7 พ.ค. 2021 เวลา 05:17 • ท่องเที่ยว
ฉันตื่นตั้งแต่ตี4ครึ่ง ที่เหลือเชื่อคือสว่างแล้วด้วย😳 โอ้เอ้ดื่มกาแฟ แล้วก็ออกจากที่พักไปถึงสถานฑูตเติร์กเมนิสถานตอนเจ็ดโมงเพื่อลงชื่อขอวีซ่า ที่ต้องรีบไปเพราะเขาแนะนำกันมาว่าควรไปลงชื่อตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งบางคนก็ไปลงชื่อตั้งแต่6โมงเช้า โชคดีที่แถวสถานฑูตมีสวนสาธารณะเล็กๆ ก็เลยนั่งชมนกชมไม้รอเวลาไปเรื่อยๆ พอ9โมงเช้าก็ระเห็จไปรอหน้าประตูสถานฑูต ยามบอกให้รอในซุ้มที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ นึกภาพซุ้มหมือนป้ายรถเมล์เล็กๆมีที่นั่งเป็นแถว หลังคาใสแดดส่องเข้าตรงๆ มีคนนั่งรออยู่หลายคน ฉันเข้าไปนั่งได้แป๊บเดียวต้องออกมายืนรอใต้ร่มไม้แทน เพราะมันร้อนมากเหมือนอยู่ในเตาอบก็ไม่ผิด คนที่นั่นก็นั่งรอกันดูสบายๆไม่มีใครพัดโบกคลายร้อนเลย คงคุ้นชินกับอากาศหนาว ร้อนแบบสุดขั้วจริงๆแหละ เพราะประเทศนี้เวลาหนาวก็ลงไปได้ถึง-10 ส่วนหน้าร้อนแบบตอนที่ฉันไปนี่ เมษาเมืองไทยเป็นแค่เด็กน้อยไปเลย
แถวโฮสเทลที่ฉันพัก หลังคาและทรงบ้านแปลกดี ท่อสูงๆนั่นเดาว่าคือท่อกาซที่ส่งไปตามบ้านเรือน
พอ10โมงเจ้าหน้าที่ก็ค่อยๆเรียกชื่อทีละคนสองคนให้เข้าไปในสถานฑูตได้ คนอื่นก็รอด้านนอกต่อไป และต้องฝากกระเป๋าไว้ที่ป้อมยาม ที่จะเอาติดตัวเข้าไปได้คือเอกสารกับกระเป๋าสตางค์ ฉันขอวีซ่าแบบtransit ซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าเติร์กเมนิสถานได้ เนื่องจากวีซ่าท่องเที่ยวนั้นแพงมากและต้องจ้างไกด์นำเที่ยวด้วย ดังนั้นวีซ่าท่องเที่ยวจึงอยู่ที่หลักแสนบาท ส่วนทรานสิทวีซ่าอยู่ที่ $55 ทางสถานฑูตรับแต่เงินดอลล่าเท่านั้น ไม่รับเงินสกุลอื่นใดแม้แต่เงินประเทศตัวเอง เอากะเขาสิ ประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องความยากในการขอวีซ่า ขนาดเจ้าหน้าที่ในโฮสเทลยังเอ่ยกับฉันเลยว่าขอยากมาก แม้ว่าจะเป็นแบบทรานสิทวีซ่าที่ให้เวลาเพียง5วันในการเดินทางอยู่ในประเทศก็ตาม
สถานฑูตTurkmenistan ในทัชเคนท์,อุซเบกิสถาน
การขอวีซ่าทรานสิทข้ามแดนแบบนี้ ต้องระบุว่าจะเข้าออกประเทศที่ด่านไหนตั้งแต่ตอนยื่นเรื่อง ถ้าเป็นประเทศที่ผู้คนเขาท่องเที่ยวกันเป็นปรกติก็ไม่น่าห่วง แต่ไม่ใช่สำหรับเติร์กเมนิสถานที่หาข้อมูลอะไรได้ลำบากยากเย็นแท้ ฉันใส่ด่านขาเข้าประเทศเป็นFarabขาออกเป็นGaudan ส่วนเรื่องการเดินทางช่วงข้ามแดนนั้นให้ความรู้สึกเหมือนแดนสนธยา เพราะมีแค่คำแนะนำเดียวที่เขียนไว้และฉันไม่เชื่อว่ามันจะมีรถประจำทางจริง
แม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองจะต้องได้วีซ่าแน่ แต่ฉันก็ต้องเตรียมแผน2ไว้ คือการบินข้ามประเทศไปเลยหากวีซ่าไม่ผ่าน ซึ่งค่าเครื่องบินแค่บินข้ามประเทศเล็กๆนี่ก็ไม่ถูกด้วย แต่พอยื่นเรื่องและคุยกับเจ้าหน้าที่ ฉันก็นอนใจว่าคงได้วีซ่าแน่นอนล่ะ แต่ระยะเวลาที่คิดว่า5วันน่าจะได้กลับกลายเป็น10วัน ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวในอุซเบที่ได้วางไว้ก่อนหน้านี้ พอแชทคุยกับหนุ่มนักบิด เขาบอกว่าฉันได้เร็วแล้ว ของเขาเจ้าหน้าที่ให้รอ30วันซึ่งก็ไม่รู้จะได้รึเปล่าด้วย เขาก็เลยเลี่ยงไปเส้นทางอื่นแทน
สถานีรถไฟทัชเคนท์
เดินกลับมาที่พักที่ห่างจากสถานฑูตประมาณครึ่งชม. เพื่อมานั่งคิดแผนเรื่องเปลี่ยนที่พัก เปลี่ยนวันเดินทาง คือจากที่คิดไว้ว่าพอได้วีซ่าแล้ว ก็จะนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองอื่น กลับกลายเป็นต้องไปเมืองอื่นแล้วนั่งรถไฟย้อนกลับมารับวีซ่าอีกครั้ง วางแผนเสร็จก็รีบนั่งรถใต้ดินไปสถานีรถไฟ พูดถึงสถานีรถไฟที่นี่ฉันเคยคิดจะจองผ่านเอเจนท์ต่างประเทศตั้งแต่อยู่ที่ไทย แต่ค่ารถคิดเป็น us dollar เลยคิดว่าดุ่มๆมาจองเองดีกว่า ถูกกว่าแน่นอน ส่วนจะได้ตั๋วรึเปล่าค่อยว่ากันอีกที
ภายในสถานีรถไฟทัชเคนท์
สถานีรถไฟทัชเคนท์ดูข้างนอกใหญ่โตโอ่อ่าดี ส่วนข้างในเล็กประมาณหนึ่งส่วนสามของหัวลำโพงได้ มีช่องขายตั๋วฟากนึง ส่วนอีกฟากมีร้านขายน้ำเล็กๆร้านเดียว ในสถานีดูสะอาดสะอ้านและมีป้ายเขียนชัดเจนว่าห้ามถ่ายรูปในสถานีรถไฟ (แต่ก็แอบถ่ายมา🤫) ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ในสถานีรถใต้ดินก็เช่นกัน แต่ปี2018ที่ฉันไปมาตรการเริ่มหย่อนบ้างแล้ว ก็เลยถ่ายได้บ้าง แต่ยังมีบางสถานีเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาบอกว่าห้ามถ่าย พอถึงคิวซื้อตั๋วรถไฟฉันยื่นกระดาษที่เขียนเมืองและวันเดินทางให้เจ้าหน้าที่ เพราะแน่ใจว่าเขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษแน่นอน เขียนยื่นกันไปยื่นกันมาคอนเฟิร์มเรื่องเวลาการเดินทาง พอถึงตอนจ่ายเงินเจ้าหน้าที่ยื่นเครื่องคิดเลขมาให้ 248,000 ซอม บอกเลยว่างงเต้ก นับแบงค์ไม่ถูก เลยยื่นที่แลกมาทั้งปึกให้เจ้าหน้าที่เอาใส่เครื่องนับไปเลย พอเสร็จกิจมานั่งคำนวณถี่ถ้วนเป็นเงินไทย 1,055 บาท 🤣🤣🤣 แหม ตัวเลขทำเอาโตะจายโหมะเลย
ตั๋วรถไฟ ทัชเคนท์-บุคคารา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา