28 ก.ย. 2021 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
NBA 104 - ประวัติย่อของทีม NBA ตอนที่ 24 - Phoenix Suns
ประวัติทีม Phoenix Suns
ฝั่งที่สังกัด - ฝั่งตะวันตก Pacific Division
ปีที่ก่อตั้ง - 1968
ชื่อเดิม -
Phoenix Suns (1968-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง - เมือง Phoenix รัฐ Arizona
ชื่อสนามเหย้า - Phoenix Suns Arena
เจ้าของทีม - Robert Sarver
CEO - Jason Rowley
GM (General Manager) - James Jones
HC (Head Coach) - Monty Williams
ทีมสังกัดใน G-League - ไม่มี
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก - 0
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป - 3 (1976, 1993, 2021)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division - 7 (1981, 1993, 1995, 2005-2007, 2021)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired - 6 (5, 6, 7, 33, 42, 44)
ประวัติทีมโดยสังเขป
ทีมได้ก่อตั้งขึ้นและเข้าร่วมกับลีก NBA ในฤดูกาล 1968/69 ร่วมกับ Bucks ที่มาพร้อมกับความหวังเล็กๆ จากการแต่งตั้ง GM พร้อมกับ HC ที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วกับ Bulls แล้วทำผลงานได้ดีทั้งสองคน ซึ่งทีมหวังว่าจะสามารถนำประสบการณ์ดังกล่าวพาทีมบินสูงได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก แต่น่าเสียดายที่ผลตอบรับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
Suns 1968 Logo
ผลงานในฤดูกาลเปิดตัวถือว่าทีมทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย หลังจากจบฤดูกาลด้วยสถิติแค่ 16-66 เพียงเท่านั้น จากนั้นผลงานของทีมก็ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันอะไรนัก ทีมทำได้ดีที่สุดเพียงแค่การเข้า Playoffs รอบแรกในฤดูกาลถัดมา แต่ก็ไม่ได้สมหวังเข้ารอบอีกยาวนานหลายฤดูกาลเลยทีเดียว
จนกระทั่งเข้าสู่ฤดูกาล 1975/76 ทีมตัดสินใจปรับขุมกำลังครั้งใหญ๋ ทุ่มทุน Trade กับทาง Celtics ด้วยการคว้า Paul Westphal เข้ามาเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญของทีม พร้อมกับช่วงกลางฤดูกาลได้มีการขยับตัว Trade กับทาง Braves (Clippers ในปัจจุบัน) ในการดึงผู้เล่นยอดฝีมืออย่าง Garfield Heard เข้าสู่ทีมอีกคน
Paul Westphal (Cr.Gettyimages)
ผลงานของทีมในฤดูกาล 1975/76 จึงดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาไปในทันที จากทีมที่ทำได้แค่เฉียดลุ้นเข้ารอบ Playoffs ในแต่ละฤดูกาล กลับกลายเป็นทีมที่ทำผลงานได้ถึงการเข้าชิงแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร น่าเสียดายที่ไปพลาดท่าแพ้ให้กับ Celtics ในเกมที่ 6 ชนิดที่เรียกว่ามีเกมหนึ่งใน Series ที่สูสีถึงขนาดต้องต่อเวลาพิเศษออกไปถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะรู้ผลชี้ขาดในที่สุด
ทีมยังคงรักษาสภาพความเป็นทีมระดับ Playoffs ได้อีกหลายฤดูกาลติดต่อกันหลังจากนั้น แต่ก็ไม่สามารถทำผลงานได้เข้าถึงรอบชิงแชมป์ลีกเป็นครั้งที่สองได้ น่าเสียดายที่ปี 1987 ทีมกลับเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น โดยการที่มีผู้เล่นของทีมจำนวนหนึ่งเข้าไปมีส่วนพัวพันกับยาเสพติด ถึงแม้ว่าทีมจะไมไ่ด้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ผลที่ออกมาก็ทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของทีมเป็นอย่างมาก ซ้ำร้ายทีมยังต้องเสียดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง Nick Vanos ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในระหว่างฤดูกาล 1987/88 อีกต่างหาก เรียกได้ว่ากระทบทั้งในและนอกสนามเลยทีเดียว
การพยายามพลิกฟื้นจากโชคชะตาที่โหดร้าย
ในฤดูกาล 1988/89 ทีมพยายามที่จะสร้างขุมกำลังชุดใหม่ขึ้นมา นำโดย Kevin Johnson ที่ได้ตัวมาจาก Cavaliers รวมไปถึงผู้เล่นคนอื่นๆ อย่าง Larry Nance และ Mike Sanders ที่เป็นอดีตผู้เล่นระดับ All-Star มาร่วมทีมอีกด้วย
Kevin Johnson
ทีมเริ่มกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง จากฤดูกาล 1988/89 ที่จบด้วยสถิติ 55-27 (แพ้ Lakers ในรอบชิงสาย), ฤดูกาล 1989/90 สถิติ 54-28 (แพ้ Blazers ในรอบชิงสาย), ฤดูกาล 1990/91 กับสถิติ 55-27 (แพ้ Jazz ใน Playoffs รอบแรก)
และปิดท้ายกับสนามเหย้าแห่งแรกที่ฤดูกาล 1991/92 ที่จบด้วยสถิติ 53-29 ก่อนที่จะไปแพ้ Blazers ใน Playoffs รอบสอง แต่ก็ยังสามารถทำสถิติในเกม 4 ที่แพ้ไปด้วยแต้ม 153-151 ในการต่อเวลาพิเศษสองครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเกมใน Playoffs ที่ทำแต้มกันมากที่สุดในลีกจนถึงปัจจุบัน
จากนั้นในฤดูกาล 1992/93 ทีมได้ทำการย้ายสนามเหย้าใหม่ที่ America West Arena ที่เป็นสนามเหย้าจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับการเข้ามาของสุดยอดผู้เล่นอย่าง Charles Barkley อีกด้วย
Charles Barkley
ผลงานในฤดูกาล 1992/93 ภายใต้การคุมทีมของอดีตผู้เล่นของทีมอย่าง Westphal กลายเป็นการทำลายสถิติของสโมสร จากการเอาชนะไปได้ถึง 62 นัดในฤดูกาลปกติ เข้ารอบด้วยการเป็นจ่าฝูงของฝั่งตะวันตก และยังไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกแบบเดียวกับที่ Westphal เคยทำได้สมัยยังเป็นผู้เล่นให้กับทีม แต่น่าเสียดายที่ผลกลับลงเอยเหมือนกัน นั่นคือทีมได้แพ้ให้กับ Bulls ชวดแชมป์สมัยแรกไปตามระเบียบ
ทีมยังทำผลงานในฤดูกาลปกติได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากสถิติ 56-26 ในฤดูกาล 1993/94 และ 59-23 ในฤดูกาล 1994/95 แต่น่าเสียดายที่ตกรอบเพียงแค่ Playoffs รอบสองทั้งสองฤดูกาล
สุดท้ายผลงานของทีมก็ดรอปลงในฤดูกาล 1995/96 หลังทำผลงานได้เพียง 41-41 และตกรอบ Playoffs ตั้งแต่รอบแรก ทำให้โค้ช Westphal ถูกปลดออก และ Barkley ก็ดันไปมีปัญหากับ Jerry Colangelo เจ้าของทีมในเวลานั้น ทำให้หลังจบฤดูกาลเขาได้ถูก Trade ออกจากทีมไปในที่สุด
หลังจากที่ Barkley ได้ออกจากทีมไป ผลงานของทีมในช่วงต้นฤดูกาล 1996/97 ก็ได้ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ทีมแพ้ 13 นัดรวดโดยที่ยังควานหาชัยชนะไม่เจอเลย ถือเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งทีมมาเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าทีมจะทำการ Draft ว่าที่ตำนานอย่าง Steve Nash เข้าสู่ทีม แต่ในช่วงแรกเขายังไม่สามารถโชว์ฝีมือที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถระดับแกนหลักของทีมได้เลยแม้แต่น้อย
ทีมพยายามมองหาแกนหลักชุดใหม่ที่จะประคองทีมให้มีผลงานที่ดีขึ้น และตัดสินใจคว้าตัวผู้เล่นมากฝีมืออย่าง Jason Kidd เข้าสู่ทีมในช่วงกลางฤดูกาล ซึ่งเขาก็ทำให้ทีมสามารถเดินหน้าคว้าชัยชนะได้ 11 เกมรวด และเร่งผลงานจนสามารถกลับมาเข้ารอบ Playoffs ได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าจะแพ้ไปตั้งแต่รอบแรกก็ตาม
Jason Kidd
หลังจากที่ Nash ไม่ประสบความสำเร็จกับทีมในช่วงแรก ทำให้สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกทีมปล่อยตัวไปให้กับ Mavericks ไปในปี 1998 แลกกับสิทธิ์ Draft รอบแรกในอนาคต (ซึ่งต่อมาทีมได้เลือก Shawn Marion เข้าสู่ทีม)
ทีมพยายามมองหาผู้เล่นแกนหลักอีกคนเข้าสู่ทีม ก่อนที่จะตัดสินใจคว้าตัว Penny Hardaway มาจาก Magic ในปี 1999 ทำให้เขาและ Kidd กลายเป็นคู่หูที่น่าจับตามองขึ้นมาทันที
แต่น่าเสียดายที่คู่นี้กลับไม่เคยได้ลงเล่นด้วยกันแบบจริงจัง เนื่องจากต่างคนก็ผลัดกันเจ็บในขณะที่อีกคนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และหลังจากที่ทีมทำผลงานได้เพียง Playoffs รอบแรกหลังจบฤดูกาล 2000/01 Kidd ก็ถูกปล่อยออกจากทีมให้กับ Nets เพื่อแลกกับ Stephon Marbury และสิทธิ์ในการ Draft ในปี 2002 ซึ่งทีมก็ได้ใช้สิทธิ์นี้ในการเลือกว่าที่เครื่องจักรทำคะแนนอย่าง Amar'e Stoudemire เข้าสู่ทีม
Amar'e Stoudemire
ในฤดูกาล 2002/03 Stoudemire ก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวัง โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีมาครองได้สำเร็จ แถมเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ทำให้ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 44-38 ถึงแม้ว่าจะไม่ผ่าน Playoffs รอบแรกก็ตาม
เพียงแต่ว่าฤดูกาล 2003/04 ผลงานของทีมกลับดรอปลงจนเหลือเพียงแค่ 29-53 ไม่ได้เข้ารอบ Playoffs ตามระเบียบ ทีมจึงตัดสินใจผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ด้วยการ Trade สองผู้เล่นสำคัญทั้ง Marbury และ Hardaway ออกจากทีม พร้อมกับการเซ็นสัญญาอดีตดาวรุ่งของทีมอย่าง Nash กลับเข้าสู่ทีมอีกครั้ง
การกลับมาของ Stave Nash
ในฤดูกาล 2004/05 การมาของ Nash ในครั้งนี้สร้างความแตกต่างกับสมัยที่เจ้าตัวยังเป็นดาวรุ่งอยู่มาก หลังจากที่โชว์ฟอร์มกับทีมอื่นจนกลายเป็นผู้เล่นระดับต้นๆ ของลีก เขาก็สามารถผนึกกำลังกับแกนหลักอย่าง Stoudemire และ Marion ที่เริ่มพัฒนาฟอร์มขึ้นมาได้ดี จนทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 62-20 เท่ากับสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในฤดูกาล 1992/93 พร้อมกับการที่ Nash คว้ารางวัล MVP ประจำฤดูกาลมาครองได้ในที่สุด
Stave Nash
น่าเสียดายที่ทึมชุดนี้ไม่สามารถพาทีมกลับไปถึงรอบชิงแชมป์ลีกที่เคยสัมผัสเมื่อนานมาแล้วได้อีกครั้ง หลังจากที่แพ้ให้กับ Spurs ในรอบชิงแชมป์สายตะวันตกไปอย่างน่าเสียดาย
ในฤดูกาล 2005/06 ทีมต้องเสีย Stoudemire จากการที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องผ่าตัดเข่า ทำให้เขาแทบไม่ได้ลงเล่นเลยในฤดูกาลนี้ เพียงแต่ว่าทีมก็ยังสามารถประคองผลงานจนจบฤดูกาลที่ 54-28 และคว้าแชมป์ Divsion ได้มาครองเป็นปีที่สองติดต่อกัน แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านรอบชิงแชมป์สายตะวันตกไปได้เช่นเดิม ถึงจะเปลี่ยนคู่แข่งเป็น Mavericks ก็ตามที
ต่อมาในฤดูกาล 2006/07 ทีมมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์แรกประดับสโมสรให้จงได้ หลังจากที่ขุมกำลังหลักกลับมากันพร้อมหน้าอีกครั้ง ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 61-21 และคว้าแชมป์ DIvision ติดต่อกันเป็นปีที่สาม เพียงแต่ทีมก็ยังไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายเสียที ต้องแพ้ให้กับ Spurs เพียงแค่รอบชิงแชมป์สายตะวันตกติดต่อกันเป็นปีที่สามเช่นเดียวกัน
ในฤดูกาล 2007/08 ทีมยังคงทำผลงานในฤดูกาลปกติได้ดีจากสถิติ 55-27 แต่ผลงานใน Playoffs กลับดรอปลงเหลือเพียงแค่รอบแรกเท่านั้นจากน้ำมือเจ้าเก่าอย่าง Spurs ทำให้หลังจากจบฤดูกาล โค้ช Mike D'Antoni ที่คุมทีมชุดนี้มาอย่างยาวนานจึงได้ลาออกจากทีมไปในที่สุด
ฤดูกาล 2008/09 ทีมกลับมีปัญหาเรื่องเพดานค่าเหนื่อยที่สูงเกินไป ทำให้ขยับทีมเพื่อปรับปรุงขุมกำลังได้ค่อนข้างลำบาก ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลงานของทีมดรอปลงจนเหลือเพียงแค่ 46-36 และไม่ได้เข้ารอบ Playoffs หลังจากฤดูกาลนี้ได้จบลง
อย่างไรก็ดี ในฤดูกาลถัดมา ทีมได้พยายามทำผลงานให้ดีขึ้น จนจบฤดูกาลด้วยสถิติ 54-25 และไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สายอีกครั้ง น่าเสียดายที่ไม่สามารถผ่าน Lakers เพื่อกลับไปสู่รอบชิงแชมป์ลีกได้เป็นหนที่สามในประวัติศาสตร์ทีมเสียที
ฤดูกาล 2010/11 ทีมตัดสินใจปล่อยหนึ่งในแกนหลักอย่าง Stoudemire ออกจากทีม หลังจากที่ไม่สามารถการันตีค่าเหนื่อยในสัญญาฉบับใหม่ของเจ้าตัวได้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่คอยเล่นงานเจ้าตัวอยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องยอมปล่อยไปให้กับ Knicks ที่ยื่นเงื่อนไขได้ดีกว่าในที่สุด
ทีมพยายามปรับปรุงขุมกำลังเพื่อทดแทนการขาดหายไปของหนึ่งในแกนหลัก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถปรับทีมให้ดีขึ้นได้ทันเวลา ก่อนที่จะจบฤดูกาลไปด้วยสถิติ 40-42 และไม่ได้ไปต่อใน Playoffs
และสุดท้ายหลังจากที่สัญญาณหลายๆ อย่างบ่งบอกว่าทีมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ทีมตัดสินใจเข้าสู่การสร้างทีมใหม่ด้วยการ Trade แกนหลักอีกคนอย่าง Nash ออกจากทีมไปในปี 2012 ให้กับ Lakers ปิดฉากการกลับมาเล่นให้กับทีมเป็นหนที่สองของเขาลงแต่เพียงเท่านี้
การสร้างทีมใหม่อันแสนยาวนาน
หลังจากที่แกนหลักของทีมได้ทยอยจากไปจนหมด ทีมจึงเริ่มสร้างทีมใหม่โดยอาศัยการ Draft ดาวรุ่งที่มีแววที่พอจะปั้นขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมได้ ผลงานในฤดูกาล 2012/13 จึงออกมาย่ำแย่ตามความคาดหมาย เอาชนะไปได้เพียงแค่ 25 เกมเท่านั้น
ต่อมาในฤดูกาล 2013/14 ทีมได้ทำการเปลี่ยน GM เป็น Ryan McDonough ที่เคยทำงานให้กับ Celtics มาก่อนขึ้นมารับบทบาทนี้แทน พร้อมทั้งเปลี่ยน Head Coach เป็นอดีตผู้เล่นของทีมอย่าง Jeff Hornacek พร้อมคุมทีมนำโดยผู้เล่นอย่าง Goran Dragic และ Eric Bledsoe ที่โชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดี
ผลงานในฤดูกาลนี้ถือว่าผิดความคาดหมายของทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก ทีมทำสถิติจนมีลุ้นเข้ารอบ Playoffs จนถึงช่วงท้ายที่ต้องตัดสินอันดับกันจากการเจอกันเองของ Suns, Mavericks และ Grizzlies น่าเสียดายที่ Suns พ่ายให้กับทั้งสองทีม ทำให้จบฤดูกาลแค่ 48-34 ได้เพียงอันดับ 9 พลาดการเข้ารอบไปอย่างน่าเสียดาย
ทีมพยายามปรับปรุงขุมกำลังพร้อมกับมองหาดาวรุ่งที่สามารถปั้นให้เป็นแกนหลักของทีมได้ต่อไป เพียงแต่ว่าพวกเขาก็ยังหาไม่เจอเสียที แถมยังไม่สามารถ Trade เพื่อดึง Superstar ระดับต้นๆ ของลีกให้มาอยู่กับทีมได้อีกต่างหาก ทำให้ทีมจบฤดูกาล 2014/15 ด้วยผลงานเพียง 39-43 เท่านั้น อดเข้า Playoffs ไปอีกปี
ความพยายามของทีมเริ่มสัมฤทธิ์ผล หลังจากที่ฤดูกาล 2015/16 ทีมได้ Draft ดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง Devin Booker เข้าสู่ทีม
Devin Booker
เพียงแต่การมาของเขาในฤดูกาลแรกนั้นยังไม่สามารถช่วยทีมได้มาก ถึงจะโชว์ฟอร์มได้ดีก็ตาม ซ้ำร้ายทีมยังเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Bledsoe จากอาการบาดเจ็บในช่วงกลางฤดูกาลอีกต่างหาก ทำให้ Hornacek โดนปลดออกจากการคุมทีมในปี 2016 และทีมจบผลงานด้วยสถิติเพียง 23-59 เท่านั้น
ในฤดูกาล 2016/17 ทีมพยายามเข็นฟอร์มของ Booker ต่อไป ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบสนองต่อความคาดหวังได้เป็นอย่างดี ฝีมือพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มที่จะฉายแววการเป็นแกนหลักของทีมในอนาคตได้จริงๆ เพียงแต่ในตอนนี้ยังถือว่าไม่ใช่ช่วงที่เขาจะได้เฉิดฉายนัก หลังจากทำผลงานได้เพียง 24-58 ในฤดูกาลนี้ และ 21-61 ในฤดูกาลถัดไป
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน
ในที่สุดความฝันของทีมที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งให้ได้ก็เริ่มกลายเป็นความจริง หลังจากที่การ Draft ปี 2018 ทีมได้ดาวรุ่งอนาคตไกลอีกคนอย่าง Deandre Ayton เข้าสู่ทีม พร้อมทั้งต่อสัญญา Booker ไปอีกหลายปี หลังจากที่โชว์ฟอร์มเด่นจนสามารถกลายเป็นแกนหลักของทีมได้ตามที่คาดหวัง
Deandre Ayton
ตัวเขาและ Booker เองต่างก็โชว์ฟอร์มได้ดี แต่เหมือนทีมยังขาดผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆ ที่สำคัญและช่วยประคองทีม ทำให้ทีมยังจบฤดูกาลด้วยสถิติที่ย่ำแย่เพียง 19-63 เท่านั้น ถือว่าเป็นฤดูกาลให้ผู้เล่นอายุน้อยได้พัฒนาฝีมือกันต่อไป
จนกระทั่งในฤดูกาล 2019/20 ทีมเริ่มที่จะฉายแววได้จริงๆ หลังจากที่โชว์ฟอร์มช่วงท้ายฤดูกาลได้ดี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมกลับไปสู่ Playoffs ได้
สุดท้ายแล้วเป้าหมายแรกของทีมก็กลายเป็นความจริง หลังจากที่ไม่ได้เข้ารอบมานานกว่า 10 ปี พอมาถึงในฤดูกาล 2020/21 ภายใต้การนำทีมของ Chris Paul ที่ทีมได้ตัวมาในฤดูกาลนี้ ทำให้ทีมเล่นได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก และสามารถพาทีมเข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จอีกด้วย
การที่สามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้ฤดูกาล 2021/22 กลายเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ไปโดยปริยาย ซึ่งจากการที่ตัวหลักยังอยู่กันอย่างครบครัน คงต้องรอดูกันว่าฤดูกาลนี้จะยังคงสามารถทำผลงานไว้ได้ดีเหมือนเดิมอีกไหม
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา