พ.ศ. 2328
ทัพของ "อนอกเเฝกคิดหวุ่น" ซึ่งพระเจ้าปดุงให้คุมไพร่พล 10,000 คน เข้ามาทางด่านบ้องตี้เพื่อตีเมืองราชบุรี ไม่ทราบข่าวว่าค่ายพม่าที่ทุ่งลาดหญ้าถูกทัพไทยตีเเตกพ่ายไปหมดเเล้ว รวมถึงไม่ทราบข่าวที่พระเจ้าปดุงทรงสั่งให้ถอนทัพกลับทุกทัพด้วย จึงเข้ามาตั้งทัพรอท่าเพื่อจะเข้าโจมตีเมืองราชบุรี
ทางฝั่งไทยทัพที่มาตั้งดักสกัดพม่าที่เมืองราชบุรีคือทัพของเจ้าพระยาธรรมา(บุญรอด) เเละเจ้าพระยายมราชเป็นเเม่ทัพถือไพร่พล 5,000 คน เเต่เเม่ทัพทั้งสองไม่ได้ใส่ใจส่งกองสอดเเนมออกไปสืบข่าวของข้าศึก จึงไม่ทราบว่าทัพของพม่ามาตั้งรอที่ชานเมืองราชบุรีเเล้ว
มิหน่ำซ้ำพวกพม่ายังลักลอบส่งไพร่พลออกมาลอบเก็บมะพร้าวเเละพืชผลต่างๆรวมถึงสังหารชาวบ้านชาวสวนในละเเวกนั้นที่ขัดขวางเพื่อยึดผลไม้ต่างๆเป็นเสบียงให้เเก่กองทัพของตนเอง
ระหว่างนั้นพระยากลาโหมราชเสนา เเละพระยาจ่าเเสนยากร เป็นเเม่ทัพหน้าที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงมีพระบัณฑูรให้เดินทางทัพบกล่วงหน้ามาก่อนเพื่อไปช่วยทัพไทยที่รับข้าศึกอยู่ที่ราชบุรี หลังจากที่พระองค์ท่านสามารถพิชิตศึกที่ทุ่งลาดหญ้าลงได้เเล้ว
ท่านเเม่ทัพทั้งสองได้เดินทางมาถึงเขตชานเมืองราชบุรีเเละได้พบกับทัพของพม่าเข้า ท่านเเม่ทัพทั้งสองไม่รอช้าสั่งให้ไพร่พลทหารโจมตีค่ายพม่าโดยทันที ทั้งสองฝ่ายรบกันอย่างดุเดือดใช้ปืนใหญ่ยิงระดมตอบโต้กัน โดยมีคำสั่งให้ตีหักค่ายพม่าลงให้ได้ห้ามถอยหนี ใครถอยจะมีโทษถึงประหารชีวิต
ทหารไทยจึงปีนเข้าหักค่ายรบกับพม่าที่ยุทธภูมินี้อย่างดุเดือด เเละสามารถตีค่ายพม่าเเตกลงได้ทหารกองหน้าของพม่าหนีตายเอาตัวรอดไปปะทะกับทัพหนุนของตัวเองที่ตั้งรออยู่เเนวหลัง จึงถูกทัพไทยตีเเตกหนีไม่ทันตั้งตัวไปด้วย
ทหารไทยจับกุมเชลยศึก ช้างม้า เเละเครื่องศัสตราวุธได้จำนวนมาก เเม่ทัพหน้าทั้งสองจึงจัดส่งสิ่งของต่างๆที่รวบรวมมาได้ส่งไปถวายสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
เมื่อสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทได้เสด็จพระราชดำเนินมาทางชลมารคถึงเมืองราชบุรีเเล้ว จึงทรงมีรับสั่งให้จองจำเจ้าพระยาธรรมาเเละเจ้าพระยายมราช เเละได้โปรดให้ส่งหนังสือเข้าไปกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกว่าจะขอพระราชทานประหารชีวิตเเม่ทัพทั้งสองคนนี้
เเต่พระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าเจ้าพระยาทั้งสองเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีความดีความชอบมาตั้งเเต่เเผ่นดินก่อน ทั้งยังซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดี จึงมีท้องตรารับสั่งลงมาขอพระราชทานชีวิตเจ้าพระยาทั้งสองไว้ เเต่ให้ลงอาญาทำโทษประจานตามกฏพระอัยการศึก
สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงมีพระบัณฑูรให้ลงอาญาเจ้าพระยาธรรมาเเละเจ้าพระยายมราชโดยให้โกนศรีษะ 3 เเฉก เเล้วให้พาดตระเวณประจานรอบค่ายทั้งยังให้ถอดยศเเละบรรดาศักดิ์ด้วย ส่วนบรรดานายทัพนายกองที่ไม่เป็นหูเป็นตาในราชการงานศึกทรงมีรับสั่งให้ลงอาญาเฆี่ยนทุกคน
เมื่อสามารถขับไล่ทัพของพม่าทางเมืองราชบุรีไปได้เเล้ว สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงทรงมีพระราชดำริที่จะเสด็จกลับเข้าพระนครก่อนที่จะลงภาคใต้ เนื่องจากพระองค์ทรงต้องการปรึกษาข้อราชการสงครามกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในสถานการณ์การศึกภาพรวมเเละปรับกลยุทธ์วิธีกำลังในการขับไล่ศัตรูที่ยังรุกรานทั้งทางภาคเหนือเเละใต้ของพระราชอาณาจักรหนักหนาอยู่
โดยทรงได้ข้อสรุปกันว่า ทัพพม่าเเตกพ่ายไปถึง 6 ทัพเเล้ว เหลืออยู่เพียง 3 ทัพ ทั้งสองพระองค์จึงเเบ่งภารกิจออกเป็นสองทาง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยกทัพหลวงขึ้นเหนือเพื่อช่วยหนุนทัพของสมเด็จพระเจ้าหลานเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์เทเวศร์
ส่วนทัพของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงยกลงปักษ์ใต้เพื่อขับไล่ทัพพม่าอีก 2 ทัพที่ยึดหัวเมืองภาคใต้ไว้ได้หลายเมือง............
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
