Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดูก่อนนอน
•
ติดตาม
1 มิ.ย. 2021 เวลา 10:13 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ขวัญผวา ตอน คุยกับผี
ผมตาบอดตั้งแต่เกิด เราอาศัยอยู่ในบ้านไร่ชั้นเดียวนั่นคือสิ่งที่พ่อบอกผม ผมมีสติสัมปชัญญะดี ผมรู้ว่าห้องนอนของผมอยู่ที่ไหน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น และห้องครัวอยู่ที่ไหน ผนังแต่ละห้องมีพื้นผิวเป็นที่แตกต่างกัน ผมไม่รู้ว่าทำไปโดยตั้งใจหรือว่าผมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่คนอื่นไม่เคยสังเกตเห็น
ผมแทบไม่เคยหกล้มเลย ถ้าพ่อหรือแขกคนใดคนนึงไม่เอาของไปอย่างไว้ในที่ที่มันไม่ควรมีอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแขกมากว่าที่ทำแบบนั้น และมันมักจะทำให้พ่อโมโห
พวกเขามาเยี่ยมไม่บ่อยนัก มาหาสักพักพวกเขาก็ไป พ่อบอกว่าผมไม่ควรพูดคุยกับพวกเขา เพราะมันทำให้พ่อรู้สึกไม่สบายใจ เขากังวลว่าด้วยหูกับประสาทสัมผัสของผมจะทำให้สัมผัสเจอกับสิ่งที่ไม่ควรเจอ
เอลลี่เป็นคนแรกที่ผมรู้ว่าเธออยู่ในบ้านหลังนี้ เธอที่อ่อนโยน เธอถามชื่อผม และถามผมว่าทำไมหน้าผมถึงดูเละๆ เธออยู่ในห้องนั่งเล่น ผมได้ยินเสียงที่เธอนั่ง ผมรับรู้มันจากลมหายใจของเธอ เสียงหายใจที่รุนแรงราวกับว่าคัดจมูกอยู่ เมื่อตอนพ่อเป็นหวัดเขามักจะหายใจแบบเดียวกับเอลลี่
เมื่อมีคนพูดถึงใบหน้าของผม ผมก็มักจะสัมผัสมัน พยายามหาคำตอบว่าทำไมพวกเขาถึงถามแบบนั้น เมื่อผมถามว่าผมขอสัมผัสพวกเขาได้ไหม พวกเขาก็มักนิ่งไม่พูดอะไรต่อ ผมเดาว่าคนที่มีดวงตาและมองเห็นสิ่งต่างๆได้ คงจะไม่มีใครเคยขออะไรแบบผมหรอก พวกเขาจะขอไปทำไมล่ะ?
เมื่อผมถามเอลลี่ว่าขอจับของหน้าเธอได้ไหม เธอตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจเต็มใจเท่าไหร่ แต่สักพักพ่อเข้ามาในห้องและถามผมว่าผมกำลังคุยกับใคร ผมบอกเขาว่า "ไม่มีอะไรครับ" เขามักจะลงโทษผมเสมอเมื่อผมพูดถึงพวกเขา ผมคิดว่ามันทำให้เขากลัว เขาจะจับแขนของผมและลากผมไปรอบๆ ผมถูกทำสับสน เมื่อเขาปล่อยผม ผมจะกวาดมือไปรอบๆ สัมผัสกับสิ่งของหรือผนังห้องเพื่อให้รับรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน ส่วนใหญ่พ่อจะลากผมมาที่ห้องนอนของผม บางครั้งเขาก็จะทิ้งผมไว้ข้างนอกบ้าน ที่ผมไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน นั่นเป็นสิ่งที่แย่มาก ผมหลงทางและหวาดกลัว เขาบอกผมเกี่ยวกับถนนแถวหน้าบ้าน และอธิบายว่าเสียงที่ผมได้ยินคือเสียงรถยนต์ รถยนต์พวกนั้นสามารถฆ่าผมได้เลยถ้าผมไปขวางมัน เสียง เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ผมรับรู้สภาพแวดล้อมของผม ผมรอจนได้ยินเสียงหนึ่งจึงรู้ว่าจะวิ่งกลับไปบ้านทางไหน
ผมได้ยินเสียงเอลลี่ในเย็นวันนั้น เธอกระซิบบอกผมว่าเธอกลัว ผมกระซิบกลับ แต่เธอคงไม่ได้ยิน
ผมถามพ่อเกี่ยวกับเอลลี่ พ่อไม่อยากพูดเรื่องนี้ ผมถามเขาว่าทำไม เขาไม่ตอบ เมื่อผมบอกพ่อว่าเธอถามเรื่องใบหน้าของผม พ่อถามผมว่าผมตอบไปเธอไปว่ายังไง ผมบอกพ่อว่าผมอยากจับใบหน้าเธอ เขาหัวเราะ แต่ผมรู้ว่าพ่อไม่มีความสุข ผมรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง เมื่อคุณหัวเราะขณะความสุข ปากของคุณจะอ้ากว้าง เสียงที่หัวเราะจะออกมาอีกแบบ เมื่อคุณแสร้งหัวเราะ ปากจะเกือบปิดสนิท สำหรับผม ความแตกต่างนั้นชัดเจนมาก
พ่อไม่ได้พูดอะไรต่อ
จนกระทั่งผมอายุมากขึ้น
เขาบอกว่าเราอาศัยอยู่ในสถานที่พิเศษที่เชื่อมต่อกับ "โลกอื่น" ที่บางครั้งคนตายก็ยังไม่ไปไหน คนที่ตายด้วยความเจ็บปวดมักต้องการสื่อสารกับคนเป็น พ่ออธิบายว่าเพราะผมมองไม่เห็น ผมจึงมีสัมผัสที่รับรู้ถึงคนตายเหล่านั้นได้ พวกเขารู้ว่าผมรับรู้ตัวตนของพวกเขาได้ ในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้ พ่อบอกให้ผมเลิกสนใจคนเหล่านั้น ไม่อย่างงั้นพวกคนตายจะไม่ไปไหนและอยู่กับผมตลอดไป คนตายทั้งหมดต้องการมีชีวิตอีกครั้ง พ่อบอกกับผมแบบนั้น มันอันตรายและพวกเขาจะหลอกล่อผม พ่อบอกว่า พ่อรู้วิธีจัดการกับพวกเขา แต่พ่อช่วยผมไม่ได้ถ้าพวกเขาผูกพันกับผมอยู่
อเล็กซ์ปรากฏตัวในไม่กี่ปีต่อมา เธอบอกผมว่าเธอหลงทางและไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ผมบอกเธอว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับเธอ ถึงกระนั้นเธอก็ยังขอความช่วยเหลือไม่หยุด ผมเงียบ โดยรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมพูดอะไรออกไป “ลูกได้พูดกับพวกเขาหรือเปล่า?” พ่อถาม ผมบอกพ่อว่าไม่ ผมอยากจะช่วยเธอนะ ผมรู้ว่าการหลงทางเป็นอย่างไร และผมรู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน
อเล็กซ์ไม่ได้พูดอะไรกับผมเลยต่อจากนั้น ผมไม่สนใจเธอและเธอก็ไม่สนใจผมเช่นกัน พ่อช่วยผมไว้ ผมรู้สึกขอบคุณ
หลังจากเรื่องของอเล็กซ์ ผมรู้แล้วว่าผมต้องทำตัวยังไงกับพวกคนตาย พอผมไม่สนใจพวกเขา วิญญาณพวกนั้นก็หยุดรบกวนผมเป็นเวลานานมาก จนกระทั่งซาราห์ปรากฏตัว
ซาร่าห์ไม่เคยให้ผมได้เงียบเลย ผมอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นและดูทีวีอยู่ “ช่วยด้วย” เธอบอก “ฉันต้องหาทางออกไปจากที่นี่” ผมนิ่งเงียบ “ คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ?” เธอถามอย่างแปลกใจ
“ผมถูกสั่งห้ามไม่ให้คุยกับคุณ” ผมบอกเธอ
“ได้โปรด” เธอขอร้อง “ ฉันกลัว ฉันหลงทาง ฉันอยากเจอพ่อของฉัน” ผมจับเก้าอี้แน่นและบอกเธอว่าผมไม่ได้รับอนุญาต
“เขาตายแล้ว” เธอบอก ผมไม่ตอบ “พ่อของคุณตายแล้ว” เธอพูดอีกครั้ง
ผมไม่ตกหลุมพลางนั่นหรอก ผมได้ยินเสียงกระแทกจากรอบๆ ห้อง ขณะที่สิ่งของต่างๆ เริ่มบิน และชั้นวางก็เริ่มสั่น "หยุดนะ!" ผมตะโกน และทุกอย่างก็หยุดลง
“ ได้โปรดช่วยฉันออกไปที” เธอขอร้องต่อ
ผมจะไม่คุยกับเธอเด็ดขาด แต่ผมทำสิ่งที่ผมคิดว่าจะช่วยเธอได้ ผมปลดล็อคประตูหน้าโดยหวังว่าเธอจะวิ่งออกไป แล้วผมก็ไม่ได้ยินเสียงของเธออีกต่อไป ผมล็อคประตูและนั่งลง ผมฟังอย่างตั้งใจว่าเธอยังอยู่รึเปล่า แต่มันเงียบมาก เธอคงจะไปแล้วจริงๆ
ผมเกลียดเวลาที่หัวใจเต้นแรง ผมเริ่มตระหนักถึงความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในอกของผม ราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออก
“ลูกพ่อ” พ่อพูดออกมา มันทำให้ผมตกใจ “ช่วยพ่อหน่อย พ่อคิดว่าพ่อกำลังจะตาย”
ผมทำในสิ่งที่พ่อเคยบอกผม ผมเงียบไม่ตอบอะไร พ่อเคยบอกว่าถ้าเขาตายเขาจะไม่ทิ้งผมไปไหน แต่ผมยอมให้พ่อตายไม่ได้ ผมออกไปหน้าบ้านและตะโกนขอความช่วยเหลือ ผมตะโกนจนเสียงแหบ ผมได้ยินเสียงรถวิ่งไปบนถนนหน้าบ้าน
ผมตะโกนต่อไป จนในที่สุดก็มีคนตอบกลับมา มันเป็นเสียงของผู้หญิง
“เกิดอะไรขึ้น?” เธอถามผม ผมบอกพวกเขาว่า พ่อของผมกำลังจะตาย พวกเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของผม ผมขอร้องให้พวกเขาช่วยผมและพวกเขาสัญญาว่าจะช่วย
ผมรู้สึกโล่งใจ ผมนั่งลงบนพื้นหญ้าหน้าบ้านและรอ ต่อมา ผู้หญิงคนนั้นกลับมาหาผมและถามว่าผมว่า เธอขอจับมือผมได้ไหม “ฉันเสียใจด้วย” เธอบอกผม ผมได้ยินเสียงไซเรนและเสียงคนวิ่งมาทางผม ผมถามว่าเป็นอะไรไป ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะอยู่ตรงนี้กับคุณ”
มีเสียงชายคนนึงดังขึ้น “ผมเป็นหมอ” เขาพูดต่อ “เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของคุณ?” ผมบอกเขาว่า “ผมสบายดี ไม่เป็นอะไร” เขาถามว่าผมว่า “ไม่เป็นอะไรแน่นะ” ผมบอกเขาว่า “ใช่ผมไม่เป็นอะไร” เขาถามผมว่า “ผมขอจับหน้าคุณได้ไหม?” ผมตอบตกลง ในใจคิดว่า ทำไมทุกคนต้องถามเกี่ยวกับใบหน้าของผมด้วย มันมีอะไรที่แตกต่างจากของพวกเขาอย่างงั้นหรอ?
สักพักนึง ผมรู้สึกได้ถึงแรงกดที่หน้าผากของผม และลมเย็นๆก็ปะทะเข้าที่หน้าของผม มีเสียงนึงที่ฟังดูเหมือนเขาแกะส้มอยู่ ผมนึกภาพนั้นอยู่ในหัวและกังวลว่าเขาจะกำลังแกะหนังหน้าผมออก ผมตะโกนถามว่าเขากำลังทำอะไร เขาบอกผมว่า“ไม่ต้องห่วงทุกอย่างจะโอเค” ผู้หญิงคนนั้นจับมือผมแน่น บอกให้ผมแข็งใจไว้
ผมไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกับผม ผมรู้สึกเจ็บแน่นบีเวณหัวและใบหน้า ความรู้สึกเหมือนตอนที่คุณถูกทุบหน้าแข้งแรง ๆ ตามด้วยสิ่งที่ฉันเข้าใจว่ามันคือ "แสงสว่าง" แต่มันเจ็บมากจนผมเริ่มร้องไห้ออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับตาของคุณ?” หมอถาม ผมบอกว่าผมตาบอด เขาขอให้ตรวจดู ความเจ็บปวดกลับมาตอนที่เขาตรวจสอบ
“คุณรู้จักเขาเหรอ?” ชายคนนั้นถามผู้หญิงที่ช่วยผม เธอตอบเขาไปว่า “ฉันเห็นเขาตะโกนขอความช่วยเหลือ ฉันเลยมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราไม่เคยเจอกันมาก่อนค่ะ”
“คุณได้รับบาดเจ็บที่ตานานแค่ไหนแล้ว?” เขาถามผม ผมบอกเขาว่าผมตาบอดตั้งแต่เกิด เขาถามผมว่า ผมเห็นนิ้วของเขาไหม ผมบอกเขาว่าไม่ เขาถามผมอีกว่า “คุณช่วยลืมตาหน่อยได้ไหม” ผมไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เขาถามผมด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง แต่ผมไม่ตอบ ผมไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไรจริงๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็สัมผัสได้ถึงนิ้วของเขาบนใบหน้าของผม มันเป็นนิ้วที่ถูกครอบด้วยถุงมือยาง แล้วทันใดนั้น แสงสว่างวาบ ก็กลับมาอีกครั้ง ผมร้องลั่น
หมอบอกให้ผมใจเย็นๆ ผู้หญิงคนนั้นบีบมือผมแน่นอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายมันยังไง มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับผม มันแสบมาก มันไม่ใช่แค่แสงสว่าง ผมเริ่มเห็นบางอย่างที่พร่ามัว แต่ผมก็ยังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ค่อยหายใจ โอเคไหม?” หมอบอก "ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ครั้งสุดท้ายที่คุณมองเห็นคือเมื่อไหร่?” เมื่อใจผมเริ่มสงบลงและหายใจช้าลง ผมก็ฟุ้งซ่านกับสิ่งที่กำลังประสบอยู่ ความรู้สึกมันท่วมท้น ผมร้องไห้ "มันนานแค่ไหนแล้ว?" เขาถามอีกครั้ง
“ผมไม่เคยเห็นอะไรมาก่อนเลย” ผมบอกเขา
ผมได้รับคำสั่งใส่ที่ปิดตาไว้เกือบตลอดทั้งวัน โดยถอดมันได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น เพื่อให้ดวงตาของผมมีเวลาในการปรับสภาพ ในขณะเดียวกันผมก็อยู่ในความดูแลของป้าและลุง พวกเขาตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ผมไม่เคยได้เรียนหนังสือเลย
ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นกับผม หมอบอกว่า ผมไม่อาจจะมีสายตาที่ปกติเหมือนกับคนทั่วไปได้ แต่สำหรับผมแล้วแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว มันดีเกินพอแล้วในความคิดของผม ผมเริ่มฝึกอ่านและเขียน มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะทำได้
ผมถามป้าของผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของผม ป้าบอกว่าเขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย ผมถามป้าว่พ่อเป็นคนแบบไหน ป้าบอกว่าเขาเป็นพี่ชายของป้าและป้าจะรักเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ลุงของผมไม่อยากให้พูดถึงพ่อ
โลกของผมเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อผมเริ่มมองเห็น ช่วงนี้ผมใช้คอมพิวเตอร์บ่อยมากๆ และสนุกกับอินเทอร์เน็ตจริงๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งนี้มีอยู่จริง หลังจากที่โดดเดี่ยวมานาน ผมสามารถพูดคุยกับใครก็ได้ที่ผมต้องการ แม้ว่าผมจะต้องระวังเรื่องนั้นด้วยก็ตาม ท้ายที่สุด ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ผมด้วยอยู่ยังมีชีวิตอยู่? ไม่มีใครตระหนักเรื่องนั้นเลยนอกจากพ่อของผม
วันนี้ผมอยู่กับแชทที่เกี่ยวกับโลกของวิญญาณ ผมมีความสุขมากที่ได้พบคนที่มีความเชื่อในเรื่องนี้เหมือนกับผม และมีคนสงสัยเกี่ยวกับชื่อผู้ใช้ของผม และเขาได้ส่งลิงก์เกี่ยวกับเว็บไซต์อาชญากรรมมาให้ผม บทความนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อของผม และในนั้นก็พูดถึงผมด้วย พวกเขาถามผมว่าผมเป็นใคร และถ้าผมเป็นคนๆเดียวกับในตามบทความ แม่ของผมหายตัวไปไม่นานหลังจากที่ผมเกิด มันบอกว่าดวงตาขอผมถูกเย็บปิดไว้ไม่ให้มองเห็น บทความบอกอีกว่าพ่อของผมอยากได้ลูกสาวมาโดยตลอด
มีการพบศพสิบสี่ศพในห้องใต้ดิน พวกเขาบอกว่ามีคนนึงหนีรอดออกมาได้ เธอคือเด็กผู้หญิงที่ชื่อซาร่าห์ แฟรงค์ เธอเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ พวกเขาพบรถของพ่อจอดอยู่บริเวณหลังบ้าน พวกเขาคิดว่าพ่ออุ้มเหยื่อของเขาลงไปในห้องใต้ดินผ่านทางหลังบ้าน ซาราห์หนีไปได้หลังจากที่เธอตกลงที่จะเป็นลูกสาวของเขา หลังจากที่ซาราห์ถูกทรมานอย่างต่อเนื่องสี่วัน เธอแทงพ่อของผมด้วยมีดที่เอาไว้ทาขนมปังปิ้ง
ผมไม่อยากเชื่อบทความนั่น และผมคงจะไม่เชื่อมันอย่างแน่นอนถ้าไม่ใช่เพราะชื่อของเหยื่อในบทความนั่นที่ชื่อ เอลลี่ ฟาร์มเมอร์ กับ อเล็กซ์ ริดเดิ้ล ที่ผมได้คุยกับพวกเขาในห้องนั่งเล่น
จนถึงทุกวันนี้ผมยังสงสัยว่าพ่อของผมเคยพูดความจริงกับผมสักครั้งหรือไม่ หลังจากที่ผมรู้ความจริง มันมีคำถามหนึ่งยังคงติดอยู่ในใจของผม
ตอนที่ผมคุยกับเอลลีและอเล็กซ์ นั่นมันก่อนหรือหลังจากที่พ่อฆ่าพวกเขาแล้ว?
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องสั้น ขวัญผวา
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย