Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดูก่อนนอน
•
ติดตาม
3 มิ.ย. 2021 เวลา 05:07 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ขวัญผวา ตอน คุณผี
เมื่อตอนผมอายุ เก้าขวบ ผมได้เห็นพี่ชายของผมเสียชีวิตผมจะจำวันนั้นไปตลอดชีวิต ความทรงจำไม่เคยหายไปจากผม มันคือความบอบช้ำและเจ็บปวด เขาจากไป ผมเก็บความเสียใจนี้ไว้หลายปี ผมอยากจะก้าวไปข้างหน้าและปล่อยวางความเสียใจนี้แล้ว
วันที่ 10 เมษายนของปี้นั้น ตอนเลิกเรียน ผมกับชาร์ลีพี่ชายของผมกำลังเดินกลับบ้านเหมือนที่เคยทำ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดี แม่มีขนมรอเราอยู่เสมออย่างคุกกี้และนม ชาร์ลีเป็นเด็กประเภทหนึ่งที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ เขาแก่กว่าผมหนึ่งปี เขาดูจะเต็มไปด้วยพลังงานมากกว่าผม เรามักจะเล่นเป็นฮีโร่เหมือนในหนังสือการ์ตูน เขาเป็นกัปตันอเมริกา และผมเป็นบัคกี้ บาร์นส์
หลังจากทานอาหารว่างเสร็จ เขาจะคว้าฝาปิดถังขยะ และผมจะคว้า BB gun ของผม และเราจะออกไปต่อสู้กับวายร้ายที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
เราหวังว่าจะเล่นแบบนั้นอีกเมื่อเรากลับถึงบ้าน ชาร์ลีอยู่ข้างหน้าผม เขามองกลับมาที่ผมและตะโกนให้ผมตามเขาให้ทัน
“มาเร็ว เฟลิกซ์! แม่รออยู่!”
ผมจำรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้ ผมจำได้ว่าเห็นรถ Chevy Corvette สีเขียวปี 2496 อยู่ตรงหัวมุมถนนด้านหลังเขา ขณะที่มันแล่นไปตามถนน ชาร์ลีหันไปมองขณะที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ผมรู้เขากำลังชื่นชมความสวยงามของรถ Corvette
เมื่อผมได้ยินเสียงดังของยาง ตอนแรกผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมเห็นเศษขยะปลิวว่อน และมันทำให้ผมเสียสมาธิไปนานพอที่จะรู้ว่ารถคันนั้น กำลังมุ่งหน้าตรงมาทางเรา ผมเหลือบไปเห็นใบหน้าของคนขับที่แข็งกระด้างจนดูตื่นตระหนก และดูเหมือนว่ารถเขาจะเสียการควบคุม
ชาร์ลีไม่มีเวลาแม้แต่จะขยับตัว รถพุ่งขึ้นขอบถนน ชนเขาอย่างจัง ร่างเขากระเด็นออกไปราวกับของเล่นที่ถูกโยน รถคนนั้นตกลงไปในคูน้ำตื้นข้างถนน ผมยืนช็อค รู้สึกถึงลมที่มันแล่นผ่านผม
เมื่อผมได้สติ ผมโยนกระเป๋าเป้สะพายหลังลงกับพื้น ผมวิ่งไปที่พี่ชายของผมตอนอยู่ เมื่อผมไปถึง ใบหน้าของชาร์ลีเละและบิดเบี้ยว ร่างกายท่อนล่างเขาหักผิดรูปไปหมด มันบอกได้เลยว่าเขาคงเจ็บปวดมาก เพราะขณะนั้นเขายังหายใจอยู่ ผมได้ยินเสียงครวญอย่างทรมาณของเขา เสียงนั้นยังคงหลอกหลอนผมอยู่ทุกวันนี้
ผมพูดอะไรไม่ออก ผมแอบชำเลืองมองไปในรถสปอร์ตคนนั้น กระจกหน้ารถแตกและผมเห็นเลือด คนขับจะออกมาช่วยเราไม่ได้แน่นอน
“ฟ-เฟลิกซ์!” ผมได้ยินเสียงของเขา เปราะบางและเจ็บปวด “ช่วยด้วย… ได้โปรด!” น้ำตาไหลอาบแก้มของเขา และผมก็ไม่อยากให้เขาจากไป… แต่ผมรู้ว่ามันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ผมวิ่งกลับไปที่ข้างถนนและมองหารถที่วิ่งผ่าน ใครก็ได้เพื่อช่วยเราด้วย ใครก็ได้ ขอร้องล่ะ
ไม่กี่นาทีนี้มันยังมีรถคันวิ่งผ่านไปอยู่เลย แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บนถนนเลย โลกดูมืดมนลงไป อยู่ๆก็มีหมอกเต็มไปหมด ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงร้องของชาร์ลี แล้วชาร์ลีก็เงียบลง ผมมองไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง จากที่ไกลๆ ผมเห็นร่างนึงในหมอก ผมโบกมือให้เขาและตะโกน
“เฮ้! คุณครับ! เราต้องการความช่วยเหลือ! ได้โปรด! ช่วยเราด้วย"
แต่เขาอยู่ไกลมาก ถ้าเขาจะวิ่งมาก็ต้องใช้เวลาสักพัก ผมตะโกนเรียกเขาอีกครั้ง โบกมือเพื่อดึงความสนใจของเขา
"คุณครับ! เร็วหน่อยครับ! เราต้องการความช่วยเหลือ!"
ผมมองลงไปที่ชาลี เขาดูซีดอย่างน่ากลัว… แล้วผมก็ได้ยินเสียงสูงบางคนอยู่ข้างหลังผม
“อืม ไม่ต้องห่วง นี่แค่เรื่องเล็กน้อย” ผมสะดุ้งแล้วมองไปทางต้นเสียง เขาคือผู้ชายผมขอความช่วยเหลือ เขามาถึงเร็วขนาดนี้ได้ยังไง? ต่อให้วิ่งเต็มกำลังก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้เพราะมันแค่ชั่วพริบตาเองที่ผมหันไปมองชาร์ลี แต่เขาก็มาอยู่ข้างหลังผมแล้ว
เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งหมด เสื้อคลุมสีดำหนา กางเกงสีดำ และถุงมือหนังสีดำ เขาดูเหมือนนักธุรกิจที่กำลังเดินกลับบ้านจากที่ทำงาน
“คุณครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ได้โปรด เราต้องโทรหาใครสักคน โรงพยาบาล หรืออะไรสักอย่าง!”
ชายคนนั้นหัวเราะ มันเป็นเสียงที่ไร้กังวลและมันทำให้ผมเริ่มโกรธ เวลาแบบนี้ใครเขาจะหัวเราะกัน?
“เจ้าหนู โรงพยาบาลช่วยพี่ของเธอไม่ได้หรอกตอนนี้”
“คุณหมายความว่ายังไง” ผมถามด้วยความตื่นตระหนก
“อืม พี่ของเธอกำลังจะตาย” ชายคนนั้นพูด “นั่นเป็นเหตุผลที่ชั้นมาที่นี่” เขายื่นมือเข้ามาหาผม ผมไม่ได้ขยับตัวหนีหรือทำอะไรเลย ผมได้แต่จ้องมองมัน
เขาตบไหล่ผม แล้วออกเดินไปตามคูน้ำตรงไปที่รถคนนั้น เขาเดินไปช้าๆอย่างสบายๆ ราวกับว่าเสียงร้องของชาร์ลีไม่มีความหมายสำหรับเขาเลย ผมพูดอะไรไม่ออก ผมพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด ผมไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนสติไม่ดีรึเปล่า เขาคุกเข่าลงข้างๆพี่ชายของผม รอยยิ้มของเขาดูไร้กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“อย่ากังวลไปเลยเจ้าหนู” เขาพูด ขณะกำลังลูบไล้หน้าผากของชาร์ลี และเพียงแค่นั้น ชาร์ลีก็หยุดเสียงกรีดร้องที่ทรมานของเขา ร่างกายของเขาอ่อนแรงและเขาก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
"ชั้นจะพาเธอออกไปจากสถานที่ที่น่ากลัวนี้”
ชายคนนั้นคว้าแขนชาร์ลีและดึงเขาขึ้นมา ผมอ้าปากค้าง แต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไร ชาร์ลีถูกดึงให้ลุกขึ้น และตอนนี้ชาร์ลีกำลังยืนอยู่ ยืนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันมีแต่ความสงสัยเกิดขึ้นกับผม บาดแผลขนาดนั้น ทำไมเขาถึงยืนได้อยู่
ผมเรียกชื่อเขาและกำลังจะเอื้อมมือไปกอดเขา แต่ชายคนนั้นก็เข้ามาขวางผมไว้
“ชั้นว่าอย่าดีกว่า” เขาเตือนผม "ชั้นขอโทษจริง แต่อย่าเลย"
"ทำไมล่ะ?" ผมขอร้องและอยู่ๆเขาก็มีท่าทีเคร่งขรึม
“เธอไม่ควรจะอยู่ที่นี่ เจ้าหนู… นี่คืองานของชั้น ชั้นคงบอกเหตุผลกับเธอไม่ได้หรอก แต่บางครั้งมันก็มีสิ่งที่เราทำอะไรไม่ได้ และชั้นไม่อยากให้เธอแตะต้องเขา เขาไม่ได้อยู่โลกใบเดียวกับเธออีกต่อไปแล้ว”
ชาร์ลีไม่พูดอะไรกับผมเลย เขาไม่แม้แต่จะมองมาที่ผม ดวงตาของเขามีสายตาที่ดูไร้ชีวิต
ชายคนนั้นเดินผ่านผมไปและเปิดประตูรถคันนั้น เขาเอื้อมมือเข้าไปดึงคนขับออกจากรถ เขาเป็นแค่เด็กวัยรุ่น แต่เมื่อผมเห็นเขาผมก็ตกใจมาก คอของเขาหักงอ ผมเห็นกระดูกกดทับที่ผิวหนัง เขาไม่น่ามีชีวิตอยู่แล้ว!
ชายคนนั้นยังคงเฉยเมยต่อบาดแผลที่ดูร้ายแรงของคนขับ และเพียงแค่วางมือบนแก้มของเขาศีรษะของเขาก็กลับเข้าที่
“ไม่เป็นไรแล้ว” เขาพูดแล้วมองมาที่ผม
“เกิดอะไรขึ้น นี่มันคืออะไรกันแน่?” ผมถาม เขาบอกว่าชาร์ลีกำลังจะตาย และคนขับก็ตายด้วยเหมือนกัน… แต่ถ้าผมเห็นเขา งั้นผมก็ตายด้วยเหรอ? เขาจะทำร้ายผมเพราะผมเห็นเขารึเปล่า?
“โอ้ เจ้าหนู ชั้นไม่ทำร้ายเธอหรอก และเธอก็ยังไม่ตายด้วย เฟลิกซ์!” เขาพูดและยิ้มอย่างอบอุ่น ผมไม่ได้พูดอะไรกับเขา เขารู้ได้ยังไงว่าผมคิดอะไรอยู่? ผมอึ้งเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป
“พวกมนุษย์ไม่ค่อยมองเห็นชั้นหรอก และการที่มองไม่เห็นชั้น มันคงจะดีกว่า”
“คะ… คุณเป็นใครกันแน่” ผมถาม เสียงของผมสั่น มันเป็นเพียงหนึ่งในล้านคำถามที่ผมอยากจะถาม
“อืม ชั้นเป็นคนขับรถ” เขาพูด “ชั้นมีหน้าที่รับคนแล้วพาพวกเขาไปส่ง แล้ววันนึงชั้นก็จะมารับเธอด้วย แต่มันยังไม่ใช่วันนี้หรอก”
“คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง” ผมตะกุกตะกัก
เขาไม่ตอบ เขายิ้มและจับมือทั้งชาลีและวัยรุ่นคนนั้น
“เธอไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นหรอก ตอนนี้ชั้นต้องไปแล้ว ชั้นงานยุ่งมากเลยรู้ไหม”
เขาพาทั้งชาลีกับวัยรุ่นคนนั้นไปที่ถนน รถสีดำจอดรออยู่ตรงนั้น มันไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน เป็นรถรุ่นเก่า ผมจำได้ว่าเป็นรถเปิดประทุน Dusenberg ปี 2478
เขาให้ชาร์ลีกับวัยรุ่นคนนั้นนั่งเบาะหลัง เขาหันมายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรก่อนที่เขาจะขับรถออกไป
ผมนั่งลงบนพื้นหญ้า หันหลังให้กับรถและเริ่มร้องไห้ ผมมองลงไปที่ชาร์ลีเคยอยู่ และผมก็แปลกใจที่ร่างชาร์ลียังนอนอยู่ตรงนั้น แต่เขาไม่ได้กรีดร้องแล้ว ไม่แม้แต่จะขยับตัว ดวงตาของเขาจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า
ผมยังคงนั่งอยู่ที่คูน้ำตอนตำรวจมาถึง และเมื่อพวกเขาพาชาร์ลีไป ผมจำได้ว่าดูพวกเขาเอาวัยรุ่นคนนั้นไปด้วย คอของเขาหักแบบเดียวกับที่ชายคนนั้นพาเขาออกมาจากรถก่อนหน้านี้ ศีรษะของเขาไม่ได้กลับเข้าที่แต่อย่างใด บาดแผลนั้นถึงตายอย่างที่ผมคิดไว้
ผมไม่รู้ว่าผมเห็นอะไรจนกระทั่งเมื่อนานมานี้ แม้ผมก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะนานๆทีผมจะขับรถไปตามถนนและเห็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วก็จะมีรถ Dusenberg สีดำจอดอยู่ตรงนั้น ผมคิดว่าคนอื่นๆคงไม่เห็นมันแน่นอน และมีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเห็นชายในชุดสีดำคนเดิม เขามองมาที่ผมและขยิบตา
ผมเคยเรียกเขาว่าคุณผี เป็นชื่อเดียวที่เหมาะกับผู้ชายคนนั้น ผมเห็นเขาตามท้องถนนอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็เห็นรถวิ่งผ่านไปมา รถของคุณผี ผมคิดว่าเขาคงกำลังทำงานของเขาอยู่ เพราะมีคนตายในทุกวัน ผมได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับโลกนี้ ผมอาจรู้มากกว่าที่คนส่วนใหญ่รู้ ผมรู้ว่าถ้าตายไปแล้วจะต้องเจอชายคนนึง ทุกวันที่ผมตื่น ผมรู้สึกขอบคุณที่ไม่เห็นเขายืนอยู่บนเตียงของผม แต่ผมรู้ว่านั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันหนึ่ง และผมแค่หวังว่าผมจะพร้อมเมื่อถึงเวลานั้น
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องสั้น ขวัญผวา
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย