋ลืมตาขึ้นมาก็ถามว่า “เป็นไงลูก รู้สึกตัวเเล้วเหรอ” เเล้วพี่เอ๋ก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “มันอร่อยใช้ได้เลย” พอพูดจบก็นอนหลับต่อเเบบหน้าตาเฉย
ตอนนั้นป้าตกใจมากเลยรีบโทรบอกลุง ลุงที่ขับรถยังไม่ถึงบ้านก็ได้เลี้ยวรถกลับมาหาป้าที่โรงพยาบาล บอกเดี๋ยวรอให้ถึงเช้าก่อนค่อยพาพี่เอ๋ไปหาพระอาจารย์ ด้วยความที่ลุงกับป้าเป็นห่วงพี่เอ๋ คืนนั้นลุงกับป้าเลยไม่ได้นอน ส่วนพี่เอ๋นั้นก็ดูปกติทุกอย่าง หมอตรวจเเล้วก็ไม่พบอาการที่ผิดปกติอะไร
เช้าวันต่อมาลุงกับป้าก็ได้พาพี่เอ๋ไปวัด ญาติพี่น้องที่รู้ข่าวก็ได้ตามไปด้วย พอถึงวัดก็รีบตรงไปหาพระอาจารย์ที่เป็นที่รู้กันว่าเก่งเรื่องวิชาอาคม ในขณะที่กำลังเดินจะไปกราบพระอาจารย์ ท่านก็ได้พูดขึ้นมาว่า “กูเตือนก่อนนะ ถ้ายังอยู่ในร่างมัน กูไม่ปราณีเเน่” หลังจากนั้น จากคนที่เซื่องซึมอย่างพี่เอ๋ก็เปลี่ยนกลายมาเป็นคนที่เเข็งกร้าวขึ้นมา พี่เอ๋พูดว่า “ถ้ากูไม่เเน่จริงกูไม่อยู่มาได้ขนาดนี้หรอก” พวกญาติ ๆ ต่างก็พากันงง เพราะเดิมทีพี่เอ๋เป็นคนเรียบร้อย ไม่เคยพูดคำหยาบ
พระอาจารย์ไม่รอช้า เเกหยิบขันน้ำมนต์พร้อมไม้เรียวออกมา พอร่ายคาถาเสร็จก็ฟาดไปที่พี่เอ๋ทันที เเต่เป็นการฟาดเบา ๆ เพื่อไม่ทำให้เจ็บ ด้านพี่เอ๋ที่โดนฟาดก็ดิ้นทุรนทุรายเหมือนใจจะขาด พอดิ้นไปได้สักพักก็หยุดเเล้วพูดออกมาว่า “ดี ๆ อย่างนี้เเหละกูชอบ มันจะได้ตายพร้อมกูนี่เเหละ กูจะเอามันไปด้วย” พูดเสร็จก็หัวเราะ
จากนั้นพระอาจารย์ก็หยิบสร้อยคอลูกประคำออกมาพร้อมร่ายคาถา พอร่ายคาถาเสร็จก็เอาไปคล้องคอพี่เอ๋พร้อมกับร่ายคาถาไปด้วยไม่หยุด พี่เอ๋ก็ได้เเต่ดิ้นทุรนทุราย ญาติ ๆ ก็พากันช่วยจับ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กจะเเรงเยอะขนาดที่ต้องใช้ผู้ใหญ่ 3 คน ถึงจะเอาอยู่
หลังจากนั้นพระอาจารย์ได้บอกให้เด็กวัดไปเอาไอ้นั่นมา เด็กวัดที่ได้ยินดังนั้นก็รีบไปเอาไอ้นั่นมา ไอ้นั่นที่ว่าก็คือไหขนาดเล็กพร้อมผ้ายันต์ 1 ผืน เเล้วพระอาจารย์ก็ถอดลูกประคำนั้นออก เเต่ไม่น่าเชื่อ เพราะจากลูกประคำสีขาว ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทเเล้ว พระอาจารย์ได้ยัดลูกประคำลงในไหพร้อมปิดผ้ายันต์เเละท่องคาถาซ้ำ ตอนที่ปิดผ้ายันต์ ทุกคนยืนยันว่าเห็นผ้ายันต์โดนกระทุ้งเหมือนมีอะไรกระโดดชนอยู่ข้างใน ซึ่งสร้างความเเปลกใจให้ทุกคนอย่างมาก
ตอนนี้พี่เอ๋ได้กลับมาเป็นพี่เอ๋คนเดิมเเล้ว พระอาจารย์บอกว่ามันคือผีปอบที่หลุดออกมาจากที่ที่มันเคยอยู่ มีคนไปยุ่งกับภาชนะที่ขังมันไว้ มันก็เลยหลุดออกมาได้ มันจะเข้าร่างคนที่จิตอ่อนเพื่อกินตับไตไส้พุง ถ้ามาเร็วก็ไม่มีปัญหา เเต่ถ้ามาช้าก็อาจจะสายเกินไป ส่วนไหขนาดเล็กนั้น พระอาจารย์ได้ให้เด็กวัดเอาไปฝังไว้ที่ป่าช้า หลังจากนั้นทุกคนก็ได้กราบลาพระอาจารย์ ต่างคนต่างเเยกย้ายกันกลับบ้าน
เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา