22 มิ.ย. 2021 เวลา 08:05 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อ
เกียรติ ความแน่นอนคงที่ และสุนทรียภาพ เป็นที่มาของชื่อต่าง ๆ ในวงการวิทยาศาสตร์
เกียรติ
เมื่อมีการค้นพบวิธีการ ทฤษฎี กฎ หรือบางสิ่งบางอย่างที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ สิ่งเหล่านั้นอาจได้ชื่อตามนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นหรือค้นพบ เป็นธรรมเนียมดีในวงการวิทยาศาสตร์เพราะถือเป็นการให้เกียรติยกย่อง เช่น
📝 วิธีฆ่าเชื้อแบบพาสเจอไรซ์ (Pasteurization) ตั้งเป็นเกียรติแก่หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur)
📝 กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน (Newton’s laws of motion)
📝 การย้อมสีแกรม (Gram stain) เพื่อจำแนกชนิดแบคทีเรียเมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
📝 ชิ้นส่วนโอกาซากิ (Okasaki fragment) ในกระบวนการทำสำเนาดีเอ็นเอ
📝 ค่าคงที่อะโวกาโดร (Avogadro constant) เป็นจำนวนอนุภาคของสารใด ๆ ในปริมาณ 1 โมล
📝 การทดสอบของทัวริ่ง (Turing test) ใช้ทดสอบว่าคอมพิวเตอร์คิดเป็นหรือไม่
📝 ขีดจำกัดของจันทรเศขร (Chandrasekhar limit) เป็นค่ามวลมากที่สุดที่ดาวแคระขาวจะเสถียร หากดาวฤกษ์ยุบตัวแล้วมีมวลมากกว่าค่านี้จะกลายเป็นหลุมดำ
📝 สมการของชเรอดิงเจอร์ (Schrödinger equation) ที่ใช้คำนวณลักษณะคลื่นของอนุภาคที่สนใจ
และอื่น ๆ อีกมากมาย
ใช้ภาษาที่ “ตาย” เพื่อนิยาม “สิ่งมีชีวิต”
ชื่อทางวิทยาศาสตร์พืชและสัตว์ในปัจจุบันตามระบบทวินาม (binominal nomenclature) นั่นคือโดยทั่วไปจะเรียกชื่อสกุล (genus) โดยอักษรตัวแรกเป็นตัวใหญ่ ตามด้วยชื่อชนิด (specie) และอาจมีชนิดย่อย (sub specie) ตามมาด้วยในบางครั้ง
หากเขียนในเนื้อความต้องเขียนเป็นตัวเอียงหรือมีการขีดเส้นใต้ชื่อเสมอ
และการตั้งชื่อต้องเป็นภาษาละตินเท่านั้น เนื่องจากเป็นภาษาที่ไม่มีการใช้เพื่อพูดคุยอีกแล้ว
การเป็นภาษาที่ตายแล้วมีข้อดีคือมีถ้อยคำและไวยากรณ์คงที่ ความหมายของถ้อยคำไม่แปรเปลี่ยนอีก จึงเหมาะสำหรับการใช้เพื่อตั้งชื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน
ตัวอย่างเช่น
📝 Felis catus หรือเขียนย่อว่า F. catus คือแมวบ้าน (domestic cat)
📝 หมาบ้าน (Canis lupus familiaris) ซึ่ง familiaris เป็นชนิดย่อย จำเป็นต้องระบุเพื่อแตกต่างจาก Canis lupus หรือหมาป่าสีเทา (Grey wolf) ที่เป็นบรรพบุรุษของมัน
📝 ชื่อวิทยาศาสตร์ของมนุษย์คือ Homo sapiens หมายถึงมนุษย์ผู้ฉลาด (wise man)
สุนทรียภาพ
ทางดาราศาสตร์ ชื่อดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์และดวงจันทร์บริวารนั้นมักจะตั้งตามชื่อในปกรณัมกรีก เช่นดาวนพเคราะห์ที่ล้วนได้ชื่อตามเทพเจ้าแห่งโอลิมปัสที่มีสิบสององค์
บนท้องฟ้านอกจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่เจิดจ้า ก็ยังมีดาวเคราะห์อีกห้าดวงในระบบสุริยะที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั่นคือดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์
ภาพแปดดาวเคราะห์กับหนึ่งดาวเคราะห์แคระ (พลูโต) ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของนาซ่า มีชื่อยานอวกาศ (spacecraft) และปีที่ถ่ายภาพได้กำกับไว้
📝 Mercury หรือดาวพุธ ปรากฏให้เห็นสลับกันระหว่างช่วงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและหลังดวงอาทิตย์ตกในเวลาสั้น ๆ จึงได้ชื่อของเทพนำสารผู้ว่องไวที่สุดจากนักดาราศาสตร์สมัยโบราณ
📝 Venus เป็นดาวรุ่งหรือดาวประกายพรึกในยามเช้า และดาวประจำเมืองตอนค่ำ มีแสงสว่างสุกใสจนเป็นรองแค่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ อาจด้วยเหตุนี้ดาวศุกร์จึงได้ชื่อของเทพกัญญาแห่งความรักและความงามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสตรี
📝 Mars หรือดาวอังคาร เปล่งประกายสีแดงดั่งเลือด จึงได้ชื่อของเทพแห่งสงครามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบุรุษ สีแดงนี้มาจากเหล็กที่ออกซิไดซ์กลายเป็นสนิมปกคลุมพื้นผิวดาว
📝 Jupiter หรือดาวพฤหัสบดี ได้ชื่อของราชาแห่งเทพเจ้าทั้งปวงเหนือยอดเขาโอลิมปัส ซึ่งเผอิญพ้องกับขนาดอันที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะด้วย
📝 Saturn หรือดาวเสาร์ ได้ชื่อของบิดาแห่งจูปิเตอร์ เป็นเทพแห่งกสิกรรมและความมั่งคั่ง มีเอกลักษณ์คือวงแหวนที่ล้อมรอบดาว กาลิเลโอเคยสังเกตเห็นว่าดาวเสาร์ “มีหูจับ” เนื่องจากกล้องโทรทัศน์ของเขามีกำลังขยายไม่เพียงพอจะเห็นว่าวงแหวนนั้นแยกตัวจากดาว
ส่วนชื่ออื่น ๆ ผมจะนำมาเล่าในโอกาสต่อ ๆ ไป
หากมองอย่างผิวเผิน นักดาราศาสตร์คงเป็นแฟนพันธุ์แท้ของปกรณัมกรีก เพราะดวงดาวมากมายมักได้ชื่อตามเทพองค์ต่าง ๆ
ทว่าอันที่จริงมันสะท้อนว่าดาราศาสตร์นั้นเป็นศาสตร์ที่เก่าแก่และมีการพัฒนาควบคู่กับการเจริญเติบโตของอารยธรรมมนุษย์
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บรรพบุรุษของเราในยุคโบราณแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี สังเกตเห็นดวงดาวสว่างสุกใสในความมืดมิดแล้วตั้งชื่อให้ตามเหล่าเทพเจ้าที่สูงส่ง
บางทีพวกเขาอาจเชื่อว่าเหล่าเทพเจ้ากำลังเฝ้ามองมนุษย์จากบนนั้น
นักดาราศาสตร์สมัยก่อนช่างมีสุนทรียภาพที่เปี่ยมล้น
ทัศนะเกี่ยวกับชื่อ
ดร. คิพ เอส. ธอร์น (Kip Stephen Thorne) นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชาวอเมริกันผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2017 ร่วมกับ Barry C. Barish และ Rainer Weiss จากการตรวจพบคลื่นความโน้มถ่วง ให้ทัศนะเกี่ยวกับชื่อไว้อย่างน่าคิดในหนังสือประวัติย่อของหลุมดำ (Black Holes and Time Warps : Einstein’s Outrageous Legacy ) ดังนี้
“ในวิชาฟิสิกส์ชื่อชื่อหนึ่งอาจจะช่วยติดตั้งกรอบความคิดในการมองมโนทัศน์ทางฟิสิกส์ ชื่อที่ดีจะใหกรอบความคิดที่ดีโดยเน้นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของมโนทัศน์นั้น และในที่สุดจะช่วยจุดประกายในจิตใต้สำนึกและการหยั่งรู้ซึ่งจะนำมาสู่การวิจัยที่ดี ส่วนชื่อที่ไม่ดี จะให้ผลในทางตรงกันข้าม มันจะสกัดกั้นปัญญาความคิดซึ่งกลายเป็นปราการบดบังงานวิจัยที่จะสร้างขึ้นได้”
แถมท้าย
ชื่อของหลุมดำก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ก่อนเป็นหลุมดำ เทหวัตถุปริศนาที่มีแรงโน้มถ่วงสูงที่สุดในจักรวาลนี้มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันโดยกลุ่มนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของสหภาพโซเวียตและยุโรป
ในช่วงปี 1958 ถึง 1968 กล่าวคือนักฟิสิกส์โซเวียตเรียกมันว่าดาวเยือกแข็ง (Frozen star) ส่วนนักฟิสิกส์ชาวยุโรปเรียกมันว่าดาวยุบตัว (Collapsed star) จนกระทั่งจอห์น วีเลอร์ (John Archibald Wheeler) นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอเมริกันเป็นคนคิดค้นชื่อหลุมดำขึ้นในปี 1967 และใช้มันเรียกดาวเยือกแข็ง/ดาวยุบตัว
หลุมดำกลายเป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่นิยมยกเว้นเพียงประเทศเดียวคือฝรั่งเศสที่ต่อต้านอยู่นานหลายปี เนื่องจาก trou noir (Black hole) มีความหมายลามกหยาบคาย
อ้างอิง
💡 สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๒ / เรื่องที่ ๑ การจำแนกและการจัดหมวดหมู่ของสัตว์ หัวข้อการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=2&chap=1&page=t2-1-infodetail03.html
💡 หนังสือเอกภพ เพื่อความเข้าใจในธรรมชาติของจักรวาล เขียนโดยวิภู รุโจปการ
💡 เว็บไซต์ขององค์การนาซ่า https://solarsystem.nasa.gov/solar-system/our-solar-system/overview คลิกดูรายละเอียดของดาวเคราะห์แต่ละดวงได้
💡 หนังสือย่อของหลุมดำ แปลจาก Black Holes and Time Warps : Einstein’s Outrageous Legacy

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา