17 เม.ย. 2021 เวลา 09:49 • ประวัติศาสตร์
พ.ศ. 2328
"เกงหวุ่นเเมงยี" ผู้คุมกองทัพของพม่าเข้าตีหัวเมืองปักษ์ใต้ฝั่งตะวันตก ได้ลงมาตั้งประชุมกองทัพที่เมืองมะริด จึงมีคำสั่งให้ "ยี่หวุ่น" คุมกองทัพเรือจำนวน 3,000 คน เข้าตีเมืองถลาง ส่วนตัวเกงหวุ่นเเมงยีเเม่ทัพถือพล 7,000 คน ยกทัพมาทางบกจากเมืองมะริดเข้าตีชุมพรเเละไชยา
กรมการเมืองเห็นเหลือกำลังที่จะต้านกองทัพพม่าจึงพาผู้คนหนีเข้าป่า พม่าจึงเก็บทรัพย์จับเชลยที่หนีไม่ทัน เเล้วจึงสั่งเผาเมืองชุมพรเเละไชยาจนราบคาบ
"เจ้าพระยานครพัฒน์" เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อทราบข่าวว่าข้าศึกตีได้เมืองชุมพรเเละไชยาเเล้ว ก็ตระเตรียมการต่อสู้เพื่อรักษาเมืองนครศรีธรรมราชอย่างเข้มเเข็ง โดยจัดกองทัพจำนวน 1,000 คน ไปขัดตาทัพที่ท่าข้าม
เมื่อกองทัพของพม่ายกมาถึงเห็นกองทัพของเมืองนครศรีธรรมราชตั้งรอรับอยู่ จึงให้ออกอุบายโดยส่งเชลยไทยที่จับมาได้จากเมืองไชยาให้ไปบอกทัพเมืองนครศรีธรรมราชที่มาตั้งขัดตาทัพว่า
"บางกอกก็เสียเเล้ว จะมาตั้งอยู่เช่นนั้นจะสู้ได้เเล้วหรือ ให้ไปบอกเจ้านายให้มาอ่อนน้อมเสียโดยดี ถ้าขืนต่อสู้จะฆ่าเสียให้สิ้นทั้งเมือง ถึงทารกก็จะไม่เหลือไว้"
เจ้าพระยานครพัฒน์ท่านได้ลองวิเคราะห์เนื้อความสารที่พวกพม่าบอกมานั้น ก็เห็นจะเป็นความจริงเนื่องจากตัวท่านส่งใบบอกข่าวศึกเข้าไปยังกรุงเทพเเล้วหลายเดือนเเต่ก็ยังไม่มีวี่เเววที่ทางกรุงจะส่งกำลังเข้ามาช่วย ท่านจึงคิดว่าทางกรุงเทพคงเสียทีเเก่ข้าศึกเสียเเล้ว
จึงเห็นว่าเหลือกำลังที่จะต้านทานทัพของพม่าที่ยกมาในคราวนี้ ท่านเจ้าพระยานครพัฒน์จึงอพยพผู้คนหนีข้ามเขาบรรทัดไปซุ่มซ่อนอยู่เขาเขตอำเภอฉวาง พม่าจึงสามารถยึดเมืองนครศรีธรรมราชได้โดยง่ายจากอุบายลวงในครั้งนั้น
พม่าจึงพากันริบทรัพย์จับเชลยผู้คนที่หนีไม่ทัน ผู้ชายมักพาลหาเหตุฆ่าทิ้ง เอาเเต่เด็กกับผู้หญิงไปเป็นเชลยจำนวนมาก ทรัพย์สมบัติที่พม่าขนลงเรือไปจากเมืองนครศรีธรรมราชในคราวนั้น เกิดเหตุเรือที่บรรทุกเเตกล่มจมลงในทะเลทั้งหมด
ฝ่ายยี่หวุ่นทัพเรือที่ยกไปครั้งนั้นได้ยกเข้าตีเมืองตะกั่วทุ่งเมืองตะกั่วป่าได้อย่างง่ายดายเเล้ว จึงข้ามรี้พลเข้าตั้งค่ายล้อมเมืองถลางต่อไป.................

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา