14 มิ.ย. 2021 เวลา 12:56 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ขวัญผวา ตอน วิญญาณตามกลับ
เดอร์ริคเหนื่อยมาก เขานอนดูรายการทีวีย้อนหลังเกือบตลอดทั้งคืนและเปิดดูหนังสือรุ่นของโรงเรียนมัธยมปลาย ตอนนี้เป็นเวลา 6:30 น. และเขาต้องเตรียมตัวไปโรงเรียน เขาลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ และพยายามลืมตา เขาพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น เขายืดตัวและถอนหายใจเสียงดัง ห้องของเขาเป็นห้องของวัยรุ่นทั่วไป โปสเตอร์วงดนตรีทั่วผนัง ขยะทั่วห้อง และเสื้อผ้าที่เกลื่อนไปทุกที่ เขาเดินไปที่ประตูและมุ่งหน้าไปที่โถงทางเดิน เขาเข้าห้องน้ำและอาบน้ำเสร็จในอีกสิบนาทีต่อมา
“ลูกรัก ลูกตื่นรึยัง?” เสียงแม่ของเขาตะโกนมาจากชั้นล่างในห้องครัว "ตื่นแล้วครับ! ผมกำลังจะลงไป” เดอร์ริคโยนเสื้อผ้าบางส่วนไว้ที่บนพื้นและเดินลงไปข้างล่าง ผนังข้างบันไดถูกตกแต่งด้วยภาพของครอบครัว พ่อแม่ น้องสาว และตัวเขาเอง รูปภาพวันคริสต์มาส วันขอบคุณพระเจ้า และปีใหม่ ราวบันไดไม้นั้นดูดีและเย็นสบายขณะเอามือแตะ
“นอนหลับเป็นไงบ้างลูกรัก?” แม่ถามขณะที่เขาเดินเตาะแตะเข้าไปในครัว “ก็ดีครับ...แต่เหมือนยังไม่นอนพอ” เขาพูดพร้อมลูบหน้า “เอาล่ะ ลูกต้องกินข้าวก่อนนะ ไม่งั้นลูกต้องรอจนถึงมื้อเที่ยงเลยนะ” แม่ของเดอร์ริกเป็นแม่ที่ดีมากๆ เธออยู่ในช่วงชีวิตที่ต้องเลี้ยงลูกสองคน และทุกครั้งต้องแน่ใจว่าลูกของเธอจะต้องไม่หิวหรืออด “ผมจะรอจนกว่าจะถึงมื้อเที่ยงครับ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะกินเลย” เดอร์ริกพูดขณะเดินไปที่ประตูบานเลื่อนช้าๆ
เธออยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่คิดว่าไม่พูดน่าจะดีที่สุด ลูกรักของเธอกำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเพื่อขึ้นรถ ข้างนอกกำลังอากาศดี ลมเย็นพัดเบาๆ ต้นไม้สั่นไหวตามลม เขาเดินไปที่บ้านของจอห์นนี่ในเวลาประมาณสิบห้านาที จอห์นนี่เป็นเด็กที่หน้าตาดี ไว้เคราแพะ แว่นตาเรย์แบนส์ และมีรถมัสแตงปี 1969 ที่พ่อของเขายกให้ในวันเกิดปีที่ 16 ของเขา
“ว่าไงพวก เป็นไงบ้าง” จอห์นนี่ถามขณะที่เดอร์ริคเปิดประตูรถเข้ามา “คนส่วนมาก จะดีใจกับวันศุกร์ละนะ แม่ชั้นก็กินข้าวอย่างบ้าคลั่งเหมือนเดิม” จอห์นนี่หัวเราะ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงดังก้อง พวกเขากำลังไปที่โรงเรียน
15.30 น. ในที่สุดมันมาถึง มันคือเวลาเลิกเรียน เมื่อถึงบ้านเดอร์ริคและจอห์นนี่ก็รีบออกจากรถออกรวดเร็ว “เฮ้ คืนนี้นายอยากมาเล่นเกมไหม?” จอห์นนี่ถาม พวกเขาไม่ได้เล่นเกมส์ด้วยกันมาหลายเดือนแล้วเนื่องจากเคอร์ฟิว จอห์นนี่เป็นคนประเภทเดียวกับเดอร์ริค นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยอมเป็นเพื่อนสนิทกับจอห์นนี่ เดอร์ริคตอบตกลง และตามที่เขาสัญญาไว้เขาไปที่บ้านของจอห์นนี่ เวลา 20.00 น. บ้านไม้สองชั้นพร้อมโรงจอดรถก็สวยดี แต่บ้านไม่มีรั้วกันเลย “เฮ้พวก! นายมาจริงๆ!” จอห์นนี่ตะโกนเมื่อเห็นเดอร์ริคเดินไปเข้าบ้านเขามา “ชั้นบอกนายแล้วหนิว่าจะมา เอาล่ะ ไปสนุกกันเถอะ” เดอร์ริคตอบ
23.00 น.… “ชั้นต้องกลับแล้ว แม่ชั้นจะเป็นบ้าแน่ ถ้าชั้นอยู่นานกว่านี้” เดอร์ริกบอกกับจอห์นนี่ “โอเค ได้สิ" จอห์นนี่เอื้อมมือไปหยิบกุญแจรถ “ไม่เป็นไร ถ้าพ่อแม่ของนายหลับอยู่ เสียงรถของนายจะปลุกพวกเขาอย่างแน่นอน ฉันเดินกลับเองได้” เดอร์ริคพูดขณะเดินไปที่ประตู “โอเค งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่าย ชั้นไปรับนะ” จอห์นนี่พูดขณะที่เดอร์ริกเดินออกจากประตูไป
มันเป็นคืนที่อากาศเย็นสบายและสดชื่น รอบข้างได้ยินเสียงนกฮูกอยู่ไกลๆ เดอร์ริคเดินเข้าไปตรงทางลัดในป่า เขากำลังมีความสุขกับบรรยากาศระหว่างทางเดิน จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงกระทืบเท้าดังขึ้นจากด้านข้างหลังของเขา เขาหยุดเดินและหันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นอะไรเลย ดวงจันทร์กำลังส่องแสงสว่าง ทำให้เขามองเห็นอะไรๆได้ง่ายขึ้น เขาหันกลับมาและเดินต่อไปอีกครั้ง เดอร์ริคคิดว่าเสียงนั่นน่าจะมาจากจอห์นนี่ จอห์นนี่กำลังพยายามแกล้งเขาอยู่แน่ๆ แต่คราวนี้มีบางอย่างทำให้เขารู้สึกขนคอตั้งขึ้น
“จอห์นนี่! ออกมาได้แล้ว! ฉันจะกลับบ้าน!” เดอร์ริคตะโกนขณะที่เขายังคงนิ่งอยู่ หัวใจเต้นแรง หายใจไม่ออก และเหงื่อชุ่มเพราะความกลัว เดอร์ริครู้สึกถึงบางอย่างที่นั่น แต่เขามองไม่เห็นมัน เดอร์ริคหันหลังกลับและมุ่งหน้ากลับบ้านต่อ ต้นไม้ก็เงียบผิดปกติ ไม่มีจิ้งหรีดร้องเจี๊ยก ๆ แล้วอยู่ๆเสื้อของเขาก็ถูกดึงอย่างแรง มันเกือบจะทำให้เขาล้มลงกับพื้น
“เฮ้! หยุดนะ! ปล่อยฉัน!” เขาตะโกนด้วยเสียงสั่นคลอน เขารู้สึกได้ถึงลมร้อนที่คอ ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังหายใจรดต้นคอเขาอยู่ “ชั้นไม่รู้ว่าแกต้องการอะไร แต่ได้โปรดปล่อยชั้นไปเถอะ” เดอร์ริกพูดขณะที่เขาพยายามรักษาสมดุลของร่างกาย เขามองไม่เห็นใครเลย ไม่มีเลย มือที่มองไม่เห็นได้ทุบเข้าที่หน้าของเดอร์ริก ทำให้เขากระเด็นไปชนต้นไม้ใกล้ๆ ตอนนี้เขากลัวว่าจะหมดสติแล้ว เดอร์ริกรู้สึกเจ็บจนไม่สามารถขยับตัวได้ เขามองเห็นลมหายใจของตัวเองในอากาศที่หนาวเย็นและรู้สึกกลัวมากๆกับสถานการณ์ที่อธิบายไม่ได้นี้
เดอร์ริกค่อยๆคลานไปพื้น เขารวบรวมทุกอย่างที่ทำได้และรีบลุกขึ้น วิ่ง แค่วิ่งไปให้เร็วที่สุด วิ่งให้เร็วเท่าที่ขาที่สั่นคลอนของเขาจะทำได้ เขาวิ่งอย่าไม่คิดชีวิตขณะที่ได้ยินเสียงกระทืบเท้า กระทืบเท้าซ้ำเข้าหาเขา และแล้วก็มีบางอย่างจับผมของเขาเอาไว้ เดอร์ริกกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกเหมือนผมถูกดึงออกจากหนังหัว “ปล่อยชั้นนะ! ชั้นไม่ได้ทำอะไรแกเลย! ชั้นไปทำอะไรให้แก ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น!” เดอร์ริกอ้อนวอนสิ่งที่มองไม่เห็น แล้วหมอกก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มันดูมืดมน ลางสังหรณ์บอกเขาว่ามันไม่ใช่คนอย่างแน่นอน “ได้โปรด…ได้โปรดปล่อยชั้นไปเถอะ” เดอร์ริคขอร้องอย่างหมดหวัง เขาไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร เขาตัวสั่นด้วยความกลัวที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วกระดูกสันหลังของเขา หมอกเคลื่อนเข้ามาใกล้ตัวเขาและเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ฝัน
มีน้ำหนักบางอย่างปะทะเข้าที่หน้าอกของเขา มันหนักเหมือนก้อนหินขนาดเท่าตัว เขานั่งพิงต้นไม้ รู้สึกเหมือนมีมือที่มองบีบรอบคอของเขาไว้ “ไม่! หยุดนะ! แกกำลังทำร้ายชั้นอยู่!” เดอร์ริกรวบรวมพลังแล้วพูดออกไป มือนั้นแข็งแรงอย่างมาก เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว ดวงตาและใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา คอของเขาเริ่มแห้ง ปอดของเขากำลังขาดออกซิเจน แล้วภาพทุกอย่างก็มืดลง
เดอร์ริคสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขา เขารีบลุกขึ้นและมองเข้าในกระจกเพื่อดูรอยมือที่คอ เขาดูเวลามันคือเวลา 01:30 น. ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นความฝัน จนกระทั่งเขาจำสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นได้ “อะไร… นั่นมันอะไรกันแน่?” เขาถามตัวเองขณะเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เป็นไรแล้ว เขาเดินออกไปที่โถงทางเดินเพื่อดูว่ามีใครตื่นขึ้นมาบ้าง
แต่ไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย เขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอน และพบว่ารูปภาพโปสเตอร์ทั้งหมดของเขาถูกรื้อทิ้งและเตียงของเขาขยับไปจากเดิม “เดี๋ยวก่อน เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ยังไม่เป็นแบบนี้เลยนี่?" เขาถามตัวเอง จริงๆแล้วเขาออกจากห้องไปเพียงนาทีเดียวเอง แล้วหมอกปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง ทันใดนั้นเดอร์ริคก็ถูกกดไว้ด้วยความกลัว "แกต้องการอะไรกันแน่! แกไม่ควรมาที่นี่ได้! นี่คือบ้านของชั้น! ออกไปซะ!" เดอร์ริคตะโกนใส่สิ่งที่ดูเหมือนไม่พอใจเขาอย่างมาก
ร่างเดอร์ริคลอยกระแทกกับประตูตู้เสื้อผ้า เดอร์ริคพยายามเอื้อมมือไปข้างหลังเพื่อคว้าอะไรบางอย่างและต่อสู้กลับ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เขาถูกโจมตีด้วยบางสิ่งที่เขาสามารถป้องกันตัวเองได้ เป็นวิญญาณที่ดูหม่นหมองและมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อย่างมาก กลิ่นเหมือนมีคนกำลังเผาอาหารบนเตา เดอร์ริคพยายามจะวิ่งไปปลุกพ่อแม่ของเขา เพื่อที่บอกให้พวกเขาหนี
แต่เขาไม่สามารถผ่านประตูไปได้ ไฟในห้องดับลง ในความมืดมิด เขาเห็นดวงตาสีเขียวสว่างสองดวงกำลังจ้องมองมาที่เขา เขาพูดอะไรไม่ออก ดวงตานั้นลอยอยู่กลางอากาศ เดอร์ริคไม่มีทางออกไปได้และไม่มีทางป้องกันตัวเองได้เช่นกัน “ทำไมแกถึงทำกับชั้นแบบนี้!?” เดอร์ริคพึมพำ “ชั้นไปทำอะไรให้แก!”
ดวงตาสีเขียวลอยอยู่กลางอากาศ มันเคลื่อนตัวเข้ามาหาเดอร์ริคอย่างช้าๆ แต่ละวินาทีดูเหมือนนานชั่วนิรันดร์ เดอร์ริครู้สึกถึงคลื่นความเย็นผ่านร่างกาย ไฟห้องกลับมาสว่างอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวหายไปแล้ว เขาเดินไปเปิดประตูและเดินไปที่ห้องโถง ขณะที่เดินลงบันได เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง? เขาควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ 'หมอกนั่นเข้ามาอยู่ในตัวชั้นเหรอ' เขาคิดกับตัวเอง
เขาเดินเข้าไปในครัวอย่างไม่ขัดขืน เขามุ่งหน้าไปที่ลิ้นชักทางด้านซ้ายของตู้เย็น เขาเปิดมันและหยิบมีดออกมา 'อะไรกัน!? ชั้นไม่อยากตาย! อย่า อย่าทำแบบนี้!' เขาทำได้แค่คิด แต่ขยับร่างกายเองไม่ได้ เดอร์ริคยกมีดขึ้นมาที่คอแล้วปาดเข้าไปอย่างสุดแรง เลือดกระเซ็นทั่วตู้เย็นสีขาวและพื้นกระเบื้อง เคาน์เตอร์เปียกไปด้วยเลือดของเดอร์ริคที่น่าสงสาร
เขาคร่ำครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้นประมาณสองสามนาที ก่อนที่จะยอมจำนนต่ออาการบาดเจ็บที่เกิดจากตัวเอง แล้วหมอกก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา