Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดูก่อนนอน
•
ติดตาม
3 มิ.ย. 2021 เวลา 09:56 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ขวัญผวา ตอน เมื่อฉันกลายเป็นผี
ฉันจำเรื่องราวคืนนั้นได้ชัดเจนมาก ฉันกำลังจะไปดูหนังในโรงหนังเล็กๆ ในเมือง หนังที่ฉันกำลังจะไปดู เป็นเรื่อวแนวสยองขวัญ อันที่จริงฉันมีความชอบในเรื่องแนวนี้มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้ว ฉันต้องทุกข์ทรมานจากโรคจิตเภทที่ทำให้เกิดภาพหลอนอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อฉันอายุมากขึ้น อาจอายุสิบสามมั้ง ผู้คนมักบอกฉันว่า ฉันเป็นพวกอ่อยเหยื่อแล้วค่อยเปลี่ยนเป้าหมาย จริงๆแล้วฉันรู้ดีว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบสักหน่อย ฉันชอบใส่ชุดแบบที่ยาวไปถึงข้อเท้า และผู้คนมักคิดว่าฉันหมกมุ่นอยู่กับไสยเวทหรือเรื่องลึกลับอะไรพวกนั้น ไม่ค่อยมีใครอยากจะเข้าใกล้ฉันเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่มองว่าฉันเป็นแม่มด เลยทำให้ไม่มีใครอยากออกไปเที่ยวด้วย ด้วยเหตุผลนี้ ฉันจึงเป็นผู้หญิงที่โดดเดี่ยวอยู่เสมอ ฉันไปดูหนังเรื่องนี้ ฉันอยู่คนเดียว ที่ผ่านมาก็ทำอะไรคนเดียวมาตลอด
ประมาณหกโมงเย็นได้ละมั้งถ้าจำไม่ผิด ฉันกำลังเดินไปตามทางเท้าเพื่อไปยังโรงหนัง ป้ายไฟนีออนกะพริบเปิดปิด คงจะเพราะงบประมาณของโรงหนังที่ต่ำ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องผีหรือหนังสยองขวัญละก็ ไม่มีโรงหนังที่ไหนจะเหมาะกว่าที่นี่อีกแล้ว รองเท้าของฉันส่งเสียงกึกก้องเป็นจังหวะบนคอนกรีตขณะที่ฉันเดินเข้าไปใกล้โรงหนัง ฉันใกล้ถึงหัวมุมแล้ว ห่างออกไปประมาณช่วงตึกก็จะถึงจุดหมาย แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนมากระชากฉันอย่างแรก ฉันถูกดึงเข้าไปในตรอก และเมื่อหันหลังกลับไป คนที่กระชากตัวฉันมาคือเคิร์ก เคิร์กเป็นเด็กที่เรียนมัธยมปลายห้องเดียวกับฉัน เขาเป็นเด็กเกเรและอันตพาล สมัยก่อนเขามักจะรังแกฉันอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็น่าจะมาจากบุคลิกของฉันด้วย ฉันเกลียดเขา แต่ฉันกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป เพราะกลัวว่าคำพูดของฉันอาจทำให้ฉันมีรอยฟกช้ำขนาดใหญ่กลับมาไปด้วย ฉันเลยพูดกับเขาไปว่า
“ได้โปรด นายต้องการอะไร? ฉันก็แค่มาดูหนัง...”
เคิร์กดึงบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงของเขา ฉันมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ในความมืดของตรอกข้างถนนนี่ แต่เขาเอามันเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉัน แล้วฉันก็รู้ว่ามันเป็นมีด ฉันเริ่มตื่นตระหนก ฉันไม่รู้ว่าเขาจะใช้มีดเล่มนั้นทำอะไร แต่ฉันกลัว ฉันกลัวมาก เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาชักมีดเล่มเดียวกันนั้นใส่ผู้หญิงในชั้นเรียนเดียวกับฉัน จนทำให้เธอคนนั้นต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล หลังจากที่เคิร์กสลักชื่อย่อของตัวเองลงบนที่หน้าอกของเธอ เคิร์กเป็นคนที่น่ากลัว ฉันเกลียดเขา แต่ร่างกายฉันถูกแช่แข็งไปด้วยความกลัว เคิร์กบอกว่าฉันมีบางอย่างที่ต้องจ่าย ฉันถามเขาว่าทำไม ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เคิร์กไม่ตอบ ก่อนที่ฉันจะมีเวลาพูดอะไรอีก เขาก็ผลักร่างของฉันลงไปนอนกับพื้น ฉันกระแทกกับคอนกรีตด้านล่าง ฉันพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เสียงที่ออกมามีแต่เสียงไอ เคิร์กคุกเข่าลงและ…คุณสามารถอนุมานส่วนที่เหลือได้
หลังจากเสร็จธุระ เขาก็แทงฉันด้วยมีดนั้นหลายครั้ง สองครั้งที่หน้าอกและสามครั้งที่ท้อง ฉันรู้สึกว่ามีดทะลุเข้ามาที่ผิวหนังของฉัน และฉันบอกคุณได้เลย ว่าแผลถูกแทงไม่เหมือนในหนัง มีดที่แทงเข้ามาไม่ได้อย่างราบรื่นอย่างนั้น มีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง และจากนั้นก็มีเสียงเฉือนเนื้อที่น่าสะอิดสะเอียนขณะที่มีดพุ่งเข้ามาในตัวคุณ แล้วเลือดก็กระจายไปทั่ว ทั้งบนใบหน้าของฆาตกร ทั้งตัวเหยื่อด้วย และความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้ ฉันรู้สึกว่ามันแผ่ไปทั่วร่างกาย ทำให้สิ่งต่างๆรอบตัวฉันเริ่มมืด เหลือแค่ใบหน้าฆาตกรเท่านั้นที่ยังคงมองเห็นได้ ฉันเห็นเคิร์กเดินจากไป เขาเช็ดมือบนกางเกงสีดำของเขาแล้ววิ่งหนีไป เลือดของฉันยังคงติดอยู่บนเสื้อของเขา
ฉันยังคงหายใจอยู่ ฉันถูกแทงห้าครั้ง และฉันยังหายใจอยู่ ฉันรู้ว่าฉันต้องพาตัวเองไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน…ก็ อาจมีคนตายเพิ่มอีกในขณะที่รักษาฉัน ไม่ ฉันไปโรงพยาบาลไม่ได้ ฉันบอกกับตัวเอง และ เป็นเวลาห้านาทีที่ฉันนอนอยู่ในตรอกนั้น ฉันร้องไห้และเลือดก็กำลังไหลออกจากร่างกาย ฉันต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ยึดร่างกายของฉันไว้ น้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่ก็นิ้วกระตุก การหายใจค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ นี่แหละ ฉันคิดไปเอง ทุกสิ่งที่ฉันทำในชีวิตอาจทำให้ฉันต้องมีเจอเหตุการณ์แบบนี้ ฉันหวังว่าฉันจะได้ไปสวรรค์นะ และในที่สุด ฉันก็หยุดหายใจ แล้วจากนั้นมันก็มีแต่ความเงียบงัน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันยัง…มีชีวิตอยู่? ไม่สิ คำว่ายังมีชีวิตอยู่คงไม่ใช่คำที่เหมาะเท่าไหร่ ฉันกำลังยืนอยู่เหนือศพของฉันเอง ฉันมองดูมัน เลือดเปื้อนด้านหน้าชุดของฉัน สิ่งที่เคยเป็นสีลาเวนเดอร์ตอนนี้กลายเป็นสีแดงเข้ม ฉันก้าวถอยออกจากร่างกายด้วยความตื่นตระหนก ฉันถอยตัวพิงกำแพง พยายามถอยห่างจากศพให้มากที่สุด ไม่ ไม่ใช่ใครสักหน่อย มันเป็นศพของฉัน ศพของฉัน นั่นเป็นเรื่องตลกที่ต้องคิดใช่ไหม? ชั่วขณะหนึ่งที่คุณยังมีชีวิตอยู่ และต่อไปคุณจะไม่มีมันอยู่แล้ว ไม่มีสัญญาณหรือแสงสว่างอะไรให้เห็น อย่างเช่น แสงที่พาฉันขึ้นสวรรค์ไปเป็นเทวดาอะไรประมาณนั้น แต่นี่มันเป็นแค่…ชั่วขณะหนึ่งที่มีชีวิตอยู่และอีกชั่วขณะหนึ่งที่ตายไป
อย่างไรก็ตามฉันคิดว่า ฉันได้เข้าสู่สถานะเทวทูตแล้ว เพราะฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่เคร่งศาสนามาโดยตลอด ฉันเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ เมื่อฉันเห็นตัวเองยืนอยู่เหนือศพของฉันเอง ฉันคิดว่าฉันได้เกิดใหม่เป็นนางฟ้าแล้วแน่เลย แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น ฉันถอยออกมาจากตรอก แต่ก็ยังละสายตาจากซากศพของตัวเองไม่ได้ ในที่สุดฉันก็เดินเลี้ยวไปตรงหัวมุมแล้วเดินออกไปที่ถนน ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้คนยังคงเที่ยวกันในตอนเย็น ยังคงเดินและพูดคุยกัน โดยไม่รู้เลยว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งเพิ่งถูกแทงจนตาย ดูเหมือนว่าเวลาประมาณสามชั่วโมงแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืดลง แม้ว่าปริมาณมลพิษจะบดบังดวงดาวบนท้องฟ้า ฉันคิดว่าต้องมีฃคนสังเกตเห็นชุดที่เปื้อนเลือดของฉันอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นอีก ฉันเดินอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางฝูงชน ค่อยๆ เดินกลับบ้าน ความจริงก็คือฉันกลัวที่มากจะกลับบ้าน
ฉันทั้งสับสนและกลัว ฉันรู้ว่าพ่อแม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวของพวกเขาเพิ่งถูกฆ่า! ฉันไปถึงอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของฉัน ขั้นบันไดของอาคารยังคงเหมือนเดิม ในที่สุดฉันก็เดินไปที่ลิฟต์โดยก้าวเข้ามาพร้อมกับคนที่แทบไม่สังเกตเห็นฉัน ราวกับว่าพวกเขาเพียงแค่จ้องมองผ่านฉันไป ฉันรออย่างอดทนขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้นสี่ซึ่งเป็นที่ตั้งของฉันอย่างช้าๆ ฉันเปิดประตูห้องของพ่อแม่
พ่อกับแม่ของฉันกำลังคุยกัน พวกเขาดูกังวล “อลิซยังไม่กลับจากโรงหนังเลย” พวกเขาพูด “ผมหวังว่าลูกจะไม่เป็นไรนะ” พ่อของฉันพูด แล้วก็บีบมือของเขาเข้าหากันจนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาว ฉันรู้สึกน้ำตาไหลเมื่อมองดูพ่อแม่พูดคุยกัน โดยที่ไม่รู้ว่าลูกของตัวเองตายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแล้ว มันเจ็บปวดนะรู้ไหม เพื่อดูพ่อแม่ของตัวเองร้องไห้ต่อหน้าคุณ ทันใดนั้นความมั่นใจและการบูชารูปเคารพทั้งหมดที่คุณใส่ไว้ในนั้นก็ละลายหายไปและของจริงก็แสดงให้เห็น เป็นการปลอบโยนเช่นกันที่ได้เห็นด้านมนุษย์ของพวกเขา
พวกเขาแจ้งความคนหายในวันรุ่งขึ้น ฉันดูพวกเขาร้องไห้และกอดกันฉันดูพ่อแม่ของฉันเสียใจกับการหายตัวไปของฉัน สองสามวันต่อมาพวกเขาก็พบร่างของฉัน พ่อแม่ของฉันยิ่งเศร้าโศกมากขึ้นไปอีก แม่ของฉันร้องไห้วันแล้ววันเล่า ในขณะที่พ่อของฉันกลายเป็นคนสันโดษและเริ่มติดเหล้า ตลอดเวลา ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่ข้างพวกเขา พ่อกับแม่ไม่เคยสังเกตเห็นฉันเลย เมื่อฉันพยายามปลอบโยนพวกเขา และนั่นทำให้ฉันเศร้ามากขึ้นไปอีก
เมื่อเวลาผ่านไปพ่อแม่ของฉันก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันค่อยดูความเป็นไปทั้งหมดตลอดเวลา แล้วแม่ของฉันก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนอายุ 80 พ่อของฉันเสียชีวิตหลังจากนั้นสองสามปีจากพิษแอลกอฮอล์ ฉันรู้สึกเศร้า แต่ก็มีส่วนลึกๆของฉันที่โล่งใจ ฉันจะไม่ต้องเห็นพ่อแม่เสียใจอีกต่อไปแล้ว ส่วนหนึ่งฉันก็คิดว่าเราจะได้เจอกันอีก พวกเขาคงจะได้เป็นเหมือนที่ฉันเป็น แต่มันก็ไม่เคยมีวันนั้น วันแล้ววันเล่า ฉันนั่งรอที่โซฟาอย่างอดทน วันกลายเป็นเดือนและจากเดือนกลายปี ในที่สุดก็มีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามา พวกเขามีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อของเธอคือเดซี่ เธอเป็นสาวหวาน ตอนนั้นเธออายุแค่สิบเอ็ดขวบเท่านั้น ฉันชอบเธอเพราะฉันเหมือนเห็นตัวเองในตัวของเธอ เธอเป็นคนงมงายเหมือนฉัน มีความหมกหมุ่นในเรื่องผีเรื่องลี้ลับเหมือนกับฉัน ฉันเฝ้าดูเธอสองสามเดือนจากประตูห้องนอนของฉัน มีอยู่วันหนึ่งฉันเข้าไปใกล้เกินไป
เดซี่มองเห็นฉันเป็นครั้งแรก ไม่เคยมีใครมองเห็นฉันมาก่อนตั้งแต่ฉันตายเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่เดซี่มองเห็นฉัน ฉันบอกเธอไปว่าฉันชื่ออลิซ และเคยอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนตาย เธอบอกว่าเธอเคยได้ยินเรื่องฉันจากเพื่อนของเธอ เธอยังบอกอีกว่าชุดของฉันสวย หลังจากนั้นเราก็กลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว ฉันเป็นเพื่อนในจินตนาการของเดซี่ และฉันก็ต้องการแค่นั้น แต่แล้วฉันก็เริ่มอิจฉา เดซี่มักจะไปเที่ยวกับครอบครัว พ่อแม่ และน้องชายของเธอ เธอไม่ได้ใช้เวลากับฉันมากเหมือนเคย วันหนึ่งเมื่อฉันถาม เดซี่ก็บอกว่าครอบครัวของเธอมีตัวตนจริง เป็นคนจริงๆ แค่ฉันก็ไม่ใช่อะไรแบบนั้น ฉันรู้สึกโกรธเดซี่ ฉันเลยทำให้สิ่งต่างๆ ภายในบ้านเลวร้ายลง โดยการเคลื่อนย้ายสิ่งของและทำลายสิ่งของโดยที่ครอบครัวไม่รู้ แน่นอนว่าเดซี่รู้ทุกอย่าง หลังจากนั้นเธอก็ไม่คุยกับฉันอีกเลย และฉันรู้สึกเศร้า ฉันไม่ได้โกรธอีกต่อไปแล้ว ฉันแค่ต้องการเพื่อนเก่าของฉันกลับมา เดซี่เป็นคนเดียวที่ฉันสามารถคุยด้วยได้ แล้วในชีวิตที่ผ่านมาไม่ว่าจะก่อนตายหรือหลังตาย ฉันก็ไม่เคยมีเพื่อนเลย ฉันไม่เคยมีเพื่อนแท้ในชีวิต แต่ทันทีที่ฉันได้เพื่อนฉันกลับผลักเธอออกไป ฉันเริ่มร้องไห้ ฉันร้องไห้หลายวันเหมือนพ่อแม่ของฉัน ตอนนี้ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของการสูญเสียคนที่รักคุณแล้ว ฉันมองดูด้วยความเจ็บปวดขณะที่เดซี่หัวเราะและเล่นกับครอบครัวของเธอวันแล้ววันเล่า ในที่สุดฉันก็เริ่มวางแผนบางอย่าง วิธีที่จะทำให้ฉันได้อยู่เดซี่ตลอดไป
และเวลานั้นก็มาถึง กลางคืนเป็นเวลาเหมาะเป็นอย่างยิ่ง ฉันก็เริ่มแผนการที่วางไว้ เดซี่กำลังหลับอยู่ในห้องของเธอ กรนเบาๆ จากอีกฝั่งของโถงทางเดิน ฉันเดินไปที่ห้องครัวอย่างช้าๆ และหยิบมีดทำครัวที่ใหญ่ที่สุดออกมา ฉันเดินไปที่ห้องน้องชายของเดซี่อย่างเงียบๆ ฉันเปิดประตูช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กชายจะไม่ตื่น ฉันเดินไปที่ข้างเปลของเขา เด็กชายอายุประมาณสามขวบยังเล็กอยู่เลย ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ และใช้มีดแทงลงไป เขาไม่ได้ร้องไห้หรือกรีดร้องอย่างที่ฉันคาดไว้ เขาตายแล้ว เลือดออกเหมือนที่ฉันโดน ฉันมองลงไปที่เลือดตรงฝ่ามือ มองเลือดที่เปล มันหยดลงบนพื้นช้าๆ และเป็นครั้งแรกที่ฉันยิ้มได้ ฉันไปห้องถัดไปต่อและแทงผู้ใหญ่ทั้งสองคน
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเดซี่ตื่นขึ้นมา เธอคิดว่าทุกคนคงจะนอนดึก เลยไม่ได้ยินเสียงใคร แม้แต่น้องชายของเธอที่มักจะร้องไห้ในตอนเช้าก็ยังเงียบ ฉันมองดูเดซี่วิ่งไปที่ห้องพ่อแม่ของเธอที่ห้องโถง และตะโกนเพื่อที่จะปลุกทุกคน ฉันมองดูเธอเปิดประตูออก มีเพียงภาพที่น่าสยดสยองตรงหน้าเธอเท่านั้น ร่างของพ่อแม่ของเธอ เผยให้เห็นบาดแผลที่ถูกแทง ฉันมองดูอย่างพึงพอใจขณะที่เธอกรีดร้องออกมาด้วยความสยดสยอง น้ำตาไหลออกมา เธอสะอื้นร่ำไห้และกอดร่างพ่อแม่ของเธอไว้ เธอหันกลับมาที่ฉัน ฉันคิดว่าเดซี่รู้ว่าฉันเป็นคนทำ “ทำไม? ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?” เธอร้องโวยวายใส่ฉัน “ฉันอยากอยู่กับเธอตลอดไป” ฉันตอบ “และตอนนี้ก็ไม่มีใครขวางทางเราแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นานเดซี่ก็ทิ้งฉันไป ตอนนี้ฉันไม่มีใครอีกแล้ว เพราะฉนั้น ผู้อ่านที่รัก คุณอยากเป็นเพื่อนกับฉันไหม?
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องสั้น ขวัญผวา
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย