Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
3 ก.ค. 2021 เวลา 03:35 • นิยาย เรื่องสั้น
4.26. ยืมมือพิฆาตหงส์
เตียวหยิม ขุนพลหัวขบถ - เงียมหงัน ขุนพลนายพราน - สือไป๋ กระบี่คู่ในแขนเสื้อ
กองทัพใหญ่ฝ่ายเกงจิ๋ว นำโดย เล่าปี่ จูล่ง บังทอง ฮองตง อุยเอี๋ยน พบกับเตียวสง ตัวแทนฝ่ายเล่าเจี้ยงที่ชายแดนเมืองปากุ๋น เพื่อจัดการกับกบฏเตียวหยิม
หลังจากอธิบายพื้นที่สมรภูมิแล้ว เตียวสงจึงเสนอให้แบ่งทัพเป็นสองทาง ทางหลักให้บังทองปลอมเป็นเล่าปี่ โดยมีจูล่ง เป็นองครักษ์ให้เป็นที่สังเกต เดินทางช้าๆเป็นทัพหลอกล่อให้เตียวหยิมออกมาตั้งรับประจันหน้า แล้วตนเองจะนำ เล่าปี่ ฮองตง อุยเอี๋ยน เดินทัพตามทางลับ อ้อมเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามจากทางด้านหลัง
บังทองเอง ที่จริงภายในใจมีอคติต่อจูล่งไม่น้อย เรื่องหนึ่ง จูล่งคือประมุขพรรคฟ้าเหลืองที่พวกทายาทมังกรล้วนล่วงรู้กันดี อีกเรื่องหนึ่ง จูล่งเคยทำร้ายจนมันได้รับบาดเจ็บที่ขาอยู่เนิ่นนานในการลอบสังหารกลางเมืองหลวงเมื่อคราก่อน ดังนั้น หากหลีกเลี่ยงได้ มันจะไม่อยู่ร่วมทัพกับจูล่งอย่างแน่นอน จึงคล้อยตามแผนการของเตียวสงในการปลอมตัวเป็นเล่าปี่ และแบ่งแยกกองทัพเป็นสองทาง
แต่มันก็มิอาจเชื่อใจเตียวสงผู้แปรพักตร์ไปเสียทั้งหมด จึงสลับใช้กลยุทธ์ “จริงคือเท็จ เท็จคือจริง” สลับเปลี่ยนให้เล่าปี่ จูล่งไปตามทางใหญ่ ส่วนตนเอง ปลอมเป็นเล่าปี่ ไปกับฮองตง อุยเอี๋ยน จะร่วมทางกับเตียวสงไปตามทางลับเสียเอง ทางหนึ่งเป็นการควบคุมตัวเตียวสงไม่ให้หักหลัง และอีกทางหนึ่ง ก็หวังสร้างชื่อทำผลงาน โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับศัตรูเก่าของตนเอง
การที่บังทองไม่ไว้ใจเตียวสงนั้นเป็นความรอบคอบของกุนซือหงส์ผงาด หากแต่คนที่วางแผนการใหญ่ครั้งนี้ ก็ไม่ได้วางใจเตียวสงเช่นกัน ดังนั้น เตียวสงเป็นแค่ตัวหลอกในกระดานที่จะนำบุคคลสำคัญมาติดกับดัก บังทองจึงตกมาเข้ากับดักเสียเอง โดนหลอกล่อจนยับเยินแล้ว
จังหวะก่อนจะแยกย้ายกัน กุนซือหงส์ผงาด บังทอง ยังเอ่ยปากขอสลับเปลี่ยนม้ากับเล่าปี่ ใครๆก็ล้วนทราบว่า ม้าเต๊กเลาของเล่าปี่สีขาวล้วน สะดุดตา แตกต่างจากม้าศึกทั่วไป ในเมื่อจะปลอมตัว จึงสมควรใช้ม้าเต๊กเลาให้ชัดเจน เล่าปี่จึงยินยอมสละม้าคู่ขาให้ด้วยความไว้วางใจในตัวกุนซือหลักของมัน
ม้าเต๊กเลาคล้ายมีสัญชาตญาณรับรู้ ส่งเสียงร้องขัดขืนตอนที่บังทองขึ้นนั่งบังคับบนบังเหียนแทนเจ้านายตัวจริง หากแต่เล่าปี่ตบแผงคอสำทับ ทำให้อาชาแสนรู้ยินยอมทำตาม จนเมื่อแยกจากกันไปไกลแล้ว กลับมีหยาดน้ำตาคลอเบ้าให้เห็นเลือนราง
...
ที่เมืองปากุ๋น ขุนพลเตียวหยิมอ่านทบทวนจดหมายที่ขาดวิ่นเว้าแหว่งจากบิดาซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้ว เป็นจดหมายสั่งลาก่อนตาย ใจความในจดหมายก็ไม่ได้ยืดยาว มีแค่สี่ประโยคเท่านั้นคือ "ส่งเตียวสงลวงเล่าปี่ ให้มาตามทางน้อย นอกนั้นถามหวดเจ้ง เอาจดหมายให้มันดู"
บิดานับเป็นจอมวางแผนที่เย็นชาต่อบุตรคนหนึ่ง ถึงกับปกปิดชาติกำเนิดของมันตั้งแต่วัยเยาว์ ฝากให้นักพรตดูแลจนเติบใหญ่ ค่อยจัดการให้องครักษ์เผ่าเกี๋ยงทั้งสี่เป็นอาจารย์ฝึกวิชาให้ และส่งเสริมให้มันเข้ามาเป็นขุนพลในเมืองของศัตรูคู่แค้นในทางลับ จนตัวมันยังเข้าใจว่า บิดาต้องการสร้างให้มันเป็นจารชนไส้ศึก เพื่อตีชิงเมืองเสฉวนเมื่อถึงเวลาอันสมควร
เนิ่นนานแล้วที่ไม่ติดต่อเข้ามา จนหลายเดือนก่อน ข่าวการตายของบิดามาถึงอย่างกระทันหัน องครักษ์ทั้งสี่หลบหนีออกมาได้ และแอบมาพึ่งพิงอยู่กับมัน พร้อมกับนำจดหมายฉบับนี้มามอบให้ เป็นจดหมายจากเตียวล่อ บิดาที่แท้จริงของมันเอง
แม้ว่ามันจะไม่ค่อยผูกพันกับบิดาสักเท่าไร แต่ก็ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของบิดามาโดยตลอด และเล่าปี่เองก็กำลังแผ่อำนาจอิทธิพลมาทางฝั่งตะวันตก เพียงนับวันรอคอยการแตกหักกับเล่าเจี้ยงอยู่แล้วด้วย จึงนำความไปปรึกษากับหวดเจ้ง ขุนนางผู้ใหญ่ ที่มันคาดเดาจากเนื้อหาในจดหมายว่า อาจจะสายลับอีกคนหนึ่งของบิดาจอมวางแผนแล้ว
หวดเจ้งคล้ายไม่แปลกใจอันใด รับจดหมายไปพิจารณาดูอยู่เนิ่นนาน ทั้งๆที่เนื้อหามีแค่ไม่กี่ประโยค ไม่คาดคิดว่ามันอ่านอยู่นาน จนมือไม้สั่นเทา เผลอกระชากมุมจดหมายขาดไปส่วนหนึ่ง ค่อยคืนสติกลับมาได้ และส่งคืนจดหมายสำคัญกลับมาให้
หลังจากนั้น แผนการลวงโลกครั้งใหญ่จึงถือกำเนิดขึ้น หวดเจ้งนำความไปแจ้งต่อเล่าเจี้ยงให้ร่วมมือกันจัดฉากหลอกลวงเล่าปี่มาสังหาร โดยให้มันกับเงียมหงันแสร้งก่อกบฏเป็นสองจุด แล้วให้เล่าเจี้ยงส่งคนไปเชิญเล่าปี่มาช่วย ลวงให้เล่าปี่ต้องแบ่งแยกกำลังออกเป็นสองทาง เพื่อลดทอนความเข้มแข็งของกองทัพลง
หวดเจ้งประเมินว่า เล่าปี่ต้องตรงมาทางเมืองปากุ๋นที่ใกล้กับเสฉวน เพื่อหวังเข้าพบกับเล่าเจี้ยงได้สะดวกรวดเร็ว แล้วจึงส่งเตียวสงไปประกบ พร้อมกับแจ้งแผนการเพิ่มเติม เพื่อล่อเล่าปี่ให้มาติดกับดัก
เนื่องจากเตียวสงตัวกลางไม่ล่วงรู้ว่า นี่เป็นแผนการลอบสังหาร มันจึงพูดได้อย่างหนักแน่น น่าเชื่อถือ และแล้ว เล่าปี่ก็จะเข้ามาติดกับดักเสียเอง
ตามแผนการที่หวดเจ้งอธิบายให้ฟังหลังจากที่ส่งเตียวสงออกไปแล้วคือ เล่าปี่จะมาตามทางน้อย เตียวหยิมจึงตระเตรียมเกาทัณฑ์ชุดใหญ่ไว้รอสังหารแล้ว กับดักรอคอยอยู่ที่ทางน้อย กองทัพที่ตั้งรับบนเส้นทางหลักก็เป็นเพียงทัพหลอกเท่านั้น
กับดักมรณะถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เพียงรอคอยให้เหยื่อหลงเดินทางมาตามแผนที่วางไว้ และรอคอยการระดมยิงเข้าใส่เป้าหมายเท่านั้น
...
บังทอง ฮองตง อุยเอี๋ยน และเตียวสง นำกองทัพมาตามทางน้อยที่ผ่านป่าเขาและทุ่งหญ้า กองทัพเคลื่อนที่ได้ยากลำบาก เพราะเส้นทางคับแคบ พื้นดินเฉอะแฉะอ่อนยวบ กลายเป็นเดินทางได้ทีละคู่สองคู่ ผ่านทุ่งหญ้าที่สูงท่วมหัว ลัดเลาะผ่านแนวเขา จึงพอจะมีเวลาให้สหายเก่าได้เปิดใจกันตามลำพัง
ฮองตง จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ บังคับม้าขึ้นตีคู่กันกับบังทอง กุนซือหงส์ผงาด แล้วจึงเปิดฉากหยั่งเชิงขึ้นก่อน “ท่านบังทอง หลังจากพวกเราเข้ายึดครองเสฉวนได้แล้ว ท่านมีความเห็นเช่นไรต่อไป”
บังทอง นึกข้ามขั้นไปถึงก้าวย่างต่อไป หากมันประสานกับหวดเจ้ง ฮองตง อุยเอี๋ยน สร้างผลงานได้แล้วเช่นนี้ ก็สมควรจัดการต่อจูกัดเหลียง หรือขงเบ้ง ผู้เป็นหอกข้างแคร่เสียที จึงเผลอบอกความในใจไปกับสหายสนิทว่า “ก็คงจะจัดการกับศัตรูคู่แค้นของเรา ไม่ให้มันได้ทันระวังตัว ใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย”
ฮองตงได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจได้ว่า ศัตรูที่หมายถึงก็คือ ขงเบ้ง ผู้เป็นหลานเขยของตนนั่นเอง ทำให้นึกยินดีที่ไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ลับนี้ออกไป ด้วยท่าทีที่อำมหิตไร้นำ้ใจของบังทองเช่นนี้ เลยกลายเป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนที่มันลอบยิงเกาทัณฑ์ใส่มันที่หน้าเมืองเตียงสา “คนผู้นี้ จิตใจคับแคบ ร่วมทุกข์กันพอได้ แต่ร่วมเสพสุขกันมิได้”
เมื่อฮองตงผู้เฒ่าสรุปเช่นนี้ จึงแอบสังเกตอุยเอี๋ยน ซึ่งถือเป็นคนกลาง เพราะเป็นทั้งศิษย์เอกของมันและบังทองด้วย แต่เห็นอุยเอี๋ยนสบตา และพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายยอมรับการตัดสินใจของมันเองแล้ว เพราะความผูกพันฉันท์ศิษย์อาจารย์ของทางฝั่งบังทองไม่ลึกล้ำอันใดนัก นอกจากเคยให้หยิบยืมตำราพิชัยสงครามมาศึกษาด้วยตนเอง
บังทองรู้สึกว่า ฝ่ายตรงข้ามเงียบงันไป จึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า ใช้ถ้อยคำรุนแรงเกินไป รีบช้อนสายตามองหน้าฮองตง กำลังจะกล่าวแก้ต่างประการใด แต่ก็ไม่ทันเวลาเสียแล้ว สถานการณ์เบื้องหน้าพลันพลิกผันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
…
เสียงตะโกนแจ้งข่าวจากด้านหน้ากองทัพถึงก้อนหินใหญ่กีดขวางทางน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเส้นทางรกร้างทั่วไปที่อาจจะร่วงหล่นมาตามกระแสน้ำหลาก หากแต่กุนซือบังทองนึกถึงกลศึกโบราณที่หลอกล่อให้เผยตัวผู้นำทัพ แล้วค่อยรุมโจมตีด้วยเกาทัณฑ์
มันจึงสำรวจก้อนหินนั้นด้วยกล้องส่องทางไกล สิ่งประดิษฐ์พิสดารที่ได้มาจากพันธมิตรลึกลับ พบเห็นสิ่งผิดปกติแอบแฝงอยู่ ดูชอบกลนัก จึงเรียกให้เตียวสงในฐานะเจ้าถิ่น เข้าไปตรวจสอบพร้อมกับทหารองครักษ์ เพื่อตัดสินใจว่าจะเคลื่อนย้ายก้อนหิน หรือจะตัดหญ้าสูงเลี่ยงอ้อมเส้นทางไป แต่ที่จริง มันเพียงต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายตรงข้ามเป็นสำคัญ
เตียวสงคนซื่อเพิ่งบรรลุถึงจุดหมาย เห็นมีแผ่นกระดาษชิ้นเล็กแปะติดอยู่กับก้อนหิน จึงลงจากม้าไปดูใกล้ๆ พบเห็นข้อความว่า “นี่คือจุดจบของท่านแล้ว”
เตียวสงตาเหลือกลาน พลันรู้ตัวว่า ตัวเองคือเหยื่ออันโอชะอย่างโง่งมที่สุด จึงรีบยกมือกุมหัว หมุนตัวกลับ หมายควบม้าหลบหนีให้ทันท่วงที
ฉับพลัน ก้อนหินใหญ่นั้นก็ระเบิดขึ้น แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ กระแทกใส่เตียวสงกับเหล่าทหารที่อยู่ใกล้เคียงกัน จนขาดใจตายไปในทันที สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นทั้งกองทัพ ราวกับเป็นสัญญาณในการซุ่มโจมตี
และแล้ว ฝูงเกาทัณฑ์จำนวนมากก็ถูกยิงมาจากป่าไม้รอบข้าง เข้าใส่จุดซึ่งมีการห้อมล้อมป้องกันม้าสีขาวอย่างแน่นหนา ทำให้เป็นที่สังเกตได้ว่า นั่นคือจุดที่เล่าปี่หยุดพัก คอยสั่งการอยู่ ซึ่งสำหรับครั้งนี้ เป้าหมายสมควรจะเป็น บังทอง ฮองตง และอุยเอี๋ยน
กองทัพเกงจิ๋วตรงส่วนนั้นต่างหลบหลีกอาวุธไกลกลุ่มใหญ่นั้นเป็นพัลวัน แตกกระจายเป็นวงกว้าง เผยให้เห็นซากศพทหาร และม้านอนตายเกลื่อนกลาด ไม่เว้นแม้แต่ม้าเต๊กเลาที่เลื่องชื่อ แลเห็นบังทองยืนพิงต้นไม้ใหญ่ข้างทาง มีเกาทัณฑ์ปักที่กลางอกอยู่หลายดอก แต่สายตาของมันกลับจ้องมองไปที่เกาทัณฑ์ขนาดเล็กที่ข้อเท้า คล้ายยังค้างคาใจ ไม่อาจเชื่อสายตาตนเอง
พอพายุเกาทัณฑ์ซาลง ฮองตงกับอุยเอี๋ยน ค่อยพลิกตัวขึ้นจากซากม้าคู่ใจ ที่แท้ คนทั้งสองอาศัยพาหนะตนเองรับเกาทัณฑ์แทนตน จึงหลบรอดการโจมตีไปได้ ฮองตงสั่งการให้อุยเอี๋ยนเข้าควบคุมสถานการณ์ของกองทัพแทน ส่วนตัวเองรีบตรงเข้าประคองบังทอง เพื่อรับฟังคำสั่งเสียก่อนตาย
“เหตุไร เจ้าจึงลอบทำร้ายข้า” บังทองพยายามเค้นถาม ในจังหวะคับขันขณะที่โดนโจมตี ตัวมันก็กำลังพลิกตัวลงใต้ท้องม้าเช่นกัน หากแต่ฮองตงที่อยู่ด้านข้างกลับลอบจู่โจมกันเอง ยิงเกาทัณฑ์ใต้แขนเสื้อใส่ข้อเท้า จนมันเสียหลัก ร่วงหล่นออกมาจากที่กำบัง จึงถูกเกาทัณฑ์โจมตีของฝ่ายตรงข้ามไปอีกหลายดอก
“เป็นเจ้าที่ลอบฆ่าข้าก่อนที่หน้าเมืองเตียงสา” ฮองตงเฉลย และก้มลงเก็บเกาทัณฑ์เล็ก เป็นการทำลายหลักฐาน พร้อมกับหยิบฉวยกล้องส่องทางไกลไปเก็บไว้ด้วย
“ครั้งนั้นเป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” บังทองพูดแก้ตัว พลางขยับมือ ถึงกับปล่อยมีดสั้นใส่ฮองตงในระยะกระชั้นชิด หวังจะลากศัตรูให้ตกตายไปด้วยกัน แต่มันคงหลงลืมไปว่า ฝ่ายตรงข้ามคือปรมาจารย์ด้านเกาทัณฑ์หลากหลายรูปแบบ มีดสั้นจึงเป็นอาวุธเทอะทะที่ไร้ความหมายในสายตา
“เสียดายที่ข้าเป็นคนจำแม่น” ฮองตงยังกล่าวล้อเล่น ขณะที่เบี่ยงตัวหลบมีดสั้นนั้นอย่างง่ายดาย พร้อมทั้งกระชากเกาทัณฑ์ออกจากจุดสำคัญดอกหนึ่งจากหน้าอกฝ่ายตรงข้าม จนบังทองสะดุ้งสุดตัวด้วยความเจ็บปวด
“และขงเบ้งคือหลานเขยของข้าเอง ครั้งนั้น มันจึงรอดตาย เพราะข้าจงใจไว้ชีวิตมัน แต่เจ้ากลับหมายมั่นจะฆ่ามันมาโดยตลอด” ฮองตงยังกล่าวอย่างไว้ศักดิ์ศรี และรวบดึงเกาทัณฑ์ที่เหลือออกในคราวเดียว เท่านี้ ก็เพียงพอที่จะส่งวิญญาณของบังทองไปแล้ว
ที่จริง ฮองตงยังสมควรกล่าวเสริมด้วยว่า การที่ยิงเกาทัณฑ์ใส่บังทองได้โดยง่ายนั้น เป็นคำแนะนำที่ขงเบ้งเคยบอกกล่าวไว้ว่า บังทองเคยบาดเจ็บสาหัสที่หัวเข่าด้านขวามาก่อน เมื่อรู้ข้อมูลเบื้องลึกเช่นนี้ ฮองตงจึงสามารถเกาะกุมตำแหน่งที่ได้เปรียบในการลงมือลอบทำร้ายได้อย่างง่ายดาย
คนที่มีบาดแผลด้านขวา ย่อมหลีกเลี่ยงมาเคลื่อนไหวทางด้านซ้ายแทนตามสัญชาตญาณ ฮองตงจึงยืนประชิดอยู่ถูกตำแหน่ง ยึดกุมมุมสังหารที่เหมาะสม แอบยิงจากด้านข้าง ซ้ำยังยิงนำหน้าไปก่อน กะจังหวะให้เป้าหมายขยับเข้ามาในจุดนัดพบพอดี เช่นนี้ หงส์ผงาดจะระวังตัวเช่นไร ก็มิอาจหลบเลี่ยงได้แล้ว
ไม่คาดคิดว่า บังทองตัวจริงและตัวปลอมจากโลกอนาคตล้วนได้รับชะตากรรมเดียวกันโดยบังเอิญ ต่างก็ถูกคนที่ไว้วางใจใช้เกาทัณฑ์สังหารในยามเผลอตัวเฉกเช่นกัน
เมื่อฝ่ายเตียวหยิมลงมือทำร้ายผู้นำทัพที่ขี่ม้าขาวได้สำเร็จ ก็ไม่รั้งรอต่อสู้อีกต่อไป ปล่อยให้ฝ่ายเกงจิ๋วล่าถอยกลับไปเอง ในที่สุด หงส์ผงาดก็ร่วงหล่นลงจนได้ คนอื่นเข้าใจว่าเป็นฝีมือของเตียวหยิม
…
ข่าวการตายของกุนซือหลักถูกส่งไปถึงเล่าปี่ในทันที ทำให้เล่าปี่รีบยกเลิกการโจมตีบนเส้นทางหลัก และล่าถอยกลับมาตั้งหลักที่จุดนัดพบเดิมอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับพวกฮองตง อุยเอี๋ยนที่ล่าถอยมาเช่นกัน
เล่าปี่ประเมินการสูญเสีย กุนซือบังทองและผู้นำทางเตียวสงตายสิ้น จึงสั่งชะลอทัพ รีบสั่งการเชิญตัวขงเบ้งให้มาเป็นกุนซือหลักแทน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกองทัพต่อไป ไม่กล้าเคลื่อนทัพโดยพลการอีก
และแล้ว เนินสังหารปากทางเข้าเมืองแห่งนั้น จึงปรากฏชื่อเรียกใหม่ เป็น “เนินหงส์ร่วง” ขึ้นในภายหลัง มิใช่มีอยู่ที่แถบเมืองเกงจิ๋วตามพงศาวดารดั้งเดิมแต่อย่างใด
...
ในจวนที่พักอันโอ่โถง นกยูงเห็นว่าแผนการซับซ้อนของตนสำเร็จลงได้ด้วยดี จึงหยิบเอาเศษกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากอกเสื้อขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง พลางนึกในใจ "แผนการลึกซึ้งยิ่งนัก ไม่นึกเลยว่า หัวขวานจะมีลูกเล่นเช่นนี้ได้ บังทองย่อมคาดไม่ถึงว่าจะพลาดท่าให้กับคนใกล้ชิดเช่นนี้ได้”
คิดแล้ว จึงปล่อยเศษกระดาษที่เป็นลายมือของพวกเดียวกันลงสู่กองไฟ ตัวหนังสือที่ซ่อนด้วยน้ำหมึกล่องหนสว่างวาบแล้วจึงกลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่างรวดเร็ว "จัดฉากวางตาข่าย ยืมมือพิฆาตหงส์” อีกหนึ่งข้อความจากหัวขวาน-เตียวล่อ ที่ฝากผ่านเตียวหยิมมาถึงพรรคพวกเดียวกันอย่างพิสดาร
นกยูงรู้จักคุ้นเคยกับเตียวล่อตัวปลอม ย่อมล่วงรู้อยู่ก่อนแล้วว่า ข้อความดังกล่าวมาจากหัวขวานเฒ่าที่ย้อนกาลเวลากลับไปในอดีต และสวมบทบาทเป็นเตียวล่อมาโดยตลอด ไม่ใช่หัวขวานหนุ่ม นักประดิษฐ์ที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับโลกยุคโบราณกาล
...
ย้อนอดีตตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มที่นกยูงแฝงตัวเข้ามาในเมืองเสฉวน อาศัยสถานะของคนรับใช้ ลอบสังเกตพฤติกรรมของเป้าหมาย ซึ่งเป็นขุนนางสำคัญในเมืองเสฉวน เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล รอวันจะใช้หน้ากากพิสดารเข้าสวมบทบาทแทน
หลังจากวันเวลาผ่านไปร่วมปี นกยูงเชื่อมั่นในข้อมูลรายละเอียด และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแล้ว มันจึงเลือกที่จะลงมือกับเป้าหมายในขณะที่ออกไปนั่งดื่มน้ำชาตามลำพังกับมันผู้เป็นบ่าวคนสนิทบนเรือสำราญส่วนตัว ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำแทบทุกเดือน
แผนการง่ายๆที่คนสายบุ๋นมักใช้กันคือการลอบวางยาพิษให้กับเจ้านาย หากแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับรู้เท่าทันความคิด เตรียมการให้องครักษ์ซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น ออกมาจับตัวมันเอาไว้อย่างง่ายดาย
นกยูงนึกในใจว่า คงจบสิ้นแล้ว เตรียมจะกัดกินยาพิษที่ซ่อนอยู่ หากแต่กลับมียอดฝีมือคลุมหน้าสี่คนปรากฏตัวขึ้นสังหารเหล่าองครักษ์จนหมดสิ้น เหลือเพียงเป้าหมายที่หมดท่ารอการจัดการแล้ว ตัวหัวหน้าใหญ่ค่อยปรากฏกายขึ้น เป็นเตียวล่อแห่งเมืองฮันต๋ง
“เวลาเท่านั้นคือบทพิสูจน์ พี่นกยูง จงฟังคำเรากล่าวก่อนเถิด” เตียวล่อกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน จนเห็นว่า มันวางใจแล้ว ค่อยโบกมือให้สี่องครักษ์ถอยออกไปก่อน
จากนั้น “เตียวล่อ” จึงบอกเล่าเรื่องราวที่สุดแสนพิสดารให้มันรับฟัง อีกทั้งกำชับไม่ให้มันเดินทางกลับไปรวมกลุ่มกับสมาชิกคนอื่นๆอีก เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนอื่น เพราะเตียวล่อเชื่อว่า ยามใดที่หน่วยปักษาสุมหัวพร้อมหน้ากันแล้ว ศัตรูร้ายที่ซ่อนกายจะลงมือจัดการกับพวกมันจนสิ้นซาก
เบื้องต้น นกยูงยังมิปักใจเชื่อถือ หากแต่เกิดเหตุลอบสังหารตนเองซ้ำสอง ซึ่งได้องครักษ์หญิงยื่นมือช่วยเหลือ มันจึงจำเป็นต้องหาเหตุปลีกตัวเช่นเดียวกันกับกระตั้วและนกฮูกที่ล่วงรู้ความลับเรื่องนี้ ไม่เปิดโอกาสให้กับทูตแห่งความตายซึ่งยังไม่เปิดเผยตัวตนออกมา
…
ห่างไกลออกไป สุมาอี้ ผู้นำเครือข่ายสุมาคนปัจจุบัน รับทราบข่าวการตายของบังทองจากฝีมือพายุเกาทัณฑ์ของเตียวหยิม ขบถแห่งเสฉวนด้วยความกังวลใจ และกำลังส่งข้อมูลผ่านนกพิราบไปยังบุคคลสำคัญที่ยากจะตอแยด้วยคนหนึ่ง
เป็นคนที่ทำให้พวกทายาทมังกรไม่กล้าลงทัณฑ์พิฆาตแก่บังทองคนทรยศอย่างซึ่งหน้ามาตั้งแต่ต้น เพราะมันเป็นเสมือนผู้นำลึกลับอีกคนหนึ่งของเครือข่ายสุมามาโดยตลอด คนผู้นั้นก็คือ บังเต๊กกง เจ้าสัวใหญ่ อาแท้ๆของบังทอง และเป็นสหายร่วมขบวนการคนแรกของอดีตผู้นำเครือข่ายสุมา สุมาเต๊กโช
ในอดีตนั้น ขณะที่สุมาเต๊กโชออกหน้าสร้างความสัมพันธ์กับคนทั่วใต้หล้าในฐานะอาจารย์ใหญ่สายเต๋า บังเต๊กกง คหบดีใหญ่ รับบทบาทเป็นผู้หาเงินทองเข้ามาเจือจุนเลี้ยงดูกลุ่มก้อนดังกล่าวให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ที่จริง ตามที่ท่านพ่อเล่าขาน มันเป็นยอดคนงำประกายที่มีขุมกำลังแอบแฝงอยู่ด้วย
หากแต่สุมาเต๊กโชเองก็เพียงแต่ได้ยินคำกล่าว โดยไม่เห็นเงื่อนงำอันใด จึงไม่อาจล่วงรู้ว่า ขุมกำลังนั้นอยู่ในที่แห่งใด ตัวบังเต๊กกงเองอยู่ที่ใดก็ไม่ทราบ จนแม้แต่หน้าตาที่แท้จริงของบังเต๊กกงเอง ก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจึงกลับกลายจาก ผู้นำร่วมกัน เป็นผู้นำเบื้องหลังฉากกับผู้ออกหน้าเคลื่อนไหว “หนึ่งแจ้ง หนึ่งลับ”
บุคคลที่รู้จักกันมานานนับสิบปี แต่สุมาเต๊กโชกลับล่วงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับบังเต๊กกงเพียงน้อยนิด นี่จึงเป็นความน่ากลัวของบุคคลผู้นี้
สุมาอี้จึงยอมเปิดเผยความลับนี้ให้กับจูกัดเหลียงและลกซุนช่วยกันระมัดระวังตัว และหลีกเลี่ยงการปะทะกับบังทองอย่างซึ่งหน้าไว้ก่อน เพื่อไม่ให้กระเทือนถึงความสัมพันธ์กับบังเต๊กกงผู้นี้ และด้วยสาเหตุนี้กระมังที่ทำให้บังทองเหิมเกริม กล้าคิดกำจัดทายาทมังกรคนอื่นๆอย่างไม่เกรงใจใคร
ทุกครั้งที่ต้องติดต่อกัน สุมาเต๊กโชใช้นกพิราบที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซึ่งถูกส่งมาจากบังเต๊กกง นกพิราบจะถูกสับเปลี่ยนทุกๆหกเดือน และหลังจากที่สุมาเต๊กโชตัวปลอมถูกเปิดโปง นกพิราบชุดใหม่ก็ถูกส่งมาที่สุมาอี้แทน เบื้องหน้าเครือข่ายสุมากำกับโดยสุมาพ่อลูก แต่เบื้องหลังกลับมีบังเต๊กกงซ่อนกายเฝ้ามองดูอยู่ทุกย่างก้าว
เงื่อนงำเดียวที่พวกทายาทมังกรตั้งข้อสังเกต ก็คือ คำสั่งประกาศิตของบังเต๊กกงที่ไม่ให้ใครยุ่งเกี่ยวแทรกแซงขุมกำลังของซุนกวน นอกจากลกซุน พยัคฆ์ทะยานที่แฝงตัวอยู่เนิ่นนานแล้ว ดังนั้น เมื่อผนวกกับที่บังทองก็ถูกส่งตัวให้มาเริ่มต้นบทบาทที่ด้านนั้น แสดงว่า บังเต๊กกงเองก็น่าจะแอบซ่อนอยู่ในดินแดนแถบนั้นเฉกเช่นกัน อาจเป็นสถานที่ลึกลับที่ใดที่หนึ่งตามแนวแม่น้ำไต้กังกระมัง
เนื่องจากบังทองตายในสนามรบด้วยฝีมือของคนนอก บังเต๊กกงย่อมไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมาลงมือกับพวกทายาทมังกรที่ยังหลงเหลืออยู่ นั่นคือส่ิงที่สุมาอี้คาดหวังไว้ และนึกขอบคุณฮองตงและเตียวหยิมที่ช่วยกันกำจัดตัวแสบอย่างบังทองให้จนได้ ปล่อยให้บังเต๊กกงไปอาละวาดคิดบัญชีล้างแค้นกับคนอื่นแทนพวกตน
...
บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 4 - อาชาตะวันตก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย