11 มิ.ย. 2021 เวลา 13:00 • บันเทิง

เรื่องเล่าที่ 16 : ตีหนึ่งสี่สิบห้านาที

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รุ่นน้องเล่าให้ฟัง ชื่อเเจ็ค
เเจ็คได้ย้ายมาเรียนต่อในกรุงเทพ เเละได้เช่าคอนโดอยู่เเถวลาดพร้าว คอนโดนี้มีทั้งหมด 12 ชั้น เเจ็คอยู่ชั้นที่ 11 ซึ่งห้องที่เเจ็คเช่าอยู่นั้น เจ้าของได้มาซื้อไว้เเละปล่อยให้เช่าต่อ ห้องจะเป็นเเค่ห้องโล่ง ๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ เเจ็คเลยเอาฟูกมาปูไว้สำหรับนอน เเละขนข้าวของเครื่องใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาไว้ในห้อง
คืนเเรก อาจเป็นเพราะว่าเเปลกที่ เลยทำให้เเจ็คนอนไม่ค่อยหลับ เเละด้วยความที่ทุกอย่างเงียบสนิทนั้น เเจ็คที่กำลังข่มตานอนก็ได้ยินเสียงลิฟท์ดัง ‘ติ๊ง’ มาไกล ๆ ตามด้วยเสียงรองเท้ายางที่ถูกับพื้นดัง ‘เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด’ เเละเสียง ‘เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง’ ผ่านหน้าห้องไป เเจ็คลองหยิบมือถือเพื่อดูนาฬิกา ก็เห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนสี่สิบห้านาที ซึ่งมันก็ดึกมากเเล้ว เลยพยายามข่มตานอนจนเคลิ้มหลับไป
คืนที่ 2 เเจ็คก็นอนไม่หลับอีก พลิกตัวไปมาอยู่นาน เเล้วสักพักก็ได้ยินเสียงลิฟท์ดัง ‘ติ๊ง’ ตามด้วยเสียงเดินดัง ‘เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด’ พร้อมกับเสียง ‘เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง’ เหมือนคืนเมื่อวาน เสียงมันเหมือนเหล็กกระทบกัน เเล้วเเจ็คก็หยิบมือถือมาดู ก็เห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนสี่สิบห้านาที
คืนที่ 3 เเจ็คก็ยังคงนอนไม่หลับอีกตามเคย เลยลุกขึ้นมานั่งเขียนงานเพื่อให้ง่วง เเจ็คเปิดประตูหน้าห้องทิ้งไว้เพื่อให้มีลมโกรกเย็น ๆ เเละในระหว่างที่เเจ็คกำลังนั่งเขียนงานอยู่ก็ได้ยินเสียง ‘ติ๊ง’ ตามด้วยเสียง ‘เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด’ พร้อมกับเสียง ‘เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง’ อีกเหมือนเดิม
เสียงมันดังมาจากหน้าลิฟท์จนถึงหน้าห้อง เเจ็คก็หันไปมอง เห็นเป็นน้องคนนึง ตัวเล็ก ๆ ผิวขาว ผมยาว ใส่ชุดนักศึกษา หน้าตาน่ารักมาก สะพายกระเป๋าข้าง มีลูกกระพรวนติดอยู่ที่กระเป๋า เเจ็ครู้สึกชอบน้องคนนั้นขึ้นมาตั้งเเต่ครั้งเเรกที่เห็น เเละคิดว่าน้องเค้าคงจะไปทำงานหรืออะไรสักอย่างถึงได้กลับมาเวลาเดิมทุกวัน
พอมาคืนที่ 4 เเจ็คก็เปิดประตูห้องไว้เหมือนเดิม พอถึงเวลาก็จะได้ยินเสียงน้องเค้าเดินมาจากลิฟท์ เเจ็คเเกล้งทำเป็นหยิบไม้กวาดมากวาดเเถว ๆ หน้าประตูห้อง พอน้องเค้าเดินผ่านมาถึง เเจ็คก็พูดขึ้นว่า “กลับดึกจังเลยนะครับ” น้องเค้าก็ส่งยิ้มหวานให้ เเจ็คที่เห็นเเบบนั้นก็รู้สึกดีใจที่น้องเค้าไม่ได้ทำท่าทีรังเกียจ เเถมยังยิ้มให้อีกด้วย
คืนที่ 5 เเจ็คก็ทำเเบบเดิม ไปยืนรอส่งยิ้มให้ที่หน้าห้อง จนเริ่มอยากรู้ว่าน้องเค้าอยู่ห้องไหน
เเล้วก็มาถึงคืนที่ 6 เเจ็คก็ไปยืนรอส่งยิ้มให้เหมือนเดิม พอน้องเค้าเดินผ่านหน้าห้องไป เเจ็คก็เเอบชะโงกหน้ามองตามหลัง เห็นน้องยืนอยู่ตรงสุดโถงทางเดินหน้าห้องเเล้วหันกลับมามอง พร้อมส่งยิ้มหวานให้ เเล้วก็พยักหน้า เเจ็คที่ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรเลยเอานิ้วชี้หน้าตัวเองเป็นเชิงว่าเรียกเหรอ น้องเค้าก็พยักหน้าตอบเเล้วกวักมือเรียก ทำให้เเจ็ครู้สึกหัวใจพองโต มีสาวน่ารักที่เเอบชอบกวักมือเรียก เเจ็คไม่รอช้า รีบเดินไปหาน้องเค้าทันที ไม่สนเเม้เเต่จะใส่รองเท้า
พอใกล้จะถึงตัวน้องเค้าประมาณ 2 ช่วงเเขน อยู่ดี ๆ น้องเค้าก็หันหลังให้เเจ็ค เลื่อนหน้าต่างที่อยู่ตรงกำเเพงสุดท้ายเเล้วเดินขึ้นไป จากนั้นก็กระโจนพรวดลงไปข้างล่างทันที เเจ็คที่เห็นเเบบนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความตกใจ รีบวิ่งตามไปดู ในหัวก็นึกถึงภาพร่างของน้องเค้าต้องตกลงไปกองอยู่ที่พื้นข้างล่างเเน่ ๆ
เเต่พอเเจ็คชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างกลับไม่เห็นร่างของน้องเค้าเลย เห็นเเค่ลานจอดรถธรรมดา เเจ็คพยายามหาจนทั่วบริเวณ เพราะคิดว่าร่างน้องเค้าอาจจะไปติดอยู่ตรงไหนสักที่ เเต่พอลองหาจนทั่วเเล้วไม่มี เเจ็คก็ค่อย ๆ เดินถอยหลัง เริ่มสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดในใจว่าสิ่งที่เห็นเมื่อกี้มันคืออะไรกันเเน่ เเจ็คกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับห้อง ปิดประตูเเล้วนั่งขดตัวอยู่บนเตียง ถามตัวเองว่าเจออะไรกันเเน่ เเล้วคืนนั้น เเจ็คก็ได้เเต่นั่งขดตัวกัดเล็บตัวเองทั้งคืนเพราะความกลัว
เช้าวันต่อมา พอเเจ็คไปถึงมหาลัยก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง มีทั้งคนที่เชื่อเเล้วก็ไม่เชื่อ เเจ็คบอกเพื่อนว่าอยู่ไม่ได้ กลัวมาก จะขอไปนอนกับเพื่อนที่ห้องด้วย เเต่ก็ไปอยู่ห้องเพื่อนได้เเค่ 2-3 วัน ก็ต้องกลับมานอนที่ห้องตัวเองเหมือนเดิม เนื่องจากห้องของเพื่อนค่อนข้างเเคบเเละอยู่กันหลายคน เลยทำให้เกิดความเเออัดไม่สะดวกต่าง ๆ เพื่อนก็เลยบอกว่า “เอางี้เเจ็ค กู 2 คนจะไปนอนห้องด้วย ไปดูเลยว่ามันเป็นยังไง อย่างน้อยอยู่กัน 3 คนคงไม่เป็นไร” เเจ็คก็ตกลง
จนเวลาเที่ยงคืนสี่สิบห้า ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเสียงลิฟท์ ไม่มีเสียงคนเดิน ไม่มีเสียงอะไรทั้งนั้น เพื่อนเลยบอกว่า “โอเค นี่เเค่คืนเเรก อาจจะยังไม่มีอะไร คืนที่ 2 อาจจะมี” เเต่เมื่อถึงคืนที่ 2 ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก คืนที่ 3 ก็เหมือนกัน เพื่อนเลยฟันธงว่า “เเจ็ค มันไม่มีอะไรเเล้วล่ะ เจออะไรไม่รู้ เเต่มันไม่มีเเล้ว” เเจ็คยังไม่รู้สึกคลายความกังวล เเต่ในเมื่อเพื่อนจะกลับก็ไม่ได้ห้ามเเต่อย่างใด คิดว่าคงต้องลองวัดดวงดูเอง
คืนต่อมา เเจ็คก็ยังคงนอนไม่หลับอีกเหมือนเดิม บรรยากาศก็ต่างกับตอนที่มีเพื่อนมานอนด้วยเเบบคนละเรื่องอีกด้วย รู้สึกใจหวิว ๆ เเละในความเงียบนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงลิฟท์ดัง ‘ติ๊ง’ มาไกล ๆ เเจ็คหูผึ่งทันที คิดปลอบใจตัวเองว่าคงจะเป็นผู้อาศัยคนอื่นที่พักอยู่ชั้นนี้
สักพักก็มีเสียงดัง ‘เอี๊ยด..เอี๊ยด..เอี๊ยด’ ผสมกับเสียง ‘เกร๊ง..เกร๊ง..เกร๊ง’ เเจ็คถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของเเจ็ค ภายในห้องนั้นปิดไฟมืด เเต่โถงทางเดินข้างนอกมีไฟสว่าง เเจ็คมองลงไปที่ช่องเล็ก ๆ ใต้ประตู ปรากฏว่าเห็นเป็นขาคน 2 ข้าง ยืนอยู่หน้าห้อง โดยหันหน้าเข้าประตู
เเจ็คใจหายวาบ ความกลัวเริ่มปะทุในใจขึ้นเรื่อย ๆ จนเหงื่อผุดขึ้นทั้งตัว รีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัวเเล้วนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่บนเตียง ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้รีบ ๆ เดินผ่านหน้าห้องไปสักที เเต่สิ่งที่ได้รับจากการขอภาวนาคือเสียงลูกบิดประตูห้องดัง ‘เเกร่ก ๆ..เเกร่ก ๆ’ เหมือนมีคนพยายามจะเปิดประตูเข้ามา ทำให้เเจ็คกลัวจนจับใจ เเจ็คเอาเเต่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
สักพักพอเห็นว่าเสียงมันเงียบลงเเล้วก็ค่อย ๆ ดึงผ้าห่มออกดู เเล้วสิ่งที่เเจ็คเห็นก็ทำให้ผวาจนหยุดหายใจไปชั่วขณะ เท้าคู่นั้นยังคงยืนอยู่หลังประตูเหมือนเดิม เเต่ที่เพิ่มมาคือมีหน้าคนที่ค่อย ๆ เเนบลงที่ช่องใต้ประตูจนเห็นลูกตาสีขาว ๆ ข้างนึง ซึ่งตามหลักสรีระเเล้ว เป็นไปไม่ได้เวลาที่ยืนหันหน้าเข้าหาประตูเเล้วจะสามารถเอาหน้าเเนบลงที่ช่องใต้ประตูได้
เเจ็คจ้องมองสิ่งที่ยืนอยู่อีกด้านของประตูด้วยความสยดสยอง หน้าที่เเนบลงมาใต้ประตูกลอกลูกตาไปมาเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่างภายในห้อง สักพักก็ค่อย ๆ ดึงหัวกลับขึ้นไป เเล็วก็เดินผ่านหน้าห้องไปอย่างช้า ๆ เเจ็คยังคงมองตาค้างอยู่ที่ช่องใต้ประตูเหมือนคนที่สติหลุดออกจากร่างไปเเล้ว
ตอนเช้า เเจ็คได้รีบโทรหาเจ้าของห้องเเล้วขอย้ายออกทันที เเละได้ขอเงินมัดจำคืนครึ่งนึงด้วย เจ้าของห้องก็ได้ถามถึงเหตุผล เเจ็คเลยเล่าเรื่องที่เจอมาให้เจ้าของห้องฟัง พอเจ้าของห้องได้ฟังก็พูดออกมาว่า “นี่ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย” เเจ็คเลยถามต่อทันทีว่าหมายความว่ายังไง
เเล้วก็ได้ความมาว่า เมื่อประมาณ 2 ปี ก่อนที่เจ้าของห้องจะมาอยู่ที่นี่ มีนักศึกษาชายหญิงคู่นึงเช่าอยู่ที่ชั้น 11 เเล้วเกิดมีปากเสียงกัน จนฝ่ายชายไล่ฝ่ายหญิงออกนอกห้องเเล้วล็อคประตูห้อง ทิ้งให้ฝ่ายหญิงอยู่นอกห้องคนเดียว ทำให้เกิดความน้อยใจ เลยกระโดดตึกตายที่หน้าต่างสุดทางเดิน
หลังจากนั้น คนที่อยู่ชั้น 11 ก็มักจะได้ยินเสียงผู้หญิงเดินร้องไห้อยู่ที่หน้าโถงทางเดินในเวลาเที่ยงคืนสี่สิบเอ็ดนาทีทุกคืน สุดท้ายก็ย้ายออกกันทั้งชั้น เจ้าของคอนโดเลยนิมนต์พระมาทำพิธี หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงของน้องผู้หญิงคนนั้นอีก จนเเจ็คได้มาเจอเข้ากับตัว อาจจะเป็นเพราะดวงสมพงศ์กัน เเละนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา