2 ก.ค. 2021 เวลา 08:27 • นิยาย เรื่องสั้น
4.25. ใต้เงามังกรโหด
โจหิม โจเจียง โจสิด ปลาน้อยในกระแสคลื่น
สถานการณ์วุ่นวายในวังหลวงคลี่คลายไปได้ในที่สุด ฮกอ้วน และตัวการสำคัญฝ่ายอำนาจเก่า ล้วนถูกจับกุมในที่เกิดเหตุโดยง่าย หากแต่พวกสองนางพญากลับสามารถเล็ดรอดหลบหนีไปทางสวนดอกไม้ด้านหลัง
กลุ่มสกุลโจไล่ล่าติดตาม แต่ตัวการหายสาบสูญไร้ร่องรอย กลับพบเด็กน้อยโจหิมที่ปกติมักจะไปมาอยู่กับนางเปียนสี ผู้เป็นมารดา ถูกแทงตายอยู่ในสวนหลวงตามลำพัง จึงได้แต่คาดการณ์ว่า สองนางพญากลัวโจหิมน้อยเป็นภาระ จึงชิงลงมือฆ่าทิ้งไปก่อน
ในภายหลัง ผู้คนในตลาดร่ำลือเพิ่มเติมกันว่า เป็นพี่ใหญ่โจผีอาศัยโอกาสอันเหมาะเจาะนี้ ลงมือกำจัดคู่แข่งทางการเมืองไปหนึ่งคน น้องเล็กโจหิมจึงตกเป็นเหยื่อรายแรก เป็นการเปิดตำนานศึกสายเลือดของพี่น้องตระกูลโจขึ้นแล้ว
ต่อมา โจผี โจหยิน และกาเซี่ยงควบคุมสถานการณ์การขบถภายในวังหลวงได้เรียบร้อยแล้ว จึงสั่งการระดมกองทัพรักษาเมืองอย่างแน่นหนา พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพหลักพันของโจเจียงที่เพิ่งมาถึง โดยเฉพาะโจผี ผู้มีจิตใจอำมหิต และพร้อมที่จะสังหารน้องชายร่วมสายเลือดได้ทุกเมื่อ
เมื่อเมืองหลวงตั้งรับแน่นหนา ไม่พร้อมรับคำเจรจา โจเจียงจึงได้แต่หยุดทัพรับฟังข่าวคราวสักพักหนึ่ง ค่อยส่งสาส์นแก้เกี้ยวว่า ได้ข่าวขบถสองนางพญา จึงมาถวายอารักขาต่อองค์ฮ่องเต้ และต้องการร่วมปราบขบถเช่นเดียวกันกับพี่ใหญ่ แต่ในเมื่อโจผีจัดการได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยดีแล้ว จึงขอตัวล่าทัพกลับไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองหับป๋าดังเดิม
แต่ข่าวคราวในตลาดก็ยังคงร่ำลือเช่นกันว่า นางเปียนสี ผู้อยู่เบื้องหลังในการขบถครั้งล่าสุด อาศัยจังหวะชุลมุนนั้น ปลอมตัวหลบหนีออกไปสมทบกับโจเจียงแล้ว พร้อมกับตัวประกันคนสำคัญ พอช่วยคนได้แล้วนั่นเองจึงเป็นสาเหตุให้โจเจียงยอมถอยกลับไปอย่างง่ายดาย และรีบร้อนเช่นนั้น
จากนั้น ทั้งหมดจึงเข้าถวายการอารักขากษัตริย์หนุ่มเหี้ยนเต้ที่อยู่ในการคุ้มครองเป็นอย่างดีจากหัวหน้าขันทีเตียวโถ และหัวหน้าองครักษ์จูกัดเอี๋ยน แล้วจึงจัดการปรับแต่งเรื่องขบถสองนางพญา ให้เหลือเพียงการสร้างสถานการณ์จากฝ่ายอำนาจเก่าของฮกอ้วนที่หมายจะล้างแค้นต่อการสั่งประหารตนเองและพวกพ้องครั้งใหญ่เมื่อคราวก่อน เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องราวปัญหาภายในครอบครัวสกุลโจไม่ให้มัวหมอง
คำสั่งประหารชีวิตกลุ่มขบถอำนาจเก่าฮกอ้วนจึงปรากฏเผยแพร่ออกมาในทันที หากแต่ผู้คนพอรู้เห็นพลันนึกสงสัย ในเมื่อฮกอ้วนรอดชีวิตมาได้จากการประหารชีวิตคราก่อน แล้วฮกฮองเฮาเล่า อาจจะมีทางรอดเช่นเดียวกันหรือไม่ แต่กระแสร่ำลือไม่นานก็ซาลง
จุดนี้กลับเป็นที่น่าสังเกตว่า กษัตริย์เหี้ยนเต้ที่เริ่มสู่วัยหนุ่มใหญ่ กลับเฉยชาต่อสถานการณ์การเมืองต่างๆที่เปลี่ยนแปลง ปล่อยให้โจผีกับคนอื่นวุ่นวายกันไป ถึงกับไม่แยแสถามไถ่ความเป็นความตายของหัวหน้าขบถฮกอ้วนเลยด้วยซ้ำ
นอกจากเสวยแต่น้ำจัณฑ์จนมึนเมา เฝ้าดูการร่ายรำอยู่ตลอดทั้งวัน ฮ่องเต้ทำเป็นลอยตัวไปจากปัญหาที่เกิดขึ้น คล้ายกับอยู่ห่างไกลจากโลกแห่งความเป็นจริงไปแล้ว คงนึกถอดใจจากการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกับสกุลโจจริงๆ
ณ จวนที่พักสกุลฮัว ฮัวหิมนั่งเป็นประธาน โดยมีบุตรสาวซินเหียนเอ๋ง และลูกเขยตุลาการใหญ่เอียวตันร่วมดื่มน้ำชาด้วยกัน
ที่จริง เหตุการณ์ขบถสองนางพญา ฮัวหิมสมควรมีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วย เพียงแต่สถานะของมันซับซ้อนเกินไป จนยากจะตัดสินใจ
ทางหนึ่ง มันคือ ซินผี อดีตกุนซือสกุลอ้วนชาวเซียนเปยที่สนิทสนมคุ้นเคยกับนางเอียนซีมานาน จนถูกเรียกตัวไปเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับโจยอยด้วย พอนางเข้าร่วมก่อการณ์ปฏิวัติยึดกุมตัวฮ่องเต้เป็นตัวประกัน ก็แจ้งข่าวหมายมั่นให้ฮัวหิมมาช่วยเหลือข้างกาย เช่นเดียวกันกับที่นางเปียนสีมีซุนฮิวเป็นคู่คิด
อีกทางหนึ่ง มันเองคลุกคลีสนิทสนมกับพวกสายวิชาการ โดยเฉพาะสำนักหอสมุดใต้หล้า รับรู้มาตลอดว่า อองลองยอมแบกหม้อดำ (มลทิน) ช่วยเหลือคนแซ่ฮกให้รอดจากการประหารชีวิต ซุกซ่อนตัวในห้องใต้ดินในสวนดอกไม้หลังสำนักหอสมุดด้วยฝีมือพิสดารของอ้วนยู จึงถูกฮกอ้วนชักชวนให้ทำการปฎิวัติซ้อนเช่นกัน
มันเองถูกคนสนิททั้งสองกลุ่มแย่งชิงตัวไปใช้งานที่สุ่มเสี่ยงเกินไป หละหลวมเกินไป คล้ายกันกับสือฮิว แต่มันใจไม่เหี้ยมพอที่จะตัดรอนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทิ้งไป จึงได้แต่ทำตัวเป็นกลาง ด้วยการแสร้งป่วยการเมืองตามคำแนะนำของลูกสาว
ยังมี ในวันที่เกิดเหตุ ลูกเขยสกุลเอียวก็ได้รับข่าวด่วนมาจากเอียวสิ้ว แจ้งความลับให้ทราบว่า โจโฉพร้อมรับมือการขบถ และโจผีกับพวกได้เดินทางล่วงหน้ามาก่อนแล้วตั้งหลายวัน จึงเท่ากับว่า คนทั้งสองฝ่ายอาจจะทำการขบถล้มเหลวในที่สุด
ในเมื่ออองลองหรืออองซาน ประมุขสำนักหอสมุดยังคงติดภารกิจสงคราม ไม่อาจกลับมาช่วยยับยั้งเหตุการณ์ที่กำลังลุกลามไปใหญ่โต มันจึงได้แต่อ้างเหตุเจ็บป่วยกระทันหัน ไม่อาจเข้าร่วมก่อขบถ เพื่อกันตัวเองไม่ให้พลอยติดร่างแหไปด้วย
เช่นเดียวกันกับอ้วนยู ซุนต่ำ ที่มีส่วนร่วมมาโดยตลอด แต่มิได้ออกหน้าลงมือในเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะไร้ฝีมือการต่อสู้ ดังนั้น พวกอำนาจเก่าจึงเป็นขบถไปเพียงกลุ่มเดียว ไม่พัวพันมาถึงคนสายวิชาการ เพื่อรักษากำลังคนเอาไว้ในโอกาสต่อไป
รถม้าขนาดใหญ่สองคันปะปนอยู่ในกองทัพของโจเจียง คันหนึ่งเป็นนางเปียนสีกับโจเจียง อีกคันหนึ่งถืงกับเป็นนางซัวบุ้นกี และตังชง บุตรชาย
นางเปียนสีไขข้อข้องใจให้กับโจเจียง บุตรคนโปรดของตน “เป็นจูกัดเอี๋ยน หัวหน้าองครักษ์ที่เป็นฝ่ายเรา เห็นสถานการณ์พลิกผัน ไม่อาจต่อกรกับกองกำลังฝ่ายโจผีได้ จึงแอบเสนอแผนล่าถอยให้กับตัวข้า หลบหนีออกมาก่อน พร้อมกับตัวประกันทั้งสองคนนี้ เพื่อไปตั้งหลักที่เมืองหับป๋า โจโฉจักต้องหาทางช่วยเหลือตัวประกันทั้งสอง ถึงตอนนั้นเราค่อยฉกฉวยจังหวะจัดการกับมัน และเจ้าเองก็จะได้แก้แค้นแทนท่านพ่อลิโป้ได้สมใจ ดังนั้น พวกเราต้องอดทนเก็บงำความลับนี้ไว้ก่อน”
โจเจียง หรือ ลิเจียง ทายาทของลิโป้ เด็กหนุ่มผู้อาจหาญ แต่ไร้สติปัญญา จึงได้แต่คล้อยตามคำบัญชาของท่านแม่เปียนสี หรือนางพญาโจรเตียวเฟิงแต่โดยดี
ที่แท้ ขงเบ้งถึงกับวางหมากกลสลับซับซ้อน อาศัยลมปากของจูกัดเอี๋ยน แทนที่จะเพียงกำจัดนางเปียนสี หรือเตียวเสี้ยนที่กล้าตอแยกับตนเองทิ้ง แต่กลับถอนตัวนางออกจากจุดที่อ่อนด้อย เปราะบาง ให้เปลี่ยนตำแหน่งเป็นตั้งรับ สร้างกับดัก รอจัดการกับโจโฉ ปลาตัวใหญ่ที่เมืองหับป๋าอีกทอดหนึ่ง
หากสองนางพญากระทำการขบถสำเร็จขึ้นจริงๆ มีหรือโจเจียง นางเปียนสี และนางเอียนซี จะสามารถต่อต้านฝีมือมากประสบการณ์ของโจโฉได้ รังแต่จะตายเปล่าในเมืองหลวง หากแต่ถ้าเกิดเหตุให้โจโฉตายไปก่อน การชิงอำนาจวุ่นวายกันระหว่างพี่น้องทายาทตระกูลโจย่อมเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นั่นแหละจึงจะเป็นแผนการที่แท้จริงของพญามังกร ขงเบ้ง สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้มากที่สุดต่างหาก
กลุ่มอำนาจเก่าฮกอ้วนเป็นส่วนเกินในแผนการ แต่กลับเป็นข้ออ้างให้จูกัดเอี๋ยนชะลอความร่วมมือในเบื้องต้น และกลับลำเข้ากับพวกโจผีได้อย่างสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น เพียงแค่กำจัดสือฮิวที่เป็นตัวเชื่อมประสาน ก็หมดสิ้นพยานปากเอกให้พาดพิงมาถึง
ส่วนคดีการตายของโจหิมนั้น เป็นเพราะการที่นางเปียนสีนำชีวิตลูกชายของขงเบ้งมาข่มขู่ ทำให้ขงเบ้งคาดเดาจากอายุได้ว่า ลูกชายของมันที่ถูกสับเปลี่ยนตัวไปในศึกเตียงปันนั้น ก็คือโจหิม คนโง่เง่า ไม่เอาไหนที่สุด แห่งสี่ทายาทตระกูลโจนั่นเอง จึงระบุตำหนิรูปพรรณที่เคยฟังมาจากนางฮองเย่อิงให้จูกัดเอี๋ยนสังเกต และได้รับการยืนยันว่า ถูกต้องตามที่คาด เป็นลูกสุนัขที่เติบโตอยู่ในรังศัตรูจริงๆ
ในเมื่อลูกมังกรกลายเป็นลูกสุนัข ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องตามตัวกลับมาให้เสียใจ และเป็นภาระไปเปล่าๆ ดังนั้น คำสั่งสุดท้ายของมันที่มีต่อจูกัดเอี๋ยน ก็คือ สังหารเด็กน้อยโง่งมโจหิม ป้ายความผิดให้โจผีเสียเลย อย่างน้อย ความตายของมันก็จะพอเกิดประโยชน์ต่อบิดาบังเกิดเกล้าได้บ้าง
แน่นอนว่า คำร่ำลือตามตลาดทั้งเรื่องการตายของโจหิม และการหลบหนีของนางเปียนสีนั้น ล้วนเป็นฝีมือของขงเบ้งทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ เมื่อถูกร่ำลือออกไป ย่อมเกิดกระแสกระพือไปถึงหูของโจโฉ ผู้มากระแวงเข้าจนได้ และนั่นคือเป้าหมายสำคัญของมัน เป็น วุยก๋ง โจโฉ เท่านั้น
ในช่วงเวลาเดียวกัน รถม้าอีกคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองฮันต๋ง ภายในมีนางเอียนซีที่โดนวางยาสลบอยู่ตามลำพัง จูกัดจิ๋น หัวหน้าหมู่บ้านมังกรซ่อน น้องชายคนเล็กของขงเบ้ง ถึงกับปะปนเข้ามาจับตัวนางเอียนซีไป โดยประสานกับจูกัดเอี๋ยน หัวหน้าองครักษ์ อาศัยความวุ่นวาย สร้างคดีอื้อฉาว ป้ายสีให้โจสิดแตกหักกับโจผี
คนใจดำอำมหิตอย่างโจผี มีหรือจะยินยอมเชื่อถือว่า คนทั้งสองมิได้มีใจให้กัน หากจู่ๆ นางเอียนซีที่ถูกหมายหัวเป็นขบถ กลับหนีตายไปหลบซ่อนอยู่กับโจสิดถึงเมืองฮันต๋ง เรื่องอื่นคงพอทำเนา หากแต่เรื่องศักดิ์ศรีแล้ว โจผีคงไม่ยอมอ่อนข้อให้กับคนอื่นเป็นแน่
จูกัดจิ๋นอาศัยช่องว่างที่โจสิดติดนิสัยเสเพล เมาสุรา และชอบเที่ยวนางโลม แอบเอาตัวนางเอียนซีที่ถูกสกัดจุด ไปสับเปลี่ยนแทนที่นางโลมที่นอนรอเวลาในห้องหอ ทำให้โจสิดยามเมามาย ถึงกับหลวมตัวย่ำยีพี่สะใภ้ที่ตนเองแอบชอบพอมานานโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น การจัดฉากครั้งนี้จึงกลายเป็นน้ำท่วมปาก สร้างความยุ่งยาก ลำบากใจให้กับโจสิดถึงที่สุด เพราะพี่สะใภ้คนงาม ทั้งก่อขบถจนเกิดคดีความ ทั้งหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ของตนเอง และทั้งตัวเองเผลอกระทำบัดสีต่อพี่สะใภ้ด้วย ความคาดเดาสงสัยในมุมมองของโจสิดกลับเป็นโจผี พี่ชายคนโตนั่นเองที่วางแผนลูกโซ่หวังใส่ไคล้มาถึงตน จึงเป็นสาเหตุที่โจสิดจะยอมให้โจผีใช้ลูกไม้มาเปิดโปงเรื่องนี้ไม่ได้
เมื่อปัญหาเผือกร้อนนี้มาถึงกุนซือคนโปรด เอียวสิ้ว ที่มาเที่ยวดื่มกินด้วยกัน จึงถูกแนะนำให้เก็บความลับนี้ไว้ก่อน อย่าให้คนอื่นล่วงรู้เข้าเสียอีก ดังนั้น แผนการยุยงให้โจผีกับโจสิดผิดใจกันของพวกสกุลจูกัด ก็เลยยิ่งสมเหตุสมผลยิ่งขึ้นไปโดยปริยาย
คนหนึ่งก็หวาดระแวงว่า คนรักตนเองปันใจให้คนอื่น อีกคนหนึ่งก็คาดเดาไปว่า พี่ชายวางแผนขุดบ่อ หมายเอาชีวิตทั้งตนเอง และคนที่ตนเองชอบพอ น่าสงสารก็แต่นางเอียนซีที่ถูกใช้เป็นหมากกระดานในกลอุบายครั้งนี้
เตียวจูล่ง ประมุขขุมกำลังสัตตดารา ที่อุตส่าห์เดินทางฝ่าความมืดมาถึงเขตเมืองหลวงตามลำพัง กลับได้ยินข่าวที่พวกโจผี โจหยินเข้าควบคุมสถานการณ์ในวังหลวง และเตียวเสี้ยน โจเจียงล่าทัพไปแล้ว นับว่า ตนเองก็มาสายไปเพียงก้าวเดียว
ยิ่งพอได้ยินเรื่องโจหิมถูกฆ่าตายอย่างมีเงื่อนงำ ก็เท่ากับเสียหมากลับที่ลงแรงเปล่ามาตั้งหลายปีไปด้วยอีกเรื่องหนึ่ง จึงบังเกิดความท้อแท้ต่อชะตาชีวิตของตนเองยิ่งขึ้น
พอเดินทางย้อนกลับไปที่หลบซ่อนตระกูลม้า ก็ยิ่งหมดสิ้นเรี่ยวแรง เพราะม้าหยุนลู่ที่เพียงแค่ป่วยไข้ไปสองสามคืนนั้น ถึงกับไม่อาจปลุกปลอบใจ รักษาพลังชีวิตตนเองได้ กลายเป็นพิษไข้รุนแรง ป่วยตายไปอย่างสุดวิสัยที่หมอฮัวโต๋จะยื้อชีวิตไว้ได้
ด้วยความตายอย่างกระทันหันของม้าหยุนลู่ โดยปราศจากเงาร่างของจูล่งอยู่เคียงข้างนี่เอง ทำให้ม้าเฉียวและพวกขุ่นเคืองใจ และยกเลิกความสัมพันธ์ฉันท์ญาติมิตรกับจูล่งไปด้วยทางหนึ่ง และกลุ่มบู๊ของม้าเฉียว กับกลุ่มบุ๋นของม้าเลี้ยง ก็ประกาศตัดความเป็นพี่น้องกันด้วยเช่นกัน กลายเป็นความแตกแยกครั้งสำคัญของพวกตระกูลม้า และสองพันธมิตร ม้าเฉียว เตียวจูล่ง ไปด้วยในคราวเดียว
หน้าฉากก็คือเรื่องราวเช่นนี้ แต่ที่จริง ก็เป็นความผิดพลาดของหัวขวานผู้เฒ่า ที่มุ่งหมายแก้แค้นกับจูล่งมาเนิ่นนาน จนถึงกับเสี่ยงผ่าตัดใส่เครื่องย้อนเวลาเข้าไปในช่องท้องของอิสตรีที่ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งๆที่ มันเป็นนักประดิษฐ์ ช่างฝีมือ ไม่ใช่แพทย์ที่มีความรู้ จนกลายเป็นแผลติดเชื้อภายใน ซึ่งคนรุ่นโบราณยังไม่ล่วงรู้ความนัยเรื่องพรรค์นี้
เรื่องราวเช่นนี้ ย่อมไม่พ้นความสามารถของนกฮูก-ฮัวโต๋ หากแต่ยิ่งพูดยิ่งมากความ มันในฐานะผู้นำหน่วยปักษาสวรรค์จึงเลือกที่จะเก็บงำความนัยเอาไว้อีกหนึ่งเรื่อง เพราะมันเองก็ผิดพลาดที่ไม่ได้ใช้เวลาในการตรวจสอบอาการของนางในครั้งก่อน ได้แต่สงสารในชะตาชีวิตของสาวน้อยผู้ร่าเริง ม้าหยุนลู่ หรือนางซุนซ่างเซียงเดิม
เตียวหุย-นางแอ่น เองจึงได้แต่แอบสงสารเห็นใจชายคนรัก ที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงรีบนัดแนะให้พวกตระกูลม้า ติดตามตนเองกับจูล่ง กลับไปยังเมืองเกงจิ๋ว เพื่อสมทบกับพวกเล่าปี่ เตรียมตัวบุกเสฉวนต่อไป
หากแต่ม้าเฉียว ม้าต้าย ยังขุ่นเคืองใจต่อพวกม้าเลี้ยงและจูล่ง จึงบิดพลิ้ว อ้างว่า ขอพักทำใจก่อน และกริ่งเกรงคำร่ำลือที่กล่าวหาโจมตีม้าเฉียวจนเสียชื่อเสียง เตียวหุยจึงได้แต่ ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก ที่ต้องการแยกตัวออกห่างจากพวกม้าเฉียว กลับไปด้วยกันก่อน
ฝ่ายเล่าปี่ ย่อมยินดีที่เตียวหุย จูล่ง กลับมาอย่างปลอดภัย และยังได้คุณชายตระกูลม้าที่กำลังโด่งดังเข้ามาเป็นพวก หากแต่ทั้งบังทองทั้งขงเบ้งยังไม่ไว้วางใจพวกสกุลม้า จึงถือโอกาสแยกพวกแซ่ม้าออกจากกันทันทีตามหลักการ “แบ่งแยกแล้วปกครอง”
เล่าปี่จึงสั่งการให้ม้าเลี้ยง บัณฑิตคิ้วขาวที่มีชื่อเสียงด้านวางแผน ให้ไปขึ้นสังกัดกับกวนอูที่เมืองกังแฮ ส่วนม้าเจ๊ก ที่เชี่ยวชาญงานสายข่าว ให้คอยอยู่ช่วยงานขงเบ้งไว้ก่อน เพื่อจะได้เป็นตัวประกัน และสังเกตพฤติกรรมความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย หากพวกตระกูลม้ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติขึ้นมา
พอดีมีหนังสือมาจากเมืองเสฉวน รัชทายาทเล่าเจี้ยงกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพราะขุนพลเตียวหยิม เงียมหงัน คบคิดกันก่อขบถขึ้นภายใน ยึดเมืองปากุ๋น ลกเสียไว้ได้ และกำลังจัดทัพเพื่อจะบุกยึดอำนาจจากเล่าเจี้ยงเสียเอง ทำให้ฝ่ายเล่าเจี้ยงเหลือเพียงขุนพลอย่างเบ้งตัดที่ยังอยู่คุ้มกันนครเสฉวน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
พวกขุนนางผู้ใหญ่ เช่น เตียวสง หวดเจ้ง จึงออกความเห็น ให้ขอความช่วยเหลือจากเล่าปี่ ผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยกัน ซึ่งเข้าทางฝ่ายเล่าปี่ที่กำลังต้องการหาเหตุเคลื่อนพลไปทิศตะวันตกมานานแล้ว
งานนี้ บังทอง กุนซือหงส์ผงาด ได้รับแต่งตั้งจากเล่าปี่ให้เป็นกุนซือใหญ่ จึงสั่งการให้เล่าปี่ เตียวหุย นำกองทัพแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก เล่าปี่ จูล่ง บังทอง ไปสมทบกับ ขุนพลฮองตง อุยเอี๋ยนที่ชายแดน แล้วนัดพบเตียวสง เพื่อบุกเข้าไปตีพวกเตียวหยิมทางเมืองปากุ๋นจากทางตะวันออก ส่วนเตียวหุย ไปบรรจบกับม้าเฉียว ม้าต้าย ที่ยังรั้งรออยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ นัดพบกับหวดเจ้ง บุกเข้าตีเงียมหงันทางเมืองลกเสียจากทางเหนือ ปล่อยให้กวนอู ขงเบ้ง กลับเข้ามาเฝ้าระวังโจโฉ และซุนกวน อยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว
การนัดหมายจัดส่งขุนนางสำคัญทั้งสองออกมาร่วมทัพนั้น เป็นความหวังดีและแสดงความจริงใจของฝ่ายเล่าเจี้ยง ที่ต้องการใช้ขุนนางทั้งสองออกหน้าเกลี้ยกล่อม ลดทอนกำลังของขบถทั้งสองลงบ้าง และคอยให้คำปรึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ทำเลที่ตั้งให้กับฝ่ายเล่าปี่ ซึ่งจะทำให้การวางแผนการสงครามมีเปรียบขึ้นอีกมาก
เล่าปี่และพวก คารวะอำลาตามธรรมเนียมให้กับขงเบ้ง-จูกัดเหลียง ที่นั่งบนเก้าอี้ล้อหมุน โบกพัดขนนกอยู่บนเชิงเทินตามลำพัง ในขณะที่กวนอูบังคับม้าเซ็กเทายืนประสานมือ น้อมส่งพี่น้องร่วมสาบานทางประตูเมืองด้านล่าง พร้อมกับคนอื่นๆ
ฝีมือการถ่วงดุลย์อำนาจตามความคิดของกุนซือหงส์ผงาด ระหว่างกวนอู น้องรอง กับขงเบ้ง ทายาทมังกรนั้น ถือว่า น่าจะเพียงพอสำหรับสถานการณ์ที่ยังไม่เด่นชัดนัก และกำลังพลยังไม่มากพอเช่นนี้
ฝ่ายกวนอู มีเพียงกวนเป๋ง จิวฉอง ลูกบุญธรรมและองครักษ์คนสนิท ฝ่ายขงเบ้ง ยังไม่มีผู้ใดเข้าพวกชัดเจน กลับต้องอาศัยพึ่งพาทั้ง ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก กุนซือรุ่นใหม่ แต่ต้องไม่ลืมจูกัดจิ๋น หัวหน้าหมู่บ้านมังกรซ่อน ผู้นำกองกำลังอีกกลุ่มใหญ่ ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายยังไม่โดดเด่นมากพอที่จะยึดครองเมืองเกงจิ๋วไว้เป็นฐานกำลังของตนเอง
นอกจากนั้น ยังมี เล่าฮอง บิต๊ก บิฮอง ซึ่งเป็นลูกบุญธรรม และญาติฝ่ายภรรยาที่สมควรจะภักดีต่อเล่าปี่มากกว่า คุมกองทหารอยู่ตามเมืองสำคัญรายรอบอีกจำนวนหนึ่ง อีกทั้งศัตรูสำคัญอย่างโจโฉ ซุนกวน คงไม่ปล่อยให้เกิดขุมกำลังใหม่ขึ้นมาได้ บังทองจึงไว้วางใจในการปล่อยวางคนคานกำลังกันไว้เช่นนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ
เล่าปี่ได้แต่เก็บงำความกังวลใจลึกๆเอาไว้ภายใต้สีหน้าที่ยิ้มแย้มเชื่อมั่น เนื่องด้วยพอจะล่วงรู้ความคิดของกวนอู ขงเบ้งทั้งสองที่อาจจะแตกต่างกันออกไป พ้นวิสัยที่บังทอง กุนซือผู้มาใหม่จะคาดเดาได้จริงๆ ตัวมันเองคลุกคลีกับคนทั้งสองนานพอที่จะเข้าใจเรื่องราวบางอย่าง แต่ไม่อาจบอกเล่าออกมาเป็นคำพูดให้ใครฟังได้
กวนอู ขุนพลสยบมังกร ย้อนคำนึงถึงอดีตตั้งแต่ทั้งสามร่วมน้ำสาบานกัน ร่วมรบร่วมสู้กันมานาน จนบัดนี้ ต่างก็เริ่มสูงวัย มีความคิดเห็นแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความบาดหมางใจในเรื่องกำฮูหยิน บิฮูหยิน และเด็กๆรุ่นลูกก็ยังคลุมเครืออยู่ สักวันหนึ่ง ความลับเรื่องนี้ก็คงจะกลับมาหลอกหลอนเข้าจนได้
หากพี่น้องร่วมสาบานทั้งสองก้าวพ้นเมืองเกงจิ๋วไปแล้ว ตัวมันควรจะประกาศตนตั้งตัวเองเป็นหนึ่งในปฐพีบ้างหรือไม่ ขุนพลระดับรองรายรอบเมืองล้วนเป็นฝ่ายของมัน เว้นแต่เล่าฮอง บิต๊ก บิฮอง ที่เป็นกึ่งญาติกับคนแซ่เล่า ส่วนขงเบ้งนั้นเองก็มีท่าทีที่ห่างเหินจากเล่าปี่มานาน นับตั้งแต่บังทองเข้ามาร่วมพวกด้วยกัน ถ้าหากแบ่งปันผลประโยชน์ได้เหมาะสม น่าจะดึงมาเป็นพวกได้ไม่ยาก มีเพียงพวกตระกูลม้าที่ยังไม่น่าไว้วางใจนัก
ความคิดของนักรบไม่ได้คิดซับซ้อนมากนัก เพียงเพื่อให้หลุดพ้นจากความกังวลเฉพาะหน้า นี่คือโอกาสสำคัญของมันแล้ว
สายตาของขงเบ้งกลับยังไว้วางใจสถานการณ์ด้านการเมืองอยู่ เพียงชำเลืองขึ้นไปเบื้องบน พลันมองเห็นนกตัวหนึ่งร่วงหล่นจากฟ้าด้วยมือที่มองไม่เห็น “ลางร้ายเกิดขึ้นกับหงส์ผงาดแล้ว การสูญเสียจากการรบเป็นเรื่องปกติวิสัย คงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้”
ขงเบ้งสังหรณ์ใจว่า การขบถของเตียวหยิม เงียมหงันนั้น มีเงื่อนงำ แต่ก็ไม่ทักท้วงอันใด ปล่อยให้บังทองนำกองทัพเล่าปี่ เตียวหุย ออกไปเผชิญชะตากรรมร่วมกันสักครั้ง เพราะต้องการให้บังทองเปิดเผยไม้เด็ดอันใดที่ทำให้มันมั่นใจต่อการบุกเข้าเสฉวน
อย่างไรก็ตาม ขงเบ้งมีความมั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์กลับมาได้ จึงปล่อยให้บังทองหลงกลเสียทีให้เข็ดหลาบ หรือแม้แต่จะ “ตายในที่รบ” ไปเลย ก็ไม่ได้เสียดายอะไร จึงได้แต่แอบกระซิบสั่งความฮองตง และจูล่งไว้ให้เฝ้าระวังภัยให้กับเล่าปี่เท่านั้น
เตียวจูล่ง หรือเตียวหยุน ขุนพลเมฆขาว ซึ่งมันล่วงรู้ฐานะลับที่เป็นถึงประมุขพรรคฟ้าเหลือง หัวหน้าขุมกำลังสัตตดารา พี่ใหญ่ของกลุ่มคนที่เพิ่งจะก่อการกบฎล้มเหลวไปเมื่อไม่นานนี้เอง บัดนี้ คงจะสิ้นฤทธิ์หมดพลังไปอีกพักใหญ่
ขงเบ้งมองดูกองทัพที่เคลื่อนตัวออกไป พร้อมเอ่ยบทกลอนเบาๆ “ไร้มังกรใช่เป็นหงส์ผงาด ฝืนอวดอาจเก่งกล้าชีวาหาย สายตาปราชญ์ปรับเปลี่ยนตามความนัย หนึ่งคนตายไร้ก้างขวางทางเจริญ”
สองศิษย์ร่วมสำนักแห่งกลุ่มทายาทมังกรหันมาสบสายตากันในที ต่างมีความในใจไม่อาจบอกกล่าวกับผู้ใดเช่นกัน แต่ทั้งคู่กลับมีความเชื่อมั่นตรงกันว่า สงครามปราบเสฉวนครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสถานะให้กับขุมกำลังเกงจิ๋ว และคนใดคนหนึ่งระหว่างมังกรและหงส์ จะต้องเป็นฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำ นั่นคือ ชะตากรรมของพวกมัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา