30 พ.ค. 2021 เวลา 08:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Ghost Lab (2021) – คุณผี ผมขอวิธีเห็นคุณหน่อยสิ
การจะสร้างหนังให้เป็นที่กล่าวขวัญ มีไม่กี่รูปแบบ ทั้งการนำเหตุการณ์จริงมาดัดแปลงเป็นหนัง การสรรค์สร้างไอเดียที่เป็นออริจินัล หรือเป็นหนังที่พัฒนามาจากประเด็นที่ละเอียดอ่อนจนผู้คนต่างพูดถึง ก็ทำได้เช่นกัน ขณะที่หนังไทยในตลาดยังค่อย ๆ เติบโตด้วยแนวหนังโรแมนติค, ตลก, รัก และลูกทุ่ง การจะสร้างความแปลกใหม่ในวงการจึงมีไม่มากนัก ความท้าทายครั้งใหม่จึงเป็นหนังผีระทึกขวัญที่ขอท้าพิสูจน์ผีด้วยวิทยาศาสตร์ที่น่าจับตาอย่าง Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี
Ghost Lab พูดถึงเรื่องราวของสองนายแพทย์หนุ่ม หมอกล้า และ หมอวี ที่อยู่ดีไม่ว่าดีในค่ำคืนนึง พวกเขากลับพบเห็น “ผี” โดยบังเอิญพร้อมกัน ขณะตกอยู่ในภาวะตกตะลึง หมอกล้ากลับตื่นเต้นที่ได้เห็นวิญญาณอีกครั้งและเชื้อเชิญหมอวีให้มาร่วมการทดลองที่เขาวางแผนมานานหลายปี ซึ่งการทดลองวิจัยสุดท้าทายนี้คือการที่พวกเขาจะหาทางเรียกวิญญาณออกมาให้ผู้คนได้เห็นให้จงได้
ตัวหนังใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเดินเข้าเรื่อง โดยหนังแบ่งเป็นองค์ค่อนข้างชัดเจน ด้วยการให้องค์แรกคือการเริ่มต้นการทดลองศึกษาวิญญาณรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงปัจจัยในการเห็นวิญญาณ ซึ่งในช่วงนี้ก็เป็นการผสมผสานเหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเรื่องเหนือธรรมชาติได้น่าสนุก ก่อนที่ช่วงกลางเรื่อง หนังจะเริ่มขับเน้นให้ไปสู่จุดที่หนังบีบบังคับให้ตัวละครทั้งสองต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างและพาหนังไปสู่ทางที่ระทึกขวัญและชวนพรั่นพรึงในองค์สองและสาม
ส่วนที่ชื่นชอบมาก คือ การดีไซน์จุดขายของหนังให้ออกมาน่าสนใจ นั้นคือเรื่องราวเหนือธรรมชาติและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ของการปรากฎตัวของวิญญาณ ซึ่งตัวหนังก็เล่าและดำเนินเนื้อเรื่องในช่วงองค์แรกได้อย่างดี ทั้งการออกแบบการเล่าเรื่องราวที่ไม่อิงตามธรรมเนียมภาพยนตร์ สอดแทรกทั้งเทคนิค found-footage ก็พลอย “ฉีกกฎ” การเล่าจนรู้สึกแปลกใหม่ แถมด้วยการแสดงของ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ในบทหมอแพทย์ขรึมสุดเนิร์ด ก็มีช่วงเวลาให้ปล่อยพลังจนน่าขนลุก
แต่กระนั้นเอง หนังมีจุดด้อยในแง่ของแรงจูงใจตัวละครที่อ่อนมาก ซึ่งมันทำให้เราไม่อาจเชื่อในการกระทำ “นั้น” ในช่วงองค์สอง ทำให้หนังเสียศักยภาพและพลังที่แสนทะเยอทะยานพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้น พอหนังตัดสินใจเดินทางนี้ในองค์สาม แรงจูงใจของตัวละครก็ขัดแย้งกันเองจนพาลเสียอารมณ์ อีกทั้งในบางช่วงบางตอน การกระทำของตัวละครก็ดูไร้เหตุผลทางตรรกะมาก ๆ แถมยังบังคับท่าจบเป็นนิทานสอนใจที่ชวนส่ายหน้าและไม่สอดรับกับเรื่องราวอีก แถมยังมีฉากขาย jump-scare ที่เรื่อยเปื่อย
ความทะเยอทะยานของ Ghost Lab ไม่ใช่เพียงแค่การจับประเด็นในสิ่งที่ “จับต้องไม่ได้” อย่างวิญญาณเพียงเท่านั้น แต่มันเป็นการพูดถึงสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง การที่หมอกล้าดีใจจนเหนือเต้นที่เห็นวิญญาณจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ ดั่ง mad scientist ที่ยอมอุทิศทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองได้บรรลุจุดประสงค์ด้วยการทดลองเพื่อทำให้ตนเองและคนอื่น ๆ ได้เห็นวิญญาณ หากแต่มันยังเป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้ ผลที่เกิดในเรื่องจึงไม่ได้เป็นอะไรนอกเหนือจากเป็นความบันเทิงที่พวกเราคาดหวัง (และส่วนตัวค่อนข้างสูง)
อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานของหนังที่ตั้งตนไว้กลับไม่กล้าหาญพอที่จะพาตัวหนังยกระดับให้ไปไกลกว่าความเป็นจริง แถมมันยังหักล้างกันเองในหลาย ๆ ส่วน ทั้งการตัดสินใจนั้นในช่วงองค์สองและฉากไคลแมกซ์ที่ชวนกลั้นขำในองค์สาม สืบเนื่องจากการที่ตัวละครเหล่านั้นไม่มีแรงจูงใจที่ดีพอจะสนับสนุนในการกระทำเหล่านั้นเลย น่าเสียดาย หากตัวหนังมีความกล้ามากพอที่จะ “ฉีกกรอบ” สร้างโลกที่มีปัจจัยการเห็นวิญญาณเองไปเลยยังดีซะกว่า อาจจะหลุดโลก แต่มันก็ไม่น่าหักหลังกันเองแบบบทสรุปขององค์สามที่น่าขัน นั่นทำให้ตัวหนังที่ขึ้นต้นมาอย่างหนังวิญญาณสากล กลับลงเอยเป็นเพียงแค่หนังผีไทยธรรมดา
สรุปแล้ว Ghost Lab คือความทะเยอทะยานของหนังผีไทยที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ แม้ตัวหนังจะมาพร้อมพล็อตที่น่าสนใจและเล่าเรื่องได้อย่างน่าดึงดูดในองค์แรก และการแสดงสุดสะพรึงของต่อ ธนภพ แต่หนังกลับตัดสินใจไปเดินในทางที่แทบจะทิ้งสิ่งที่ปูมาเสียหมด ทั้งทิ้งแรงจูงใจตัวละครจนเราไม่เชื่อในการกระทำที่แสนตะลึงนั้น แถมยังกลายร่างเป็นคำเทศนาสอนใจไปเสียอีก
2.5 / 5
Ghost Lab (2021)
Directed by Paween Purijitpanya
Written by Vasudhorn Piyaromna, Paween Purijitpanya & Tossaphon Riantong

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา