แต่ด้วยความเป็นคนขยัน Jenner และเพื่อน ๆ แพทย์ของเขาจึงจัดตั้งสมาคม Fleece Medical Society หรือ Gloucestershire Medical Society ขึ้น ซึ่งสมาชิกจะพบกันอาทิตย์ละครั้งที่โรงแรม Fleece Inn (ที่มาของชื่อสมาคม) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ หรือวิธีการรักษาโรคใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น และ Jenner ก็กลายมาเป็นคนท้องที่ที่มีชื่อเสียงและผู้คนต่างก็ไว้วางใจ
3
โรงแรม Fleece Inn ในปัจจุบัน สถานที่ที่เมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว Edward Jenner และเพื่อน ๆ แพทย์จะมาพบปะกันพูดคุยกันเรื่องในวงการแพทย์ (Source: Pinterest)
ในปี 1788 Jenner ได้รับเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกของ The Royal Society แต่ไม่ใช่จากรายงานด้านการแพทย์ แต่กลับเป็นเพราะรายงานด้านสัตววิทยาเกี่ยวกับนกกาเหว่า ซึ่งเขาใช้เวลาในการศึกษาและทดลองเป็นเวลายาวนาน
นกกาเหว่า (Cuckoo) เป็นนกที่ Jenner ทำการศึกษาจนกระทั่งรายงานของเขา ทำให้ Jenner ได้เข้าเป็นสมาชิกของ The Royal Society (Source: https://www.independent.co.uk)
นอกจากนี้โรคฝีดาษไม่เคยเลือกคนจนคนรวย เพราะมีบุคคลสำคัญหลายคนที่เป็นโรคนี้เช่น จักรพรรดิคังซีของจีน กษัตริย์ Louise ที่ 1 ของสเปน พระเจ้า Louise ที่ 15 ของฝรั่งเศส รวมไปถึงราชวงศ์มากมาย แม้กระทั่ง George Washington และ Joseph Stalin ก็เคยเป็นโรคฝีดาษเช่นกัน
หลังจากที่ James Phipps แสดงให้เห็นว่ามีภูมิคุ้มกันต่อโรคฝีดาษ Jenner จึงได้ทำการให้วัคซีนกับอาสาสมัครอีก 23 คน (Source: Wikipedia)
รายงานของ Jenner ได้รับการเสนอเข้าไปยังสมาคม Royal Society ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานในการศึกษาถึงความปลอดภัยในการใช้วัคซีน มีหลายคนที่ไม่เชื่อและค้านหัวชนฝา ถึงขั้นกล่าวหาว่า Jenner ต้องการที่จะสร้างเรื่องเพื่อให้เขามีชื่อเสียงเท่านั้น
ในปี 1802 Jenner ได้รับเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคม American Academy of Arts and Sciences ซึ่งเป็นเหมือนกับสมาคม Royal Soceity ของอังกฤษ และสมาคม Royal Swedish Academy of Sciences ในปี 1806
และอีกคนที่เราต้องไม่ลืมคือเจ้าวัวที่ให้เชื้อฝีดาษวัวตัวแรกกับ Jenner หรือ เจ้า Blossom นั่นเอง ในปัจจุบันเขาของ Blossom ถูกประดับไว้ที่บ้านของ Jenner ที่ถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนหนังของ Blossom ก็ถูกแขวนไว้ที่ห้องสมุดของโรงเรียน St George Medical School ในประเทศอังกฤษ