30 มิ.ย. 2021 เวลา 02:32 • นิยาย เรื่องสั้น
4.23. เสี่ยงชีวิตปล้นคุก
ม้าหยุนลู่ เจ้าสาวผู้อาภัพ - เตียวหุย ขุนพลฟ้าคำราม - สุมาอี้ กุนซือเต่าสมถะ
เช้าวันรุ่งขึ้น เตียวหุยค่อยสร่างเมา ไม่เจอทั้งจูล่งและคนสกุลม้า กลับพบเห็นเพียงจดหมายสั่งลาจากม้าเฉียวที่ประกาศนำพรรคพวกสกุลม้าบุกเมืองเตียงอันอย่างกระทันหัน ระบุเพื่อช่วยเหลือญาติผู้ใหญ่ที่ถูกโจโฉจับตัวไปไว้ในคุก
หากเป็นคนอื่นก็คงไม่รู้ความนัยความหมายว่า ใครกันคือคนที่ถูกจับตัวไป หากแต่เตียวหุย-นางแอ่นในฐานะสมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์ ย่อมรู้อยู่เต็มอกว่า ญาติผู้ใหญ่ที่หมายถึง ก็คือ ม้าเท้ง สุดยอดนักหลอกลวงแห่งยุคสมัย
ดังนั้น แทนที่จดหมายสั่งลา จะทำงานตามกลยุทธ์ “จะจับแสร้งปล่อย” ตามที่ม้าเลี้ยง บัณฑิตคิ้วขาววางแผนไว้ หวังใช้ความเป็นมิตรสหาย เพียงแค่ฉุดลากขุนพลฟ้าคำราม เตียวหุยให้ต้องตามไปช่วยเหลือตามฐานะพรรคพวกเดียวกันตามประสาคนมีน้ำใจห้าวหาญเท่านั้น
หากแต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้กลับกลายเป็นการฉุดลากเอาพวกหน่วยปักษาสวรรค์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ต้องเปลืองสมองกันอีกครั้งแล้ว มิฉะนั้น พวกตระกูลม้าและจูล่งคงจะต้องสิ้นชื่อก่อนเวลาอันควรด้วยภารกิจเสี่ยงตายช่วยนักโทษแหกคุกในเมืองเตียงอันอย่างอุกอาจเช่นนี้
ณ เมืองเตียงอัน ตอนบ่ายแก่ๆ กลุ่มทหารกองเสบียงห้าหกคน ผลักดันรถเข็นที่เต็มไปด้วยท่อนไม้ฟืน ฝ่ากองหิมะขาวโพลนที่กำลังละลายตามฤดูกาล เดินทางเข้าเมือง เหมือนกับทหารกองเสบียงทั่วไปทำกันในกิจวัตรประจำวัน
หากแต่พอเข้าเมืองได้แล้ว ผลักดันต่อไปจนถึงที่ลับตา ผู้คนกลับทิ้งรถเข็นไว้ข้างซอย แล้ววิ่งไปรวมตัวกันภายในช่องทางลับที่เจาะทะลุไปถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ทั้งหมดล้วนจ้องมองไปทางด้านหน้าที่เต็มไปด้วยทหารรักษาการณ์อย่างแน่นหนา
“ข้างหน้าคือคุกหลวง ดูจากจำนวนทหารที่อยู่หนาแน่นผิดสังเกต คาดว่า ท่านพ่อจะถูกกักขังอยู่ที่นี่” ม้าเจ๊กกล่าวสรุปตามที่สืบหาข้อมูลมาได้ สังเกตได้ว่า ระยะหลังมานี้ ม้าเจ๊กมักทำหน้าที่คล้ายเป็นสายเหยี่ยวการข่าว ทั้งสืบค้นข้อมูล ติดต่อเชื่อมโยง ปั้นแต่งเรื่องราว และเผยแพร่ข่าวสารตามที่ต้องการ
“พอฟ้ามืด เรา ม้าเจ๊กกับม้าหยุนลู่จะแยกย้ายกันออกไปจุดไฟเผายุ้งฉางและสถานที่อื่นๆพร้อมกันให้เกิดความวุ่นวาย พวกท่านจงฉวยจังหวะปะปนเข้าไปที่คุก ทำเหมือนเรียกให้คนไปช่วยแก้ไขสถานการณ์ แล้วบุกเข้าไปด้านใน หาทางช่วยเหลือเอาตัวท่านพ่อกลับมาก่อน อื่นๆค่อยว่ากันภายหลัง จุดนัดพบกำหนดเป็นด้านหน้าประตูเมืองทิศใต้ ก่อนฟ้าสาง ทุกอย่างต้องเสร็จสิ้น” ม้าเลี้ยง บัณฑิตคิ้วขาว ยังคงเป็นกุนซือหลักในการวางแผนสั่งการอีกครั้ง
มันส่งสายตาจ้องมองพี่น้องทั้งหมดอีกครั้ง เหมือนเป็นการปลุกปลอบขวัญให้แก่กัน แล้วชักชวนม้าเจ๊ก ม้าหยุนลู่จากไปทำงานด้านบุ๋น ทิ้งให้ม้าเฉียว ม้าต้าย และจูล่ง คอยลงมือด้านบู๊ตามนัดหมาย
จูล่ง ม้าหยุนลู่ คู่รักใหม่ สบสายตาก่อนแยกจากกันอย่างอาลัย คาดไม่ถึงว่า เพียงวันแรกของชีวิตครอบครัวกลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ นี่แหละชีวิตของนักสู้ในยุคสมัยไฟสงครามลามทุ่ง
แน่นอนว่า ม้าเฉียว ม้าต้าย คือ ตัวหลักตัวรองในงานการต่อสู้ให้กับสกุลม้ามาโดยตลอด ยิ่งเมื่อมีจูล่ง ม้าหยุนลู่มาเสริมด้วยอีกสองคน จึงถือว่า สกุลม้าเข้มแข็งกว่าเดิมมากนัก และนั่นก็เป็นภารกิจลับที่ม้าเลี้ยงภูมิใจนำเสนอให้กับบิดาอีกเรื่องหนึ่ง
ตามมุมมองของม้าเลี้ยงแล้ว นับจากที่น้องสาวม้าหยุนลู่หลุดพ้นจากการเป็นตัวประกันสกุลซุน มิต้องตกอยู่ภายใต้การสั่งการของพวกกังตั๋งอีกต่อไป ซ้ำยังได้ขุนพลมีชื่อเข้าร่วมเป็นเครือญาติกับสกุลม้า อีกทั้ง บิดาม้าเท้งสวมรอยเป็นโจโฉตัวปลอม ยึดกุมอำนาจรัฐบาลไว้ในมือ สามารถประเมินได้ว่า ศักยภาพในด้านกำลังพลไม่เป็นรองผู้ใด
ทางด้านกำลังทหารและพื้นที่ครอบครองเล่า บิดาอาศัยฐานะโจโฉปลอม ยึดกุมดินแดนรัฐบาล กองทหารฮั่นไว้ในมือแล้ว พวกคนต่อต้านถูกเข่นฆ่าสังหารไปมากโข เพียงเหลือพวกสกุลโจเป็นเป้าหมายถัดไป ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ มีพันธมิตรเสเหลียง หันซุย และชนเผ่าเกี๋ยง ตี ในมือ พร้อมรับพร้อมรุกไปด้วยกัน
ที่จริงแล้ว หากพวกมันได้เวลาอีกสักเล็กน้อย สามารถเข้าถึงคนสกุลเล่า แทรกซึมขุมกำลังเสฉวน เกงจิ๋วได้แล้ว แผ่นดินฮั่นสองในสามส่วนจะตกอยู่ในเงื้อมมือ ทำให้ภาพรวมของพวกมันเป็นปึกแผ่นขึ้นมากในคราวเดียว
เช่นนี้แล้ว ไม่ว่า ขุมกำลังสกุลโจ ซุน เล่า หรือสกุลอื่นใด ล้วนมิใช่คู่ต่อกร ทุกอย่างจึงเพียงรอวันเวลาในการประสานงานในขั้นสุดท้ายเท่านั้น
การที่ม้าเท้งถูกจับกุมตัวไป จึงคล้ายห่วงโซ่ที่ขาดหาย แผนการทุกอย่างใกล้สำเร็จเสร็จสิ้นอยู่แล้ว กลับถูกตัดขาดไปเปลาะหนึ่ง และเป็นข้อต่อที่สำคัญที่สุดในแผนการเสียด้วย พวกสกุลม้าจึงร้อนรนที่จะลงมือ เพื่อกลับมาคุมสถานการณ์ที่กำลังมีเปรียบให้ได้อีกครั้ง
ตกค่ำ คบไฟในจุดสำคัญในเมืองถูกจุดขึ้นตามปกติ เพื่อสร้างแสงสว่างให้กับคนสัญจรทั่วไป แต่แล้ว จู่ๆ กองทหารรักษาการณ์ในจุดสำคัญหลายแห่งกลับทรุดตัวลงหมดสติกันไปทีละคนสองคน จนเกิดความวุ่นวายโกลาหลไปทั่วทั้งเมือง
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องราวที่อยู่ในแผนการ หากแต่ม้าเลี้ยงทั้งสามเห็นเป็นโอกาสอันดี จึงส่งสัญญาณให้จุดไฟเผาขึ้นพร้อมกันตามนัดหมาย และถอนตัวออกไปจากจุดเกิดเหตุได้โดยง่าย แต่ก็ไม่วายที่จะงุนงงสงสัยถึงเหตุประหลาดที่เกิดขึ้น
นี่เป็นวิธีการผสมยานอนหลับแบบพิสดารโดยหมอฮัวโต๋อีกครั้ง ถึงแม้งานนี้ นกฮูกไม่ได้เดินทางมาเอง แต่ก็ได้สั่งความให้เตียวหุย-นางแอ่น หัวขวาน และเหยี่ยวดำ ทำงานประสานกันตามลำดับอย่างชัดเจน โดยมีโงโพ้ ฮ่วมอาเป็นหน่วยประสานงานในพื้นที่
หน่วยจู่โจมทั้งสามคนแยกย้ายกันใส่ตัวยาชุดแรกในแหล่งน้ำผสมอาหารและน้ำดื่มของพวกทหารไว้ก่อน และโรยตัวยาชุดที่สองลงบนคบไฟ เมื่อตัวยาชุดที่สองนี้ ถูกเผาไหม้ระเหยออกมาในยามค่ำคืน ค่อยกระตุ้นการทำงานของตัวยาชุดแรก กลายเป็นยานอนหลับที่ไม่อาจตรวจพบได้ด้วยเข็มเงิน หรือวิธีการใดๆในยุคสมัยนี้ และสามารถจัดการกองทัพทั้งเมืองได้ในคราวเดียวกันโดยไม่ต้องลงแรง
ฝ่ายม้าเฉียวทั้งสาม มิได้ดื่มกินอาหารและน้ำเหมือนพวกทหารในเมือง จึงไม่รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด และเมื่อเห็นทหารรักษาการณ์ที่อยู่ด้านหน้าคุกหลวง ล้มหมดสติลง จึงเห็นเป็นโอกาสในการบุกเข้าช่วงชิงตัวนักโทษ รีบพังประตูเข้าไปด้านในทันที
ด้านในคุกชั้นแรก แบ่งเป็นห้องขังสี่ห้าห้อง แต่กลับเต็มไปด้วยกองทหารหลายสิบคน โดยมี เตียวคับ ซิหลง มาเป็นผู้ดูแลกองเอง ทั้งหมดหมดสติ แน่นิ่งอยู่กับที่ นี่หากไม่มีตัวยาสลบมาสะกดไว้ เห็นที พวกม้าเฉียวทั้งสามจะต้องตึงมือมากแล้ว
ม้าต้ายเลือดร้อน ขยับจะสังหารสองขุนพลพยัคฆ์ให้สิ้นซาก หากแต่ม้าเฉียวกลับสะบัดทวนป้องกันไว้ให้ พลางกล่าว “แอบทำร้ายผู้คนยามหมดหนทางสู้ มิใช่วิถีหาญกล้าของลูกผู้ชาย ปล่อยพวกมันไว้เช่นนี้เถอะ ทำตามแผนการไว้ก่อน”
ม้าเฉียวปรับสายตาให้ชินกับแสงมืดทึบของคุกเมือง กวาดตาดูภายในโดยรอบด้วยความคุ้นเคย เนื่องจากมันเคยยึดครองเมืองเตียงอันอยู่พักใหญ่ แล้วจึงชักชวนให้จูล่ง ม้าต้าย ลงไปต่อยังคุกใต้ดินชั้นล่างสุด ที่คุมขังนักโทษสำคัญทางด้านล่าง
ภายในห้องคุมขังบุคคลพิเศษ ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง ถูกใส่ตรวนผูกขึงทั้งแขนขา ลอยคว่ำหน้าอยู่กลางห้องตามลำพัง ผมเผ้าที่รุงรัง และความมืด ทำให้ดูไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ม้าต้ายจึงจุดไฟขึ้นพร้อมยื่นผ่านช่องลูกกรงเข้าไป นักโทษดวงตาปิดโปนจากการลงทัณฑ์​ ขยับใบหน้าหนีแสงสว่างกระชั้นชิด กลับกลายเป็นบังเต๊ก ขุนพลคนสำคัญฝั่งเสเหลียง ลูกน้องพวกตนที่ถูกจับกุมตัวมา มิใช่ ม้าเท้ง ตามที่คาดคิด
“ช่วยมันไว้ก่อน” ม้าเฉียวสั่งการ พลางลงมือฟันโซ่ตรวนที่พันรัดประตูห้องขังอย่างแน่นหนา แต่จูล่งฉุดมือห้ามไว้ พลางกล่าว “เวลามีไม่มากนัก หากต้องการช่วยบิดาท่าน จงเร่งกลับไปค้นหาในเมืองก่อน มิอาจมีภาระอื่นมาถ่วงรั้ง”
ม้าเฉียวได้สติ จึงสั่งให้ม้าต้ายอยู่จัดการช่วยเหลือบังเต๊กในทางนี้ ส่วนตนกับจูล่ง รีบวิ่งไปค้นหาม้าเท้งที่จวนเจ้าเมืองเป็นจุดหมายต่อไปก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะทันตั้งตัว
หัวขวานที่แอบเฝ้าดูอยู่บนหลังคาตึกนอกคุกหลวง เห็นม้าเฉียว จูล่ง ออกมามือเปล่า และม้าต้ายยังขาดหายไป แถมทั้งสองยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังจวนเจ้าเมือง ก็พอคาดเดาได้ว่า ภายในคงมิใช่จุดหมายสุดท้ายเสียแล้ว จึงรีบส่งสัญญาณพลุไฟไร้เสียงขึ้นฟ้า เพื่อให้พวกของตนดำเนินการตามแผนที่สองต่อไป
ส่วนตัวเองที่ไร้วิทยายุทธ์ รีบเหวี่ยงตัวไต่หลังคาด้วยเชือกตะขอ สับเปลี่ยนตำแหน่ง ราวกับจอมยุทธ์ผู้ชำนาญวิชาตัวเบา และขว้างทิ้งระเบิดเพลิงไปตามพื้นถนนรายทาง เพื่อสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในเมือง ดึงดูดให้กองทหารที่อาจจะหลงรอดจากยาสลบ ต้องรีบออกมาแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป
มิคาด แรงระเบิดเพลิงชุดแรกกลับผนวกเข้ากับคลังเสบียงสุราในบริเวณใกล้เคียง เกิดเป็นแรงบวกรุนแรง กลุ่มไฟพุ่งกระแทกใส่อาคารเรือนจำด้านบน จนพังทลายลงไปถึงภายในคุกใต้ดิน ร่างของบังเต๊กที่แขวนอยู่นั้นหล่นหายลงไปตามกองสลักหักพังและเปลวเพลิงลามเลียไปทั่วพื้นที่
ม้าต้ายมองผ่านลูกกรงไม้หนา เห็นว่าสุดวิสัยจะช่วยเหลือ จึงได้แต่ถอนตัวเอาชีวิตให้รอดก่อน แต่ภายใต้กลุ่มหมอกควันไฟ กลับคล้ายชนกระแทกเข้ากับสิ่งใดไม่ทันรู้ตัว และซวนเซไปเหยียบเอาร่างที่หมดสติของนายทหารคนหนึ่งจนทำให้รู้สึกตัวขึ้นมาจากฤทธิ์ยาสลบได้ก่อนเวลาอันควร และทำให้ช่วยเหลือพรรคพวกบางส่วนออกมาจากคุกได้ก่อนถูกเปลวไฟครอกทำลาย
การกระทำที่บังเอิญเกิดขึ้นนี่เอง ที่กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงอีกเสี้ยวส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ในอนาคตไปได้ มิเช่นนั้น สองขุนพลพยัคฆ์ ซิหลง เตียวคับ คงตายไปในกองไฟ เพราะหมดสติด้วยฤทธิ์ยาสลบไปแล้ว
กลับมาทางด้านลานกว้างภายในจวนเจ้าเมือง ม้าเฉียว จูล่ง ไม่ต้องเสียแรงค้นหาตัวม้าเท้ง เพราะมีนักโทษชายนอนนิ่งอยู่คล้ายหมดสติ ถูกใส่ตรวนทั้งมือทั้งเท้า ตรึงร่างไว้แนบพื้น ยึดติดอยู่กับพื้น ภายในกรงขังขนาดใหญ่ที่กลางลานนั้นอย่างชัดเจน
รอบด้านเป็นที่โล่งกว้าง สว่างไสวด้วยแสงจากคบไฟ และรายล้อมไว้ด้วยทหารนับร้อยนาย ปรกติจึงยากต่อการช่วยเหลือ หากแต่ด้วยความสับสนวุ่นวายของการหมดสติไม่รู้สาเหตุนั้นเอง จึงเป็นช่องว่างพอให้จู่โจมได้
ทหารผู้น้อยส่วนใหญ่แน่นิ่งหมดสติอยู่กับพื้น มีเพียงนายทหาร และเหล่าทหารชุดองครักษ์ที่กำลังช่วยแก้ไขอยู่ นั่นเป็นเพราะนายทหาร และเหล่าองครักษ์ ดื่มกินอาหารชั้นดีจากครัวใน แตกต่างไปจากพวกทหารทั่วไป จึงไม่ได้รับตัวยาชุดแรกเข้าไปในร่างกายนั่นเอง
ม้าเฉียว จูล่ง พุ่งตรงเข้าไปที่กลางลาน เกาะประตูกรงขัง มองเห็นถนัดว่าเป็นม้าเท้งแน่นอน จึงเรียกขาน “ท่านพ่อ” หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา สร้างความสะเทือนใจให้กับม้าเฉียวคนซื่อที่เข้าใจว่า สู้อุตส่าห์บุกเมืองชิงคน กลับพบแต่ร่างไร้วิญญาณของบิดา จนมิอาจควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่านไว้ได้
มันร่ำร้องคร่ำครวญอยู่สักครู่หนึ่ง ไม่สนใจการฉุดรั้งของจูล่งที่กำลังชักชวนให้รีบหลบหนี เสียงม้าเท้งจึงดังขึ้น โดยไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย คล้ายต้องการให้เพียงทั้งสองคนได้ยิน “เจ้าลูกไม่รักดี เสียแรงที่ข้านึกว่า ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก มีปัญญา หากแต่ดันขาดไหวพริบปฏิภาณ ข้าอุตส่าห์แสร้งตายหวังรอจังหวะหลบหนี แต่พวกเจ้ากลับวิ่งเข้ามาหากับดัก นี่คงฉุดรั้งข้าให้ตายตามไปด้วยจริงๆแล้ว ที่นี่วางกับดักระเบิดเอาไว้โดยรอบ จงรีบล่าถอยไปโดยเร็ว”
ม้าเท้ง จอมลวงโลกยังมีไม้เด็ดไม่สิ้นสุด นอกจากวิชาหดกระดูกแปรงสภาพแล้ว ถึงกับฝึกฝนวิชาเต่าจำศึลจากแดนตะวันตกไว้ก่อนล่วงหน้า พอถูกจับกุมได้ ก็รีบทำเป็นกินยาพิษตาย แต่ที่จริง เพียงแค่เข้าสู่สภาวะนิ่งสงบ รอคอยเวลาไร้ผู้คนเพื่อหลบหนีไปอีกครั้ง
เพียงแต่สุมาอี้ดันสอดแทรกวางแผนใช้ซากศพเป็นกับดัก ทอดเวลาการทิ้งทำลายซากศพให้ยืดเยื้อยาวนาน ทำให้ม้าเท้งไม่อาจทำได้ตามแผนการที่เตรียมไว้
แต่ที่จริง จะตำหนิม้าเฉียวคนเดียวก็ไม่ถูกต้อง ถ้าหากม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก ไม่มีปัญญา ขบคิดตีความร่องรอยที่วางไว้ไม่ได้ เหตุการณ์ชิงตัวครั้งนี้ ก็ไม่เกิดขึ้น ป่านนี้ ม้าเท้ง ก็อาจจะยังสงบนิ่งต่อไป เพียงเนิ่นนานอีกสักหน่อย เพราะพวกโจโฉคงไม่ถอดใจง่ายๆเช่นกัน
ม้าเฉียวตกตะลึงในท่าทีคำพูดของม้าเท้ง หากแต่ยังไม่ทันขบคิดอะไรมากมาย รีบฉุดกระชากประตูกรงขังออกจนหลุดติดมือออกมา แต่แล้ว จูล่งฉุกคิดขึ้นได้ รีบกระชากตัวของม้าเฉียวล้มลงไปทางด้านหลังทันที
เสียงตูมดังสนั่น พร้อมทั้งควันดินคละคลุ้ง และเปลวไฟลุกโชน ร่างของม้าเท้งที่เคยอยู่ตรงหน้า แหลกเหลว ชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจาย ไม่คาดคิดว่า การที่ม้าเฉียวดึงประตูกรงขัง กลับกลายเป็นการกระตุ้นกลไกให้กับดักระเบิดทำงาน พวกสกุลโจไม่คิดรักษาซากศพอยู่แล้ว จึงพร้อมทำลายให้สิ้นซาก นับเป็นการวางแผนอย่างอำมหิต เพื่อสังหารยอดขุนพลแบบไม่ให้ทันรู้ตัว
ม้าเฉียวที่เพิ่งรับรู้ไม่นานว่า ม้าเท้ง บิดาตนยังไม่ได้ถูกสังหารตาย แต่ซุ่มวางแผนอยู่นานหลายปี นึกตำหนิตนเองที่วู่วามผลีผลามช่วยคน จนเกิดระเบิดขึ้นเช่นนี้ กลับกลายเป็นว่า ตนเองคือต้นเหตุให้บิดาต้องตายอย่างอนาถ น้ำตาจึงไหลพรากด้วยความเจ็บใจหลั่งไหลเต็มใบหน้า เหวี่ยงทวนเปะปะหมายสังหารเหล่านายทหารที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อล้างอาย ระบายแค้น
ยังคงเป็นจูล่งอีกเช่นเคยที่พยายามฉุดรั้งไว้ พร้อมกับกล่าวเตือนสติ “ผู้คนก็ตกตายแล้ว คนเรามีน้อยกว่า รีบหนีกันก่อนเถิด”
วุยก๋ง โจโฉ พร้อมทั้ง แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน เคาทู และสุมาอี้ ล้วนปรากฏตัวขึ้นบนระเบียงชั้นสองอย่างพร้อมเพรียงกัน มองลงมาดูเหตุการณ์กลางลานด้านล่าง เป็นการตอกย้ำแผนลวงวางเหยื่อล่อสังหารขุนพลหัวสิงห์
ม้าเฉียวเห็นตัวการใหญ่ยืนอยู่ใกล้ชิดเพียงนั้น จึงดิ้นรนอีกครั้ง หมายจะกระโดดขึ้นแลกชีวิต แต่แฮหัวเอี๋ยน จอมแม่น ฉวยเกาทัณฑ์ยิงลงมา ปักเข้าที่ไหล่ขวาของม้าเฉียวอย่างแรง และยิงใส่จูล่ง ศัตรูตัวฉกาจด้วยอีกคน
เห็นจูล่งหมุนข้อมือวูบหนึ่ง ลูกเกาทัณฑ์สังหารกลับตกอยู่ในมือของขุนพลเมฆขาวได้อย่างง่ายดาย ฝีมือการรับมือกับเกาทัณฑ์สุดพิสดาร จนผู้คนที่พบเห็นต่างตะลึงลานไปทั่วกัน แม้แต่แฮหัวเอี๋ยนเองยังต้องแอบยกย่องชื่นชมอยู่ในใจ
เสียงคำรามดังสนั่นมาจากทางด้านหน้าประตูใหญ่ เรียกความสนใจจากทุกคนในจวน เตียวหุย ขุนพลหน้าดำร่างท้วม กับทหารเลวอีกสองคน ถึงกับช่วยกันลากเอาเครื่องยิงก้อนหินมาจากไหนไม่ทราบ ตั้งป้อมระดมยิงกระสุนรูปร่างพิสดารที่กำลังไหม้ไฟ เข้าใส่ระเบียงชั้นสอง แตกกระจายกลายเป็นเพลิงลูกใหญ่ลุกไหม้บนอาคารอย่างรวดเร็วหลายแห่ง พวกทหารด้านล่างพยายามเข้าไปหยุดยั้ง แต่ไม่อาจผ่านด่านของเตียวหุยไปได้
แฮหัวเอี๋ยนตาดี มองเห็นว่า กระสุนพิสดารนั้น ที่แท้ก็คือไหสุราหลายไหผูกรวมกันไว้ด้วยแหเชือกตาข่าย และถูกจุดชนวนไว้ด้วย จึงเปลี่ยนเป้าหมาย พยายามยิงเกาทัณฑ์สกัด แต่พลังเกาทัณฑ์ยังคงต้านแรงกระสุนดีดของเครื่องยิงไม่ได้ หากไม่ทะลุผ่านก็ปักติดกับไหสุรา ไม่อาจยับยั้งได้เลย
กลุ่มไหสุราจึงลอยละลิ่วตามแรงส่งมากระทบอาคารแล้ว พอของเหลวภายในแตกกระจาย ไฟก็ลุกไหม้ไปตามน้ำสุรา จนทำให้อุปกรณ์ประดับห้องต่างๆพลอยติดไฟลามไปทั่ว แฮหัวตุ้นจึงรีบสั่งความให้ช่วยกันนำพาวุยก๋ง โจโฉ หนีอัคคีภัยไปก่อน
จูล่ง เตียวหุย จึงรีบอาศัยจังหวะวุ่นวายดังกล่าว ช่วยกันลากตัวม้าเฉียวและม้าต้ายที่เพิ่งตามมาถึง หลบหนีออกไปจากเมือง สมทบกับพวกตระกูลม้าที่รออยู่ในจุดนัดหมายแล้วหลบหนีกลับไปที่ซ่อนตัวโดยเร็ว
เมืองเตียงอัน อดีตเมืองหลวงยามฉุกเฉิน จึงคล้ายดั่งขุมนรกแดนดินที่กำลังเต็มไปด้วยเปลวไฟ ลุกไหม้ไปทั่วทั้งบริเวณ เหล่าทหารรักษาการณ์กว่าครึ่งยังไม่ฟื้นคืนสติ ไม่มีกำลังพลพอยับยั้งอัคคีภัย จึงกลายเป็นเพลิงไหม้เผาเมืองครั้งใหญ่ไปอีกรอบหนึ่ง
หัวขวาน และเหยี่ยวดำที่ปลอมตัวเป็นทหารเลวฉุดลากรถฟ้าลั่นเมื่อครู่ รีบแยกย้ายหลบหนีออกจากเมืองจนถึงที่ปลอดภัย พบพานโงโพ้ ฮ่วมอา ค่อยหันกลับมาดูสภาพความเสียหาย เห็นว่า เมืองเตียงอันลุกโชนด้วยแสงไฟ ตัดกันกับกองหิมะที่หลอมละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว จนต้องถอนหายใจ นึกสงสารประชาชนที่พลอยมาเดือดร้อนไปด้วยกับแผนฉุกละหุกของพวกมันในครั้งนี้
“เกรงว่า โจโฉจะไม่ยอมหยุดยั้งเพียงแค่นี้ คนสกุลม้าคงกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจ และแรงพยาบาทอาฆาตของมันไม่เป็นสอง รองใครในปฐพี หวังว่า พี่กระตั้วจะสามารถดำเนินตามแผนการ ดึงความสนใจของมันออกไปจากจุดนี้ได้โดยเร็ว” เหยี่ยวดำกล่าวลอยๆ ทิ้งสายตาไปทางเมืองหลวงฮูโต๋ที่กระตั้ว- กาเซี่ยงเดินทางกลับไปถึงเรียบร้อยแล้ว
คนเล่นพิณ นักทำนายร่างทรง และองครักษ์ถือทวนยืนจ้องมองมหันตภัยครั้งใหญ่ของเมืองเตียงอันจากอีกทิศทางหนึ่งเช่นกัน ยังไม่ทันเข้าเมือง กลับพบพานเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้
พวกมันอุตส่าห์เดินทางมาทางตะวันตกเฉียงเหนือตามนัดหมาย หวังได้เจรจาต่อรองกับ “โจโฉ” ตามที่สายข่าวแจ้งมา แต่ในขณะเดียวกัน ก็ให้ “หนึ่งลับ” สืบค้นข้อมูลเบาะแสเพิ่มเติม เพราะ “โจโฉ” ในระยะหลังนี้ มีพฤติกรรมประหลาดพิกล ไม่เหมือนตัวตนดั้งเดิมมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ขบถปราสาทนกยูงทองแดงแล้ว และไม่มีเหตุผลอันใดเลยที่ “โจโฉ” จะมาคุ้นเคยกับเครือข่ายของสำนักหุบเขาปีศาจได้แจ่มชัดเช่นนี้
จริงดั่งคาด หลังจากการส่งบททดสอบ “หมันทอง” ไปลงมือลอบสังหาร คาดว่า ต้องมีคนสวมรอยแทนตัวโจโฉอย่างแน่นอน และบุคคลที่ต้องสงสัยก็คือ ทัวปาลี่เวย พ่อตาของโจผี อดีตหัวหน้าเผ่าเซียนเปยที่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์วุ่นวายครั้งนั้น
ก่อนหน้านั้น ทัวปาลี่เวยก็เคยเป็นตัวจักรสำคัญในการเชื่อมโยงติดต่อกับกลุ่มขบถต่างๆที่มีชื่อร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งต่อมา คนทั้งหมดล้วนกลายเป็นเป้าหมายในการกำจัดของ “โจโฉ” ไปแล้วทั้งสิ้น ราวกับเป็นการตัดตอนเครือข่ายที่เคยเชื่อมโยงกันมาก่อน
ที่จริงแล้ว มันพอคุ้นเคยกับทัวปาลี่เวยมาบ้าง อย่างไรก็ไม่เชื่อว่า ทัวปาเฒ่าจะสามารถก่อเรื่องราวได้มากมายเช่นนี้ แต่เมื่อมีเบาะแสหนึ่งพูดถึงว่า ทัวปาลี่เวยก็อาจจะมิใช่ตัวจริง ทำให้มันนึกถึงบุคคลผู้หนึ่งที่มีศักยภาพเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นคนตายไปแล้ว เป็นม้าเท้ง ผู้นำขุมกำลังเสเหลียง อดีตพันธมิตรเก่าของมันเอง
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งให้พวกมันต้องถ่อร่างออกจากหุบเขาละทิ้งอดีตมาถึงเมืองเตียงอัน คาดหมายว่า “โจโฉ” พร้อมจะชี้แจงเงื่อนงำอันใด แต่ก็สายเกินไป โจโฉตัวจริงคงจับกุมตัวปลอมได้แล้ว จนส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตรงหน้า
แม้จะเป็นม้าเท้งจริงตามที่คาดไว้ แต่ครั้งนี้ เจ้าอาชาเหล็กคงมิอาจคืนชีพมาได้อีกแล้ว
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา