1 ก.ค. 2021 เวลา 01:39 • นิยาย เรื่องสั้น
4.24. ขบถสองนางพญา
ซุนฮิว (สือฮิว) เจ้ากรมอาลักษณ์ - เตียวเฟิง เอียนซี ขบถสองนางพญา
ฝ่ายนางเปียนสี หรือนางเตียวเสี้ยนเดิม ซึ่งที่แท้จริงคือ เตียวเฟิง ดาวนางงาม พรรคฟ้าเหลือง ได้รับข่าวลับจากขุนพลเตียวคับ ดาวอำพรางแห่งขุมกำลังสัตตดารา แจ้งเหตุการกลับมาทวงบัลลังก์คืนของโจโฉ เพื่อล้างแค้นม้าเท้งกับตนเอง ก็ตกใจ หากแต่รับรู้ว่า นางยังไม่ใช่เป้าหมายแรก เลยทำใจดีสู้เสือ เฝ้ารอดูท่าทีไปก่อน
เตียวเฟิงสังเกตความเปลี่ยนแปลง จนเห็นการเคลื่อนไหวของพวกโจผี โจหยิน และกาเซี่ยง ที่พร้อมใจกันหายหน้าออกไปจัดการกับม้าเท้ง-โจโฉตัวปลอม กันหมดสิ้น กลับเปิดช่องให้เมืองหลวงว่างโล่งเกินคาด เห็นที นางจะต้องคิดการณ์ใหญ่เสียแล้ว
ช่วงเวลาหลายปีที่แฝงเร้นอยู่ในเมืองหลวงนี้ นางก็พอจะมีเส้นสายโยงใยอยู่ในระดับสูงที่ไว้วางใจได้บ้างเหมือนกัน ฝ่ายทหารนั้น เป็นถึงระดับหัวหน้าองครักษ์พิทักษ์ฮ่องเต้ นับเป็นคนที่วางใจได้ เพราะเตียวเลี้ยวเป็นคนแนะนำเข้ามาให้เอง แม้ว่ายามนี้ ยังเป็นแค่นายทหารระดับรอง ไร้ชื่อเสียงปรากฏ แต่ก็สร้างผลงานสำคัญสะสมมาไม่น้อย
ส่วนฝ่ายขุนนาง ก็เป็นคนที่นางค้นพบจุดอ่อนโดยบังเอิญ ในขณะที่มันแฝงตัวอยู่ในคราบของอาลักษณ์ ผู้ตรวจรับหนังสือให้กับโจโฉ คนอื่นรู้จักมันในนามสือฮิว แต่นางแอบพบว่ามันคือ ซุนฮิว มีศักดิ์เป็นหลานชายที่วัยใกล้เคียงกันของซุนฮก กุนซือค้างคาวที่อื้อฉาวในอดีต
ช่วงก่อนนั้น การเมืองพลิกผันวุ่นวาย จู่ๆซุนฮกก่อการอุกอาจจนตกตายไปในคุกหลวง ทำให้ซุนฮิว-สือฮิว ที่เร้นกายเป็นเส้นสาย คอยช่วยเหลืออยู่อย่างลับๆ กลัวเภทภัยถึงตัว จึงต้องพลอยปกปิดงำประกายตนเองไปด้วย
นอกจากนั้นแล้ว อีกคนหนึ่งที่กลายเป็นพันธมิตรเร้นลับ ก็คือ นางเอียนซี ที่มีความแค้นอยู่กับโจผี แต่มิอาจทำตามใจตนเอง ต้องยอมตกเป็นภรรยา เพื่อรักษาชนเผ่าเซียนเปยเอาไว้ และหลบซ่อนตัวเองให้ห่างจากโจผี จอมอำมหิต ด้วยการใช้เด็กน้อย โจยอย และสุมาสู สุมาเจียวบังหน้า คอยหาเหตุไม่อยู่ใกล้ชิดตามวิสัยสามีภรรยา
เรื่องนี้ อาจเพียงทำให้โจผีหงุดหงิด รำคาญใจอยู่เนืองๆ แต่เตียวเสี้ยนสังเกตเห็นมาโดยตลอด และยิ่งเห็นจังหวะที่เกิดปัญหาความรักสามเส้าเรื่องนางกุยฮุยขึ้นมาแทรกกลาง นางจึงใช้เป็นสะพานในการดึงตัวเอียนซีเข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมกันก่อการในครั้งนี้
หลังจากที่ได้ปรึกษากับซุนฮิวแล้ว นางเปียนสีจึงใช้สถานะภรรยาหลวงของวุยก๋ง ออกหน้าจัดการเรื่องราวทั้งหมด ทำจดหมายปลอม แอบอ้างคำสั่งของโจโฉ อ้างเหตุคลุมเครือว่า โจโฉพร้อมก่อการณ์ยึดอำนาจ ปฏิวัติตนเอง ล้มล้างราชวงศ์ฮั่นแล้ว
นางสั่งการให้นางเอียนซี ชักนำกองกำลังตระกูลโจ เข้ามาควบคุมตัวกษัตริย์เหี้ยนเต้เอาไว้ให้เป็นเงื่อนไขผูกมัด โดยส่งสัญญาณให้หัวหน้าองครักษ์วังหลวง และซุนฮิว เจ้ากรมอาลักษณ์คอยเปิดทางสะดวกให้กับกองกำลังสกุลโจ แต่ยังคงนัดแนะให้ทั้งสองปกปิดฐานะเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งออกนอกหน้าว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน เผื่อว่า ยามฉุกเฉิน อาจจะกลายเป็นหมากซ่อนเร้นให้กับฝ่ายนางได้อีกทอดหนึ่ง
นอกจากนั้น หมากเหนือชั้นนอกกระดานที่ซุนฮิวแนะนำได้อย่างสุดยอด คือ การบุกเข้าจับกุมนางซัวบุ้นกี และตังชง ซึ่งเป็นเสมือนกล่องดวงใจของโจโฉ และตกอยู่ในการดูแลกึ่งควบคุมตัวของเทียลิด พ่อบ้านใหญ่ อยู่ที่ปราสาทนกยูง เอาไว้เป็นตัวประกัน โดยซ่อนเอาไว้นอกเมืองเป็นการล่วงหน้า เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งไม้ตายครั้งนี้ กลับอยู่นอกเหนือความคาดเดาของผู้คนจริงๆ
จากนั้น ซุนฮิว ซึ่งเป็นตำแหน่งนายอาลักษณ์ จึงทำหนังสือปลอม แอบอ้างว่า โจโฉเรียกตัวโจเจียง เตียวเลี้ยว ยกทัพกลับจากเมืองหับป๋า เพื่อเข้ามายึดอำนาจในเมืองหลวง กลับกลายเป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้โจโฉ ซึ่งตัวจริงยังอยู่ถึงเมืองเตียงอัน ให้กลายเป็นหัวหน้าก่อการขบถเสียเองแล้ว
ภาพรวมของสถานการณ์ปฏิวัติเงียบในเมืองหลวงเป็นไปด้วยดี จนเป็นที่น่าพอใจ นางเตียวเฟิง ทายาทแห่งพรรคฟ้าเหลือง จึงเหลือเพียงเชื่อมโยงให้ถึงพี่ใหญ่ เตียวหยุน-เตียวจูล่ง และขุนพลเตียวคับ ให้ร่วมกันลงมือจู่โจมข้างกายโจโฉ และพวกอย่างกระทันหันให้ได้ ปัญหาเรื่องโจโฉก็จะหมดสิ้นไปเอง
เมื่อโจเจียงลูกรัก กับเตียวเลี้ยว ดาวขุนพล เข้ามาคุมเมืองหลวงได้แล้ว การกำจัดคนอื่นที่เหลือ ก็ไม่ยากเกินความสามารถ พรรคฟ้าเหลืองจะกลับมายิ่งใหญ่ด้วยฝีมือของนางพญาดาวนางงาม เตียวเฟิง ทายาทที่แท้จริงของอดีตผู้นำเตียวก๊ก
จากการประเมินสถานการณ์โดยรวมแล้ว นางกลับต้องการรุกคืบ กินดินแดนทางใต้และดึงเอาตัวกุนซือชั้นดีที่ควบคุมได้เข้ามาเสริมทัพ นางจึงตัดสินใจใช้ความลับที่นางกับจูล่งเก็บซุกซ่อนไว้นานปี บอกเล่าให้ซุนฮิวได้รับรู้อีกคนหนึ่ง
เป็นความลับเรื่องทายาทที่แท้จริงของขงเบ้ง กุนซือมังกรซ่อน ซึ่งถูกสลับตัวเข้ามาอยู่ในสกุลโจตั้งแต่แรกเกิด ทำให้จูกัดหิมกลายเป็นโจหิม และโจเสี้ยนกลายไปเป็นเล่าเสี้ยน เปลี่ยนตำแหน่งสถานะกัน โดยที่ผู้ตายในครั้งนั้นคือเล่าเสี้ยน-อาเต๊าตัวจริง เด็กน้อยโจหิม-จูกัดหิม จึงเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกพาตัวกลับมาจากปราสาทนกยูง เข้ามาในวังต้องห้าม เพื่อใช้เป็นตัวประกัน
หนังสือลับข่มขู่ถึงขงเบ้งจึงถูกส่งออกไป หวังให้ความลับนี้ จะสร้างความหวั่นไหวแก่ขงเบ้ง จนต้องเปลี่ยนฝ่ายมาร่วมมือกับพรรคฟ้าเหลืองแทน แรงกดดันทางใต้ก็จะพลอยจบสิ้นไปในคราวเดียวกัน
นารีคิดการณ์ไกลไปถึงสองสามขั้นตอน แต่กลับกลายเป็นล้อเล่นกับเปลวไฟไม่ทันรู้ตัว เพียงเพราะแผนการที่ไม่สมบูรณ์แบบ กลับเกิดช่องโหว่จนสถานการณ์พลิกผันไปจนได้ อีกทั้ง จอมคนอย่างโจโฉมีหรือจะเปิดช่องโหว่ให้โจมตีโดยง่าย ภายหลัง นางเปียนสียังย้อนมาทบทวนและนึกเสียใจที่เชื่อมั่นซุนฮิวเกินไป จนดันไปตอแยผิดคน
ช่องโหว่แรก คือ กำลังฝ่ายตนที่ถูกลดทอนลงด้วยความเข้าใจผิดพลาด การที่ไม่ได้บอกความจริงให้กับขุนพลเตียวเลี้ยวตั้งแต่แรกเริ่ม การเรียกตัวโจเจียง เตียวเลี้ยวด้วยคำสั่งปลอมของโจโฉ โดยอาลักษณ์ซุนฮิว จึงเป็นเสมือนการเรียกหาจากวุยก๋ง โจโฉ มิใช่การระดมทัพเพื่อก่อการใหญ่ของพรรคฟ้าเหลือง
เตียวเลี้ยว ซึ่งเป็นสายลับสองหน้าให้กับฝ่ายทายาทมังกรด้วย จึงใช้โอกาสในการเลือกระหว่างการปฏิบัติตามคำสั่งทัพ หรือภาระหน้าที่ป้องกันประเทศ โดยอาศัยสถานการณ์ชายแดนระหว่างเมืองหับป๋า กับฝ่ายกังตั๋ง ที่คุกรุ่นมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ครั้งที่กำเหลง ขุนพลโจรสลัด นำกำลังพลแค่ไม่กี่ร้อยคน มาบุกเผายุ้งเสบียงเมื่อคราวก่อน ซึ่งทำให้โจเจียง เตียวเลี้ยว แค้นเคืองเป็นการส่วนตัวอยู่ด้วย
เมื่อเกิดข่าววงในเข้ามาว่า ฝ่ายกังตั๋งเคลื่อนกองทัพเข้ามาใกล้เมืองหับป๋าอีกครั้ง ราวกับจะทำสงครามใหญ่ให้แตกหัก เตียวเลี้ยวจึงตัดสินใจเลือกที่จะอยู่เฝ้าระวังเมือง พร้อมกับทหารส่วนใหญ่แทน ปล่อยให้โจเจียงนำทัพส่วนน้อย กลับไปรายงานตัวตามคำสั่งเท่านั้น กลับกลายเป็นการดึงตนเอง และกำลังทหารจำนวนมากออกจากฝ่ายของผู้ก่อการขบถไปโดยปริยาย
ทางด้านนี้ หากแม้นนางเปียนสีวางแผนครอบคลุมไปให้เตียวเจียว ดาวนักปราชญ์ รับทราบแผนการไว้ก่อน เตียวเจียวก็อาจจะมีอุบายอันใดชักจูงซุนกวน และโลซกให้เลื่อนกำหนดการโจมตีไปได้บ้างด้วยอีกประการหนึ่ง ไม่เปิดโอกาสให้เตียวเลี้ยวใช้เป็นข้ออ้าง วางกลซ้อนกลเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก
ช่องโหว่ที่สอง คือ กำลังฝ่ายต่อต้านที่เพิ่มขึ้น นางเปียนสีหลงลืมตัวละครสำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง นั่นคือ แฮหัวป๋า ทายาทของแฮหัวเอี๋ยน กับ โจจิ๋น โจฮิว ลูกโจหองที่พำนักอยู่ใกล้ๆปราสาท กลุ่มหนุ่มฉกรรจ์ที่เคยนำกองกำลังอาสาเข้าช่วยเหลือโจโฉที่ปราสาทนกยูงมาแล้วครั้งหนึ่ง และช่วยเหลือโจโฉตัวปลอมจัดการกับหมันทองที่นอกเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งไม้เด็ดที่โจโฉวางทิ้งไว้ควบคุมสถานการณ์ เป็นกุนซือในเงามืด เทียลิด
พอเปียนสีเริ่มปฏิบัติการณ์ชิงตัวประกันแม่ลูกซัวบุ้นกี และโจหิม ทำให้เทียลิดรู้ตัวในทันที แต่ด้วยความที่เปลือกนอกเป็นเพียงพ่อบ้านใหญ่ ไม่มีบทบาททางการเมือง ทำให้เทียลิดลอยนวล ไม่มีใครเสียแรงไปทำร้าย และสามารถเดินหมากลับได้ในทันที
พ่อบ้านใหญ่เทียลิดติดต่อกับกลุ่มเด็กหนุ่มซึ่งเรียกตนเองว่า สามเทพบุตร ล้อกันกับสี่เทวะรุ่นพ่อ และ เสี่ยวตัน องครักษ์คนสนิทของโจผี ที่มีวัยใกล้เคียงกัน และรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่ก่อนแล้ว อีกคนหนึ่ง
เทียลิดยังไม่ต้องการเปิดเผยฐานะตนเอง จึงได้แต่อ้างคำพูดเหลวไหลเปะปะกระตุ้นให้คนทั้งสี่ขบคิด และตั้งข้อสังเกตว่า การเรียกตัวนางเอียนซี และโจหิม เข้าวัง จับกุมตัวเหี้ยนเต้ นั้น ย่อมมิใช่วิสัยของวุยก๋ง โจโฉ ที่มักคิดการณ์รอบคอบจะกระทำ
หากจะก่อการจริงๆ ก็คงสั่งการกับพวกโจผี หรือรอให้โจโฉกลับมาถึงเมืองหลวงก่อน มิใช่ถอนกำลังหลักออกไป แล้วมาลงมือจากแดนไกล และยิ่งไม่สมควรจะเรียกใช้นางเอียนซี ซึ่งเป็นเพียงอิสตรีฝ่ายใน มาก่อการด้านการทหารเช่นนี้
แฮหัวป๋าที่อาวุโสสุดในกลุ่ม รับฟังคำทักท้วงแล้ว จึงตัดสินใจเตรียมกองกำลังพิเศษไว้รอรับคำสั่งที่เรือนพัก เพื่อรอดูความเปลี่ยนแปลง และฉวยโอกาสลงมือหากจำเป็น
ช่องโหว่ที่สาม คือ การติดต่อกับฝ่ายตนที่ล่าช้าเกินไป การแจ้งข่าวให้จูล่ง เตียวคับรู้ตัวรู้แผนนั้น ช้าเกินไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้นเอง หากทั้งสองล่วงรู้แผนการก่อนสักวัน ซึ่งก็คือ วันก่อนที่จะเกิดการลงมือชิงตัวม้าเท้ง และอัคคีภัยครั้งใหญ่ที่เมืองเตียงอัน
จูล่ง อาจจะประสานมือกับเตียวหุย และพวกตระกูลม้า ก่อการโจมตีไปที่โจโฉก่อน โดยมีเตียวคับเป็นไส้ศึกให้อีกแรง ข่าวโจโฉก่อการขบถน่าจะสร้างความปั่นป่วนให้กับกองทัพเมืองเตียงอัน จนทำให้การลอบสังหารทรราชย์เกิดขึ้นได้ไม่ยากเกินไป และการช่วยเหลือนักโทษม้าเท้งก็น่าจะสะดวกขึ้น
แต่พอการข่าวล่าช้าไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น สถานการณ์ฝั่งเมืองเตียงอันกลับเดินหน้าไปยังจุดที่พลิกผันที่ไม่อาจหวนคืนไปเสียแล้ว
ช่องโหว่สุดท้าย คือ การติดต่อกับฝ่ายตรงข้ามเร็วเกินไป การบีบบังคับขงเบ้งที่เป็นบุคคลอันตรายนั้น กลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะคนอย่างขงเบ้งย่อมมีหนทางที่แก้ไขสถานการณ์ได้ แทนที่จะต้องจำยอมตกเป็นเบี้ยในกระดานให้กับนักวางแผนมือใหม่อย่างเปียนสีกับซุนฮิว
สกุลจูกัดแม้จะมีส่วนสำคัญในเรื่องราวมานานหลายสิบปีตั้งแต่สมัยจูกัดกุ๋ยคนพ่อ แต่คนภายนอก น้อยคนจะรับรู้ความนัย ได้แต่นึกว่า จูกัดเหลียงคงมีเพียงพี่น้องไม่กี่คนที่ปรากฏชื่อ ไม่มีเบื้องหลังอันซับซ้อนซ่อนอยู่หลังฉาก
บุคคลอันตรายอย่างขงเบ้งยังมีคนสนับสนุนมากมาย ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงใช้พวกเล่าปี่ในการเคลื่อนไหวด้วยเรื่องส่วนตัวก็ได้
ช่องโหว่ความผิดพลาดมากมายเช่นนี้ จะกล่าวโทษซุนฮิว กุนซืองำประกายก็คงจะไม่ได้ เพราะอันที่จริง ซุนฮิวเองก็มีวาระซ่อนเร้นอยู่เช่นกัน เพราะมันก็คือ “หนึ่งลับ” ตัวจักรสายข่าวของสำนักหุบเขาปีศาจนั่นเอง
หลังจากที่กุนซือค้างคาว ซุนฮกถูกสังหารตายในคุกหลวง ซุนแจ้ง ผู้นำสกุลซุน จึงสั่งให้มันรับบทบาทเป็น “หนึ่งลับ” สืบต่อมาอีกทอดหนึ่ง ในขณะที่ “หนึ่งแจ้ง” ซุนกวนกำลังฉายแววผู้นำอยู่ทางฝั่งกังตั๋ง สะสมบารมีแทนที่ซุนเซ็กมาเรื่อยๆ
ครั้งนี้ มันเพียงเสแสร้งใช้สอยนางโจรเป็นเครื่องมือหน้าฉาก เปลือกนอก มันคล้ายถูกนางเปียนสียึดกุมความลับ จำต้องทนอยู่รับใช้ข้างกายอย่างอึดอัดคับข้องใจ แต่ที่จริงแล้ว เป็นมันเองที่แสร้งเปิดเผยร่องรอยให้ถูกนางจับได้ เพื่อเข้าถึงและควบคุมความคิดของนางโจรเตียวเฟิงมาโดยตลอด
แทนที่มันจะทำการให้รัดกุมถูกต้อง มันจึงซ้อนแผนวางหมากผิดพลาดให้เร่งร้อน และหละหลวม เพื่อดึงให้นางโจรติดกับดัก เผยโฉมหน้าอันร้ายกาจออกมาก่อน แล้วตัวมันเองอาจจะฉวยโอกาสให้เกิดประโยชน์ต่อพวกตนเอง
หากแม้นแผนนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ตัวมันก็ยังคงอยู่รอดในสถานะใหม่ที่ดีขึ้น แต่หากผิดพลาดพ่ายแพ้ ตัวมันก็เพียงชิงหลบหนีเอาตัวรอดในยามคับขัน อาลักษณ์ตัวเล็กๆคนหนึ่งหายหน้าไปจากความวุ่นวายกลางเมืองหลวงเช่นนี้ คงไม่เป็นที่สนใจมากนัก มันก็ยังพอจะหนีรอดไปยังเมืองอื่นได้ปลอดภัย
เรื่องแรกที่เกิดขึ้นทางด้านเมืองเตียงอัน จึงกลายเป็นภาพที่เตียวคับได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟไปแล้ว วันก่อน มันเฝ้าระวังที่คุกหลวง แล้วเผลอหมดสติไปเพราะพิษควันยาสลบ เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา เพราะมีคนเหยียบใส่โดยบังเอิญ
มันพอดีมองเห็นคุกที่กำลังพังทลาย รีบปลุกผู้คนรอบข้างได้ทันเวลา แต่พบเห็นว่า ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ใต้กองสลักหักพังด้านล่าง คล้ายมีคนติดอยู่ด้านล่าง จึงระดมคนปีนลงไปช่วยเหลือนักโทษคนสำคัญด้วยน้ำใจที่กล้าหาญ เป็นบังเต๊ก ขุนศึกใต้ร่มธงของตระกูลม้า ที่บาดเจ็บเจียนตายเช่นกัน
จากการเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือบังเต๊กไว้นี่เอง ทำให้บังเต๊กซาบซึ้งในบุญคุณ และผิดหวังต่อพฤติกรรมของฝ่ายม้าเฉียว จึงทดแทนน้ำใจด้วยการประกาศสวามิภักดิ์ต่อโจโฉแทน
แน่นอนว่า ในระยะสั้นนี้ การกระทำที่บ้าบิ่นของเตียวคับไม่ได้เกิดคุณประโยชน์ต่อพรรคฟ้าเหลืองเลย บาดแผลไฟลวกกลับทำให้เตียวคับไม่อาจเคลื่อนไหวมาช่วยเหลือพวกพ้องได้ในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่กลับซื้อใจคนสกุลโจได้ในระยะยาว
เรื่องต่อมา จูล่งที่ร่วมกับเตียวหุย ลากเอาตัวม้าเฉียวกลับมาจากการจู่โจมชิงตัวที่ล้มเหลว ล้วนแต่หมดสิ้นเรี่ยวแรง และบั่นทอนกำลังใจยิ่งนัก
ประกอบกับข่าวร่ำลือที่ฝ่ายโจโฉปล่อยออกมาโจมตีว่า ที่แท้จริงนั้น ม้าเท้งแอบแฝงเป็นขบถมาเนิ่นนาน แต่กลับถูกม้าเฉียวก่อเหตุวุ่นวาย จนทำให้เสียชีวิต ยิ่งทำให้พวกตระกูลม้าเซื่องซึม โศกเศร้า และใช้วาจาโทษกันเองไปมา ระหว่างม้าเฉียว ม้าต้าย ฝ่ายบู๊ กับ ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก ฝ่ายบุ๋น จนลามปามไปถึงปมต่างมารดากันอีกครั้ง
ม้าหยุนลู่ น้องสาวคนเล็กที่อยู่ตรงกลางของคนทั้งสองฝ่าย มีร่างกายที่ยังอ่อนเพลียอยู่จากการผ่าตัดครั้งก่อนเป็นทุนเดิม และว้าวุ่นใจที่ไม่อาจเป็นกาวใจให้ได้ จึงเป็นลมพับไปด้วยความสับสนวุ่นวาย การปะทะคารมของพี่น้องสองฝ่ายจึงยุติลงชั่วคราว
เมื่อจูล่ง ผู้เป็นหัวหน้าพรรคฟ้าเหลือง ประมุขแห่งขุมกำลังสัตตดาราได้รับสาส์นลับ จึงแค้นเคืองใจที่ข่าวมาล่าช้าไปเพียงเล็กน้อย และนึกกังวลที่แผนการผูกสัมพันธ์กับตระกูลม้าทางด้านนี้ ไม่อาจเดินหน้าได้เสียแล้ว
มันจึงได้แต่ตัดใจ แอบหลบหนี มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงตามลำพัง เพื่อเข้าไปบัญชาการรบด้วยตนเอง หวังยึดกุมโอกาสในการพลิกฟื้นพรรคฟ้าเหลือง กลับทิ้งให้ม้าหยุนลู่นอนซมด้วยพิษไข้อยู่ในห้องนอนตามลำพัง ผิดวิสัยของสามีภรรยาเพิ่งผ่านงานวิวาห์ที่ควรต้องอยู่ดูแลกันในยามทุกข์ยากเช่นนี้
กลับกลายเป็นเตียวหุย-นางแอ่นที่รู้สึกสังหรณ์ใจถึงความผิดพลาดของหมอฮัวโต๋-นกฮูก จึงคอยเฝ้าดูแลม้าหยุนลู่อย่างใกล้ชิด เพื่อจับตาดูความผิดปกติทางร่างกายที่เกิดขึ้น ขัดแย้งกับอุปนิสัยพื้นฐานของขุนพลขี้เมาอัปลักษณ์ไม่น้อย
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง กองทัพใหญ่ของโจโฉที่รับฟังสายข่าว รีบออกตัวปฏิเสธข่าวการปฏิวัติตัวเอง ล้มล้างราชบัลลังก์ พร้อมประกาศเคลื่อนพลกลับเมืองหลวง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และต้องการสืบค้นหาผู้บงการตัวจริง
เพียงทิ้งให้แฮหัวเอี๋ยน โจสิด และเอียวสิ้ว เฝ้าระวังเมืองหน้าด่านฮันต๋ง โจหอง และเตียวคับ บังเต๊ก ที่ได้รับบาดเจ็บ ให้เฝ้าระวังเมืองเตียงอันต่อไป คงเหลือแต่ โจโฉ สุมาอี้ แฮหัวตุ้น ซิหลง และเคาทู นำทัพใหญ่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงทันที
ทางแจ้งคือกองทัพใหญ่ของโจโฉที่กำลังเคลื่อนทัพกลับมาจากเมืองเตียงอันโดยเร็วตามมาตรฐานการเดินทัพแบบเกลียวคลื่นของฝ่ายโจโฉ หากแต่ทางลับ คือ โจผี โจหยิน และกาเซี่ยงที่ย้อนกลับมาตั้งแต่เสร็จสิ้นการสลับคืนตำแหน่งก่อนหน้านั้นแล้วหลายวัน และหยุดรอประเมินสถานการณ์อยู่นอกเมืองหลวง เมื่อได้ยินข่าวการก่อขบถในครั้งนี้
กาเซี่ยง กุนซือปีศาจจึงเสนอให้อ้อมเส้นทางเข้าไปตั้งหลักที่ปราสาทนกยูงก่อน จึงได้พบปะกับแฮหัวป๋า โจจิ๋น โจฮิว สามเทพบุตร และเสี่ยวตัน องครักษ์ชั้นดีที่รอรับคำสั่งอยู่ ทำให้มีกองกำลังอยู่ในมือ มากพอจะก่อการปฏิวัติซ้อนได้ทันที ส่วนเทียลิดนั้น ก็ทำตัวหายเงียบไปในเงามืดเช่นเคย ปล่อยให้กุนซือปีศาจออกโรงแทนได้อย่างวางใจแล้ว
พวกโจผีทั้งหมดไม่รั้งรอให้กองทัพใหญ่ของโจโฉมาถึง เพราะยินข่าวว่า ก่อเกิดกลุ่มปฏิวัติซ้อนจากพวกอำนาจเก่า และกองทัพน้อยของโจเจียง ฝ่ายนางเปียนสีใกล้จะมาถึงแล้ว อาจจะทำให้สู้รบได้ยากยิ่งขึ้น จึงชูธงรบของโจโฉขู่ขวัญขึ้นในทันที
ผู้นำกลุ่มอำนาจเก่าที่รวมกำลังกันทำปฎิวัติซ้อนครั้งนี้ ก็คือคนที่ยังให้การสนับสนุนฮกอ้วน และตัวสือฮิวนั่นเอง แสดงว่า การที่หมันทองคุมการประหารชีวิตอดีตพ่อตาฮ่องเต้ อาจจะเป็นแค่ละครตบตาฉากใหญ่ สุดท้าย ฮกอ้วนจึงยังคงมีชีวิตรอด และหมันทองไปเป็นหัวหน้ากลุ่มสังหารโจโฉในภายหลัง
พวกฮกอ้วนฉกฉวยโอกาสที่ฝ่ายปฏิวัติซึ่งอ้างคำสั่งของโจโฉยังไม่ทันระวังตัว ใช้กองกำลังเท่าที่มีนั้น ชิงลงมือบุกเข้าสู่วังหลวงโดยเร็ว และชักจูงให้กองทัพที่เหลือในเมืองหลวงให้เปลี่ยนข้างด้วย ทำให้ฝ่ายสองนางพญาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที
กองกำลังสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือดภายในวังหลวง ต่างหวังช่วงชิงกษัตริย์เหี้ยนเต้เป็นตัวประกัน หน่วยองครักษ์รักษาพระองค์ได้แต่ระดมกำลังออกมาป้องกันคนทั้งสองฝ่าย ไม่ให้เข้าถึงเขตพระราชฐานชั้นใน
เมื่อพวกโจผีนำกองกำลังสกุลโจเข้ามาในพื้นที่เป็นกลุ่มที่สี่ด้วยความเข้มแข็งมากบารมี ทำให้สถานการณ์รบพุ่งชะงักงัน คนฝ่ายสองนางพญาที่เกณฑ์พลมาจากสกุลโจล้วนย้ายข้างคืนสังกัดเดิม และคนฝ่ายอำนาจเก่าบางส่วนถอนตัวหลบหนีเสียแล้ว จนระดับแกนนำปฏิวัติทั้งสองฝ่ายเริ่มเสียกำลังใจ
และแล้ว หมากลับ หน่วยองครักษ์พิทักษ์กษัตริย์ก็เริ่มลงมือ แทนที่จะลงมือช่วยเหลือพวกนางเปียนสี กลับไล่ฆ่าฟันพวกนางโจรและกลุ่มอำนาจเก่าทั้งสองฝ่าย ตัวหัวหน้าองครักษ์ถึงกับลงมือฆ่าปิดปากกุนซือตัวสำคัญ ซุนฮิว ก่อนเลยด้วยซ้ำ ทำให้ฝันที่ซุนฮิววาดไว้ หมายจะจับปลาน้ำขุ่น สลายไปด้วยความตายก่อนคาดคิด
คนที่เหลือทำตาเหลือกลาน หนีตายจ้าละหวั่น ในขณะที่หัวหน้าองครักษ์ประกาศความผิด “เปียนสี และฮกอ้วน นำกองกำลังก่อการขบถ คิดยึดวังหลวง ฮ่องเต้มีบัญชาให้เรา จูกัดเอี๋ยน หัวหน้าองครักษ์วังหลวง ร่วมมือกับสกุลโจผู้ภักดี จัดการกับพวกขบถทุกคนได้ทันที ไม่ต้องละเว้นชีวิต หากใครสำนึก ก็จงวางอาวุธให้จับกุมแต่โดยดี”
เป็นเพราะนางเปียนสี ตอแยต่อขงเบ้ง คิดบีบบังคับให้จำนน แต่ขงเบ้งกลับมีหมากลับคือ จูกัดเอี๋ยน ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันทางสายเลือด แว้งกัดเข้าให้อย่างเจ็บแสบ ปล่อยให้นางเดินเกมเปิดหน้ากากเสียก่อน แล้วค่อยตลบหลัง ล้มล้างแผนการยึดวังหลวงของนาง และพลอยทำลายแผนการชุบมือเปิบของฮกอ้วน ซุนฮิวไปด้วย งานนี้ เลยกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานให้กับจูกัดเอี๋ยนได้เจริญเติบโตในสายการทหารต่อไปในอนาคตแทน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา