28 พ.ค. 2021 เวลา 12:15 • ประวัติศาสตร์
ที่มาของต้นลอเรลจากตำนานกรีก
เคยสงสัยหรือไม่ว่านักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลจากกีฬาโอลิมปิกสวมช่อใบไม้อะไรไว้บนศีรษะ หรือจักรพรรดิโรมันทำไมไม่สวมมงกุฎแต่กลับสวมช่อใบไม้อะไรสักอย่างแทน หรือแม้กระทั่งถ้าใครเคยเห็นภาพวาดของจักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสจะมีเวอร์ชั่นที่สวมมงกุฎทองคำที่ทำเหมือนช่อใบไม้บนศีรษะ และแม้กระทั่งรูปปั้นเทพเจ้ากรีกก็ยังสวมช่อใบไม้ไว้บนศีรษะ บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่านั่นคือช่อมะกอกที่หมายถึงสันติภาพ แต่จริง ๆ แล้วทั้งหมดนั้นคือช่อลอเรล และมีความเกี่ยวพันกับตำนานกรีก
5
🍃กำเนิดต้นลอเรล
จุดเริ่มต้นของต้นลอเรลในตำนานกรีกมาจากการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเทพเจ้าอะพอลโล (Apollo) กับอีรอส (Eros) หรือคิวปิด (Cupid) เมื่ออีรอสเทพเจ้าแห่งความรักถูกสุริยะเทพอะพอลโลดูถูกเรื่องทักษะการยิงธนูจึงโกรธมากจึงต้องการแก้แค้น อีรอสจึงยิงลูกศรทองคำแห่งกามตัณหาราคะใส่อะพอลโล จากนั้นเทพอีรอสก็ยิงลูกศรตะกั่วแห่งความรังเกียจเดียดฉันท์ใส่นางไม้ชื่อว่าดาฟเน่ (Daphne)
1
หลังโดนลูกศรสายตาเทพอะพอลโลเหลือบไปเห็นดาฟเน่เข้าจึงตกหลุมรักนางอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่ดาฟเน่ไม่มีวันรักเทพอะพอลโลกลับ เทพอะพอลโลผู้คลั่งรักไล่ติดตามดาฟเน่ไปเพื่อให้ได้นางมาเป็นของตน นางจึงวิ่งหนีจนกระทั่งไปถึงริมฝั่งแม่น้ำ อีกนิดเดียวดาฟเน่ก็จะถูกเทพอะพอลโลข่มขืน นางจึงอธิษฐานด้วยความสิ้นหวังต่อบิดาของนางคือเพนีอุส (Peneus) เทพแห่งแม่น้ำ
เมื่อได้ยินการร้องขอความช่วยเหลือจากดาฟเน่ เทพเพนีอุสจึงช่วยเหลือด้วยการเปลี่ยนร่างของนางให้เป็นต้นลอเรลจะได้ปลอดภัยจากเทพอะพอลโล ถึงจะถูกเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นต้นลอเรลแต่ฤทธิ์ของลูกศรที่โดนยิงเข้าก็ยังทำให้เทพอะพอลโลมีความรักเทิดทูนบูชาต่อต้นลอเรลเหนือต้นไม้อื่นใด เทพอะพอลโลให้คำมั่นสัญญากับดาฟเน่ว่าจะมอบความเป็นอมตะและเยาว์วัยตลอดกาลให้แก่นาง จึงทำให้ต้นลอเรลเขียวตลอดกาลเพื่อที่นางจะได้มีชีวิตอยู่โดยไม่มีวันตายตลอดไป ใบของต้นลอเรลจึงคงความเขียวไว้ได้ตลอดและไม่เคยกลายเป็นสีน้ำตาลหรือแก่จนร่วงหล่นลงจากต้น
1
เทพอะพอลโลได้นำกิ่งจากต้นลอเรลที่ดาฟเน่กลายร่างมาทำเป็นพวงวงกลมเพื่อสวมใส่บนศีรษะ เพื่อที่เขาจะได้อยู่ในอ้อมกอดของดาฟเน่ตลอดไปและเพื่อเป็นการระลึกถึงนางด้วย พวงกิ่งลอเรลจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเทพอะพอลโล และนักดนตรีและกวีที่เทพอะพอลโลอุปถัมภ์
อะพอลโลไล่ตามดาฟเน่ที่กลายร่างเป็นต้นลอเรล Photo: Theoi Project
🍃การบูชาเทพเจ้าอะพอลโล
ชาวกรีกทำการเซ่นสรวงบูชาเทพเจ้าอะพอลโลด้วยการจัดแข่งกีฬาที่เมืองเดลฟี ผู้ชนะแต่ละคนจะได้รับพวงช่อลอเรลเป็นรางวัล และกลายเป็นธรรมเนียมสืบต่อมาว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาของกรีกจะได้รับช่อลอเรลเมื่อได้รับชนะ
ชาวกรีกโบราณเรียกต้นลอเรลว่าดาฟเน่ตามตำนานที่เป็นต้นกำเนิดของมัน ตามความเชื่อของชาวกรีกต้นลอเรลกลายเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ นักกีฬาที่ชนะในการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกหรือวีรบุรุษมักจะสวมช่อลอเรล
เทพไนกีสวมช่อลอเรลให้แก่นักกีฬา Photo: Classical Wisdom
🍃สัญลักษณ์ของช่อลอเรล
ชาวโรมันรับเอาวัฒนธรรมกรีกมาใช้ต่อ และเมื่อชาวโรมันครอบครองทั่วยุโรปจึงส่งต่อวัฒนธรรมนี้ให้กับชาวตะวันตกสืบมา นอกจากเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะแล้ว ต้นลอเรลยังมีความหมายเกี่ยวข้องกับความเป็นอมตะ ความบริสุทธิ์ของพิธีกรรม ความเจริญรุ่งเรือง และสุขภาพ
ในยุคที่จักรวรรดิโรมันปกครองโดยจักรพรรดิ จะพบว่าจักรพรรดิโรมันไม่ได้สวมมงกุฎ แต่สวมช่อลอเรลซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายถึงชัยชนะและอำนาจ จักรพรรดิจูเลียส ซีซาร์ ก็สวมใส่ แต่ว่ากันว่าประโยชน์อีกทางหนึ่งที่เขาตั้งใจสวมช่อลอเรลคือเอาไว้ปิดหน้าผากที่เริ่มเถิกขึ้น
เมื่อตอนที่นโปเลียนนายพลผู้ยิ่งใหญ่สามารถรบชนะดินแดนต่าง ๆ ได้ในยุโรป เขาสถาปนาตัวเองเป็นองค์จักรพรรดิ ในพิธีเถลิงถวัลยราชสมบัตินโปเลียนก็สวมมงกุฎที่ทำเป็นรูปช่อลอเรล
คำเรียกต้นลอเรลในภาษาลาตินกลายเป็นรากศัพท์ของหลาย ๆ คำ เช่น baccalaureate ซึ่งภาษาอังกฤษรับมาใช้ต่อสำหรับเรียกผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือคำว่า laureate ในภาษาอังกฤษก็หมายถึงผู้ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ เช่น รางวัลโนเบลก็จะเรียกว่า Nobel laureate
ใบของต้นลอเรล Photo: Britannica

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา