5 ก.ค. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
4.27. ความหลังอันซับซ้อน
อุยก๋วน เบ้งตัด ลิเงียม ขุมกำลังเสฉวนเดิม
ขงเบ้งรับทราบข่าวการตายของบังทองด้วยความสงบ เนื่องจากคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าหงส์ผงาดคงจะไม่รอดจากสงครามในครั้งนี้ แต่สำนึกถึงความเร่งด่วนที่ควรจะไปแทนตำแหน่งกุนซือทัพ จึงรีบเชิญตัวกวนอูเข้ามาพบเพื่อให้เป็นเสาหลักอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋วโดยปราศจากที่ปรึกษาสำคัญ
พอกวนอูทราบเรื่องราวทั้งหมด กลับนึกขอบคุณสวรรค์ที่ได้รับมอบเมืองเกงจิ๋วมาให้แบบส้มหล่น แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องการแบ่งปันกับขงเบ้งเลยด้วยซ้ำ ทำให้นึกกระหยิ่มใจจนไม่อาจเก็บอาการ และไม่อาจหลุดรอดสายตาอันแหลมคมของขงเบ้ง กุนซือมังกรซ่อนไปได้ ขงเบ้งจึงได้แต่ชิงปรามไว้ล่วงหน้า “หากแม้นโจโฉ และซุนกวนร่วมกันลงมือพร้อมกันสองด้าน ท่านจะทำประการใด”
ในใจกวนอูคิดเลยเถิดไปโดยเร็ว เมื่อท่านจากไป เราก็จักตั้งตนเป็นใหญ่ ตั้งให้กวนเป๋ง จิวฉองเป็นสมุนเอกซ้ายขวา รีบเร่งกำจัดเล่าฮองกับพวกให้หมดสิ้น ด้านเหนือเราเป็นเพื่อนสนิทกับเตียวเลี้ยว เพียงเอ่ยปาก น่าจะสานสัมพันธ์ขึ้นเป็นพวกพ้องกัน ส่วนด้านใต้ หากผูกสัมพันธ์กับเสนาบดีวานิชโลซก ก็น่าจะแบ่งปันผลประโยชน์กันได้ เหตุการณ์ที่จูกัดเหลียงยกมา ไม่น่าจะทำอะไรได้แล้ว หากแต่ยังคงเอ่ยปากตอบไปอย่างแกนๆ “เราจักสู้จนตัวตายเพื่อรักษาเมืองให้พี่ใหญ่”
“ไม่ถูกต้อง ท่านจงผ่อนปรนกับซุนกวนทางใต้ให้มากไว้ ฝั่งโจโฉเองกำลังวุ่นวายกับศึกสายเลือดภายในกันเอง คงไม่กล้ำกรายต่อท่านในเร็ววันนี้ จงจำคำของข้าไว้ให้ดี อย่าประมาท คิดเล่นศึกพร้อมกันทั้งสิงห์เหนือและเสือใต้”
กวนอูแสร้งเออออรับคำเพื่อให้ขงเบ้งวางใจ แต่ขงเบ้งคาดการณ์่ได้หลายส่วน จึงแต่งตั้งให้ม้าเลี้ยง บัณฑิตคิ้วขาว เป็นกุนซือกำกับเมืองแทนตนเอง เปลือกนอก ให้คอยช่วยเหลือกวนอูอีกแรง แต่ที่จริงคือการวางคนคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวด้วยความระแวงใจ เพราะม้าเลี้ยงเองก็เป็นคนใหม่ ยังไม่แน่ใจในความจงรักภักดี
จากนั้น จึงสั่งการให้ม้าเจ๊ก และฮองเย่อิง นำขบวนลูกศิษย์น้อยทั้งสี่ อันได้แก่ เล่าเสี้ยน กวนหิน เตียวเปา จูกัดเจี๋ยม ให้ติดตามทัพไปด้วย ทางหนึ่ง เพื่อแสดงความเชื่อมั่นที่จะได้ไปปักหลักกันที่เสฉวน อีกทางหนึ่ง เพื่อควบคุมเด็กน้อย บุตรของกวนอูไว้เป็นตัวประกันทางจิตใจ ไม่ใช่กวนหินลูกเลี้ยง หากแต่เป็นอาเต๊า-เล่าเสี้ยน คนที่กวนอูเข้าใจผิดมาโดยตลอด ต่างหาก
ขงเบ้งเชื่อมโยงเรื่องราวปริศนาของอาเต๊าได้มากมายไม่น้อย มันสังเกตเห็นท่าทีแปลกพิกลของกวนอูที่พยายามใกล้ชิด และเอ็นดูอาเต๊าจนออกนอกหน้า แตกต่างจากเล่าปี่ผู้เป็นพ่อแท้ๆ จึงให้ฮองเย่อิงแอบสืบสาวความหลังจากบรรดาสาวใช้จนจับความได้ว่า กำฮูหยิน บิฮูหยิน และกวนอู อาจจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันตั้งแต่ช่วงที่ตกเป็นเชลยของโจโฉ ทำให้เล่าปี่กับฮูหยินทั้งสองห่างเหินกันมานาน เมื่อผนวกกับชื่อที่เล่าปี่จงใจตั้งให้ว่า ลูกจระเข้ จึงเชื่อมั่นได้ว่า เล่าปี่ล่วงรู้ความลับนี้มาตั้งแต่ต้น และอาจจะเป็นฆาตกรคนที่ลงมือสังหารกำฮูหยินกับอาเต๊าในช่วงเวลาอพยพเสียเองด้วยซ้ำ
ส่วนขงเบ้งเอง ก็รู้อยู่แก่ใจว่า อาเต๊าตัวจริงตายไปแล้ว และในเมื่อลูกชายตนเองไปปรากฏกายเป็นโจหิม แสดงว่า เด็กน้อยที่มาสวมรอยแทนก็สมควรเป็นบุตรของโจโฉกับเตียวเสี้ยนที่เป็นคนของพรรคฟ้าเหลือง แต่ถูกจูล่งประมุขพรรคสลับตัวมานั่นเอง เพียงแต่เรื่องราวซับซ้อนนี้ กวนอูยังไม่ล่วงรู้ และยังคงคิดว่า อาเต๊าเป็นลูกชายที่แท้จริงของตัวมันที่เกิดจากนางกำฮูหยิน
มาถึงขั้นนี้แล้ว ขงเบ้งย่อมไม่เปิดโปงความจริงอันใดในตอนนี้ นอกเสียจากเก็บรักษาความลับไว้ใช้ในอนาคต และไม่มั่นใจนักว่า ไม้ตายนี้จะใช้ได้กับคนใจนักเลงอย่างกวนอูหรือไม่ คงต้องให้เวลาเป็นบทพิสูจน์แล้ว
ภาพการเคลื่อนทัพออกจากเมืองปรากฏขึ้นอีกครั้ง จูกัดเหลียงพลันเกิดความรู้สึกประหลาดคล้ายกันกับคราก่อน ครั้งนั้น ผู้จากลาโลกไป คือบังทอง แต่ครั้งนี้ จะเป็นตัวมันหรือกวนอูกันแน่ที่มิได้มีชีวิตยืนยาวมาพบหน้ากันอีก
กลับมาทางฝ่ายเตียวหุยที่นำกองทัพแยกไปยังเมืองลกเสีย พบปะกับหวดเจ้งแล้วประเมินว่า ฝีมือของเงียมหงันยังห่างชั้น จึงคิดปะทะกับขุนพลเฒ่าโดยตรง แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่รับคำท้าทาย ตั้งมั่นด้วยกลยุทธ์ศึกบนกำแพงเมือง บัญชาการรบอย่างเหนียวแน่น หวังถ่วงเวลาให้นานที่สุดตามที่ได้รับบัญชาการมาจากหัวหน้า
ดังนั้น กองทัพเตียวหุยจึงมิอาจฝ่าแนวการตั้งรับของเงียมหงันไปได้ กลยุทธ์ตั้งรับทำให้ขุมกำลังเกงจิ๋วสูญเสียทหารไปไม่น้อย จนต้องลองขบคิดหาทางหลอกล่อให้เงียมหงันยอมออกจากเมือง
พอดี สายข่าวรายงานว่า กองทัพผสมชนเผ่าหลายพันนายเดินทางมาด้านหลัง โดยไม่ทราบจุดประสงค์ชัดเจน ทำให้ตกใจ เกรงว่า จะเป็นการโอบล้อมโจมตีกระหนาบสองข้าง หากแต่ฝ่ายนั้นส่งสาส์นมารายงาน ที่แท้เป็นม้าเฉียว ม้าต้าย ที่ทราบข่าวศึก จึงระดมพวกพ้องชนเผ่าเกี๋ยง ตี ติดตามมาสมทบตามคำนัดหมายเดิม
หวดเจ้งตาเป็นประกาย รีบส่งแผนลับให้เตียวหุยรับฟัง เพื่อให้เผด็จศึกโดยง่าย โดยส่งให้คนสกุลม้า พาคนชนเผ่า แสร้งสวามิภักดิ์ต่อเงียมหงันแห่งขุมกำลังเสฉวน แล้วขันอาสาออกมาเล่นศึกกับเตียวหุย เนื่องด้วยพอมีฝีมือสูสีกัน และมีเปรียบที่มีนายทหารใหญ่มากกว่า
การจัดฉากแสร้งปะทะกันจึงบังเกิดขึ้น ขุมกำลังเกงจิ๋วโดนกองทัพผสมชนเผ่าที่นำโดยม้าเฉียว ม้าต้าย ไล่ตีมาจากด้านหลัง เตียวหุยออกโรงท้าดวลกับม้าเฉียว เพื่อลดความสูญเสีย แต่ประลองกันยาวนานทั้งวัน ไม่อาจแพ้ชนะ จนต้องเลิกราไปพักผ่อนก่อน นัดหมายให้วันรุ่งขึ้นค่อยมาพบกันใหม่
ม้าเฉียวจึงทำตามแผนลับ ส่งม้าต้ายเข้าไปพบกับเงียมหงัน ขอสวามิภักดิ์กับสังกัดเสฉวน และขอที่พักข้ามคืน เงียมหงันพาซื่อ นึกว่า คนสกุลม้าซึ่งเคยถอยร่นมาจากเสเหลียง ฮันต๋ง คิดเข้าพวกต้านคนเกงจิ๋ว จึงยอมเปิดพื้นที่ให้เข้ามาพักผ่อนใกล้เมืองได้
วันต่อมา ละครการต่อสู้ระหว่างม้าเฉียวกับเตียวหุยเกิดซ้ำขึ้นอีกครั้ง เงียมหงันยังระวังตัว ซุกซ่อนมองดูการสู้รบอยู่บนกำแพงเมือง เห็นสองยอดขุนพลลงมือกันอย่างจริงจัง จนเพลิดเพลิน ต่อสู้กันบนหลังม้าจนตกหล่นมาสู้กันต่อบนพื้นดิน ไม่ทันไร อีกวันหนึ่งก็ผ่านพ้นไป ไม่เกิดการแพ้ชนะต่อกัน ต้องยอมเลิกราทัพอีกรอบ
เงียมหงัน เมื่อเห็นม้าเฉียวทุ่มเทต่อสู้อย่างเต็มที่เช่นนี้ จึงหลงกลสนิทใจ ยอมผ่อนคลาย ส่งเสบียงกรังอาหารมาให้พวกสกุลม้า และเชื้อเชิญม้าเฉียว ม้าต้าย เข้ามาดื่มกินภายในเมืองให้ผ่อนคลายอารมณ์บ้าง
คนสกุลม้าตอบรับคำเชื้อเชิญ นำพาเฉพาะเตียดลิเกียด ผู้นำเผ่าเกี๋ยง เฉียนต้วน ผู้นำเผ่าตี และองครักษ์ติดตามไม่กี่คนเข้ามาตามนัดในยามค่ำคืน เงียมหงันในชุดขุนพลให้การต้อนรับตามธรรมเนียม
ผ่านการดื่มกินไปสักพัก ม้าเฉียวประเมินสถานการณ์ เห็นว่า ฝ่ายเงียมหงันมีเพียงตัวคนเดียว รอบข้างล้วนไม่เก่งกาจอันใด จึงส่งสัญญาณลงมือ ตัวเองพุ่งเข้าจับกุมขุนพลเฒ่า หัวหน้าใหญ่ ส่วนคนอื่นๆแยกย้ายควบคุมตัวแกนนำคนสำคัญได้จนหมดสิ้น
ยุทธศาสตร์ “เต่าหดหัวในกระดอง” ที่เตียวหยิมจัดวางตัวเอาไว้ให้เงียมหงันดำเนินการที่เมืองลกเสีย จึงพังพินาศ ด้วยการสอดแทรกของคนสกุลม้า ขุมกำลังเกงจิ๋วสามารถเคลื่อนพลเข้าพื้นที่ยุทธศาสตร์ได้สำเร็จแล้ว เตียวหุยให้จดเป็นความชอบของม้าเฉียวและคนทั้งปวง และสั่งการให้คุมขังเงียมหงันไว้ก่อน
ทางฝ่ายเมืองปากุ๋น เมื่อขงเบ้งมาถึงที่หมาย บรรจบกับกองทัพของเล่าปี่ จึงเป็นครั้งแรกที่ได้พบปะซึ่งหน้ากับอุยเอี๋ยน ขุนพลดาวรุ่งที่มีศักดิ์เป็นพี่เขยของเล่าปี่ และศิษย์เอกของฮองตงกับบังทอง ตามที่ฮองตงเคยกระซิบบอกไว้ ทำให้ขงเบ้งจับตามองเป็นพิเศษ
ช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่า ฮองตง อุยเอี๋ยน จะสวามิภักดิ์ต่อขุมกำลังเกงจิ๋วมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ใช้เวลาไปในการปราบปรามหัวเมืองใหญ่สี่เมืองให้กลับคืนเป็นปึกแผ่นกับดินแดนเกงจิ๋ว และตระเตรียมเสบียงยุทโธปกรณ์สำคัญ มิเคยย่างกรายเข้าเมืองเกงจิ๋วโดยตรง จึงไม่เคยพบหน้ากันกับขงเบ้งสักครั้ง
หลังจากสำรวจอย่างถ้วนถี่ ขงเบ้งมั่นใจและจดจำได้จากโครงสร้างร่างกายว่า คนผู้นี้คือผู้ที่ลงมือลอบสังหารมันอย่างโหดเหี้ยมในคราวก่อนนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นการทำตามหน้าที่และสถานการณ์ แต่ในเมื่อมันมีฐานะเป็นศิษย์เอกของบังทองตัวแสบด้วย และมีฐานะสูงส่งกับเล่าปี่ จึงอาจจะเป็นพิษภัยในภายหน้า
ขงเบ้งจึงชิงลงมือก่อนทันที เลื่อนเก้าอี้ล้อหมุนไปเบื้องหน้าอุยเอี๋ยน พลางกล่าวประกาศขึ้นด้วยเสียงอันดัง “นรลักษณ์ของคนผู้นี้มีปัญหาเลวร้ายยิ่งนัก มักขัดแย้งหรือทำร้ายเจ้านายตัวเอง แต่เดิม เป็นลูกน้องของเล่าเปียวที่เกงจิ๋ว ก็ทรยศ เป็นลูกน้องของฮันเหียนที่เตียงสา ก็ทรยศอีก ไม่สมควรที่เราจะเก็บไว้ให้เป็นภัย ทหาร จงนำตัวคนผู้นี้ไปประหารเสียในทันที”
“ช้าก่อน” เล่าปี่อดไม่ได้ที่จะห้ามเอาไว้ อย่างน้อย อุยเอี๋ยนก็เป็นพี่ชายของภรรยารูปงามของตนเอง “ท่านกุนซือเพิ่งมาถึง ก็จะสั่งประหารขุนพลต่อหน้าศึกสงครามเชียวหรือ อุยเอี๋ยนทำการดั่งที่ท่านว่านั้นจริง แต่ก็ล้วนเป็นคุณต่อตัวเรา ดุจดั่งทหารเสือผู้ค้ำจุนบัลลังก์ มีแต่สมควรจะเชิดชู มิใช่ประหารทิ้งดั่งที่ท่านว่ากล่าว”
ขงเบ้งรีบปรับเปลี่ยนท่าที จนมิอาจหยั่งรู้ภายในจิตใจ เห็นยกพัดขนนกปิดปากหัวร่อ แล้วค่อยตอบคำ “ข้าน้อยเพียงกล่าวลองใจเล่นเท่านั้น ถูกอย่างที่ท่านว่าแล้ว อุยเอี๋ยนรับฟังคำพิพากษาเมื่อครู่ด้วยความเยือกเย็น ห้าวหาญ เหมาะสมแล้วที่จะเป็นขุนพลค้ำบัลลังก์จริงๆ ดูไปไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท่านจูล่ง ฮองตงเลย ยินดีกับนายท่านด้วยที่มีนักรบกล้าแข็งเข้ามาอยู่ในสังกัดเพิ่มเติมอีกคนหนึ่งแล้ว”
พอกล่าวถึงประโยคหลัง บุคคลที่ถูกพาดพิงทั้งสองกลับลอบชำเลืองมองขุนพลหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งด้วยความคิดที่ขัดแย้งภายในใจ จนบรรยากาศที่ประชุมเงียบงัน เล่าปี่เห็นว่า ไม่ได้การณ์ จึงโบกมือ สั่งให้เลิกประชุมกันไปก่อน
อุยเอี๋ยนเดินออกจากกระโจมแม่ทัพ พร้อมแอบปาดเหงื่อ ตัวมันตะลึงงันกับคำตัดสินเมื่อครู่ จนหน้ามืดตาลายไปชั่วคราว จูกัดเหลียงกลับเห็นเป็น ท่าทางเยือกเย็น สุขุมไปได้ หรือว่า กุนซือมังกรซ่อนก็เป็นเพียงลมปากที่คนกล่าวขวัญกันเท่านั้น เพียงคนพิการบนเก้าอี้ล้อหมุน จะมีความพิสดารอะไรนักหนาเชียว
อุยเอี๋ยนลอบเก็บความแค้นเคืองครั้งนี้ไว้เตือนใจ คงจะมีสักวันที่มันจะต้องเอาชนะเจ้ามังกรหลับตัวนี้ให้จงได้ มันย้อนระลึกถึงการตายของอาจารย์บังทอง แม้ว่าจะไม่ค่อยรักใคร่ผูกพันกันเท่าไรนัก แต่เยื่อใยความสัมพันธ์ก็ยังคงมีอยู่บ้าง
มันตระหนักถึงความขัดแย้งของสองกุนซือใหญ่ ซึ่งมันคงต้องแบกรับไว้แทนเสียแล้ว ในใจ คิดถึงขวดยาพิสดารสองสามขวดที่มันแอบล้วงจากอกเสื้อบังทองไว้ก่อนเคลื่อนย้ายซากศพ ใบฉลากถูกฉีกทำลายไปก่อนหน้าแล้ว แต่ต้องมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง กุนซือหงส์ผงาดจึงนำติดตัวมาโดยตลอด ไม่แน่ว่า ภายหน้า ขวดยาเหล่านี้อาจจะช่วยเหลือมันได้ในคราวจำเป็น
ถึงแม้บังทองจะเป็นอาจารย์ของมันมาพักใหญ่ แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกเล่าเรื่องราวของทายาทมังกรให้อุยเอี๋ยนล่วงรู้เลย มันจึงรับรู้เพียงบังเต๊ก ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของบังทอง และเป็นศิษย์ร่วมสำนักอาจารย์ฮองตงด้วยกันกับมันที่เมืองเตียงสา
ครั้งนั้น บังเต๊ก นักรบผู้ห้าวหาญที่มีฝีมือการต่อสู้สูงส่งกว่ามันเสียอีก หากแต่ข่าวคราวเงียบหายไปตั้งแต่เมื่อเดินทางกลับจากการลอบสังหารจูกัดเหลียงที่เมืองเกงจิ๋ว ชะตากรรมของบังเต๊กบัดนี้เป็นเช่นไร มันก็ไม่รู้เช่นกัน
ดังนั้น อุยเอี๋ยนจึงหลุดพ้นออกจากเครือข่ายสุมาไปโดยปริยาย ไม่ได้ทราบว่าตัวมันเป็นศิษย์รุ่นที่สามของเครือข่ายสุมา และมี สุมาอี้ จูกัดเหลียง ลกซุน เหล่านี้เกี่ยวโยงเป็นผู้อาวุโสตามศักดิ์ฐานะของสำนัก จนทำให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตต่อเครือข่ายสุมาในภายหลัง
วันถัดมาในที่ประชุมทหาร ยังไม่ทันที่ขงเบ้งจะเริ่มสั่งการวางแผนใดๆ ม้าเร็วก็ส่งข่าวจากฝั่งเตียวหุย แจ้งว่า เตียวหุย หวดเจ้ง ร่วมกับ ม้าเฉียว ม้าต้าย และกองทัพชนเผ่าท้องถิ่น ใช้แผนลับพลิกแพลง เอาชนะขุนพลเฒ่าเงียมหงัน พร้อมยึดเมืองลกเสียได้แล้ว บัดนี้ หวดเจ้งได้เสนอให้เตียวหุย ม้าเฉียว รีบนำทัพลงมาประสานกับกองทัพเล่าปี่ เพื่อตีกระหนาบเตียวหยิมที่เมืองปากุ๋นโดยเร็ว
เป็นเรื่องปกติของขุนพลที่มาใหม่ที่ต้องรีบสร้างผลงานให้ปรากฏ หรือประจบสร้างความผูกพันต่อเจ้านายใหม่ อุยเอี๋ยนแดนใต้ก้าวเข้ามาด้วยการส่งตัวน้องสาวคนงามให้เป็นภรรยาของเล่าปี่ ส่วนม้าเฉียวแดนเหนือกลับฉวยจังหวะนำส่งดินแดนสำคัญให้ในระยะเวลาอันสั้น จะว่าไปแล้ว ในช่วงเวลาเช่นนี้ เล่าปี่กลับพึงพอใจในผลงานด้านดินแดนมากกว่านารีอยู่บ้าง โดยเฉพาะกองทัพผสมชนเผ่าที่มีความแข็งแกร่งอีกด้วย
เล่าปี่จึงรีบสั่งการสอดรับกับแผนการของกุนซือหน้าใหม่นามหวดเจ้งในทันที จูล่ง ฮองตง อุยเอี๋ยน ต่างชิงกันอาสาออกศึก เล่าปี่จึงแยกให้เป็นสองทางเช่นเดิม ขงเบ้งไปตามทางน้อยพร้อมกับฮองตง อุยเอี๋ยนแทนที่บังทองอีกครั้ง ส่วนตนเองยังคงเลือกไปทางใหญ่ ร่วมกันกับจูล่ง กลายเป็นสามทิศทาง กระหนาบใส่เมืองปากุ๋นในคราวเดียว
แผนการเดินทัพเช่นนี้ ถือเป็นความสุ่มเสี่ยงให้ถูกโจมตีได้อีกครั้ง หากแต่ขงเบ้งเดาใจว่า เตียวหยิมไม่คาดคิดว่า ฝ่ายเล่าปี่จะยังกล้าใช้แผนเดิมซ้ำอีก จึงไม่ควรมีการเตรียมซุ่มโจมตีเหมือเมื่อคราวก่อน
อีกประการหนึ่ง ครั้งนี้ ขงเบ้งยังส่งอุยเอี๋ยนให้นำทัพบุกทะลวงไปข้างหน้าก่อนด้วย ถ้าเกิดมีปัญหาจริงๆ อย่างมากก็แค่เสียขุนพลชั้นดีที่มันไม่ค่อยพึงพอใจไปคนหนึ่งเท่านั้น จึงอาจจะเป็นผลพลอยได้ที่ดีเยี่ยมด้วย
หากแต่เตียวหยิมคล้ายเป็นนกรู้ ไม่ยอมต่อต้านสามทัพประสานซึ่งๆหน้า รีบเคลื่อนทัพขบถย้อนกลับเข้าเมืองเสฉวนเสียก่อน เนื่องจากการกบฏเมืองเสฉวนนี้เป็นเพียงแผนวางกับดักล่อลวงเล่าปี่มาตั้งแต่ต้น เล่าเจี้ยงจึงยอมเปิดเมืองรับเตียวหยิมให้เข้าไปได้โดยง่าย ด้วยเข้าใจว่าเป็นกลศึกที่นัดแนะกันไว้
แต่ครั้งนี้ ขุนพลเตียวหยิมคล้ายกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนไม่ทราบ กลับกลายเป็นกบฏ ต้องการลงมือยึดอำนาจจากเล่าเจี้ยงไปเสียจริงๆ ปราการเมืองเสฉวนที่เข้มแข็งจึงถูกพวกขบถครอบครองไปได้อย่างง่ายดายเกินความคาดหมาย แม้แต่ข่าวความเป็นความตายของเล่าเจี้ยงก็ดูสับสนอย่างยิ่ง สถานการณ์การเมืองภายในดินแดนเสฉวนจึงดูมืดมนอึมครึมยิ่งนัก ประชาชนรีบซ่อนตัวอยู่ในที่พัก จนคล้ายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คน
กองทหารขบถ นำโดยเตียวหยิม ค่อยๆเคลื่อนพลไปตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ยึดครองพื้นที่ และกระจายกำลังตามสมควร หลงเหลือกองหลักที่รายล้อมจวนที่พักของท่านเจ้าเมืองเอาไว้ รอคอยรับฟังแผนการจู่โจม
อันที่จริง ขุมกำลังเสฉวนยังคงมีขุนพลนายทหารและขุนนางสำคัญลดหลั่นกันลงไป อาทิ ลิเงียม งออี้ งอปั้น เป็นต้น แต่เนื่องจากมิได้อยู่ในแผนการเริ่มต้น เล่าเจี้ยงจึงมิได้เรียกหาใช้สอย จนเมื่อตระหนักกันว่า เตียวหยิมก่อการขบถขึ้นจริง จึงค่อยสั่งการให้แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็ว
คนทั้งสามจึงนำกำลังพลที่เหลือ รีบประกบตัวเล่าเจี้ยง ให้ความคุ้มครองรายล้อมจวนที่พักอย่างแน่นหนา มิให้พวกเตียวหยิมรุกล้ำเข้ามาได้ จนกลายเป็นการตั้งยันกับกลุ่มขบถ ณ จุดนั้น และพยายามติดต่อกับกองกำลังทหารนอกเมืองที่มีเบ้งตัดควบคุมอยู่อีกกลุ่มใหญ่ให้เข้ามาสมทบกัน
แต่เวลาการระดมพลอาจจะเนิ่นช้าเกินไป หากเตียวหยิมคิดโจมตีรุนแรง พอด้านขุนพลเคลื่อนไหวอารักขา ฝ่ายขุนนางผู้ใหญ่ เช่น เคาเจ้ง อุยก๋วน จึงรีบเดินหมากปลุกระดมชาวบ้านให้มาช่วยตั้งกำแพงมนุษย์ป้องกันเจ้านายไว้อีกชั้นหนึ่ง ถ่วงเวลาไม่ให้สถานการณ์บานปลายจนเกิดการนองเลือดกลางเมือง
เล่าเจี้ยงประเมินรอบด้าน เห็นว่า เสือหิวดุร้ายเกินไป จึงหาทางสยบขุนพลทรยศ โดยส่งทหารให้ไปติดต่อกับฝ่ายเล่าปี่ เพื่อทำข้อตกลงชั่วคราว หวังกอบกู้สถานการณ์ภายในให้ได้ก่อน มิให้ต้องบาดเจ็บล้มตายด้วยฝีมือของเตียวหยิม
บนผาสูง อีกสถานที่หนึ่งที่ห่างไกลออกไป เงาร่างของชายชราใบหน้าอิ่มเอิบในชุดเสื้อผ้าคหบดีหรูหรา เหม่อมองสายน้ำที่ไหลรี่ของแม่น้ำไต้กัง พลางเอ่ยขึ้นเบาๆกับตนเอง “ฟ้าเอย หรือว่า เราแก่ชราเกินไป สุขสบายเกินไปแล้ว ทำให้แขนขาถูกริดรอนไปทีละคนๆเช่นนี้ แล้วเราจะว่ากล่าวกับผู้ที่เสียสละชีวิตไปแล้ว อย่างไรกัน”
มันเพิ่งเดินทางกลับมาจากดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อวันวาน เพื่อช่วยเหลือจัดการให้คนคนหนึ่งรอดชีวิตจากขุมนรกทะเลเพลิง และได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บ บอบช้ำมาไม่น้อยโดยบังเอิญ แต่แล้ว กลับมาได้รับข่าวการตายของคนอีกคนหนึ่งอย่างกระทันหัน ราวกับลิขิตสวรรค์ช่างกลั่นแกล้งผู้คน
เหล่าองครักษ์ยืนมองเจ้านายผู้เฒ่าจากระยะที่ห่างไกล ไม่กล้ากระซิบกระซาบกันออกนอกหน้า นอกจากบุ้ยใบ้ให้แก่กัน เพราะนานที จึงจะเห็นภาพเช่นนี้ ปกติ เจ้านายดูจะสุขุมเยือกเย็น ครานี้คงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินไปจริงๆ แม้แต่นักพรตหน้าตาอัปลักษณ์ที่เป็นพ่อบ้านใหญ่แห่งหุบเขากว้างใหญ่ ซึ่งปกติพอจะพูดคุยออกความเห็นกับเจ้านายได้บ้าง ก็พลอยเงียบงัน ไม่กล้าส่งเสียงรบกวน
นกพิราบตัวหนึ่งบินวนอยู่บนสายน้ำรอบใหญ่ ก่อนจะหายลับสายตาไปในทิศทางด้านเหนือ เพื่อทำหน้าที่ของมันต่อไป ชายชราชุดคหบดีสะบัดแขนเสื้อไปข้างกายวูบหนึ่งเป็นการระบายโทสะ ส่งให้ถ้วยสุราแตกกระจายไปทั่วบริเวณ และโต๊ะไม้ที่วางสิ่งของกับแกล้มด้านข้างถึงกับพังทลาย ร่วงหล่นไปตามแนวผาสูงชัน
มันคิดคำนึงถึงอดีตความหลังและเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ล้วนแต่เกิดขึ้นจากการถือกำเนิดของลูกชายทั้งสิ้นที่ทำให้มันต้องกระทำผิดต่อบุคคลรอบข้าง ผิดต่อความรู้สึกของตัวเอง และพยายามป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เป็นไปตามที่ฟ้าลิขิต แต่สุดท้าย ความตายก็มาพรากจากลูกรักที่ไม่อาจเปิดเผยให้โลกรู้ไปจนได้
คำทำนายในอดีตก่อนเดินทางไกล เปิดเผยความลับฟ้าดินยิ่งใหญ่ว่า หนึ่งในทายาทของมันจะได้ก้าวขึ้นเป็นราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันมิเคยเชื่อถือมาก่อน จนเมื่อวันหนึ่ง มันรับรู้ว่า ลูกชายที่ถือกำเนิดออกมา คือ บังทอง กับ บังเต๊ก ผู้มีดวงครองแผ่นดินจริงๆ จนมันมิอาจลองฝืนชะตากรรมดูสักครา
“เหอะ เหอะ เนินหงส์ร่วงเอย เจ้าเพียงแต่ย้ายตำแหน่งย้ายเวลาก็ได้แล้วหรือ” บังเต๊กกงเมามาย ตะโกนถามฟากฟ้า พลังเสียงก้องกังวานถึงกับทำให้ฝูงวิหคที่กำลังบินผ่าน แตกกระเจิง มีบ้างถึงกับร่วงหล่นขาดใจตายด้วยความตกใจ
นักพรตเฒ่าแอบนึกโล่งอกที่คนเล่นพิณกับพวกทั้งสองได้ออกเดินทางไปจากหุบเขาละทิ้งอดีตได้สักพักหนึ่งแล้ว มิฉะนั้น เกรงว่า เจ้านายอาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับคนทั้งสามเข้าก็เป็นได้ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองฝ่ายในระยะหลังนี้ เหมือนจะเริ่มมีความขัดแย้งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามแรงกดดันของสถานการณ์การเมืองที่เริ่มจะส่อเค้าบานปลายจนยากจะคาดเดาทิศทางได้
ล่าสุด หลังจากที่นักทำนายร่างทรงได้รับรู้ข้อมูลสำคัญอันใด หรือคนเล่นพิณสำเร็จก้าวหน้าในวิชาพิณประสานลมปราณได้แล้วหรือไร คนทั้งสองและองครักษ์ทวนใหญ่ถึงกับละทิ้งบังเต๊กกงออกเดินทางไกลไปในทันที ไม่รอคอยที่จะสั่งการหรือร่ำลากับเจ้านายที่ยังคงเมามายหมดสติจนข้ามวันข้ามคืนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนับว่า ผิดวิสัยคนที่คุ้นเคยกันมานานยิ่งนัก
ต่อมา เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นภายในหุบเขา มันในฐานะพ่อบ้านใหญ่ แต่ที่จริง คือ ผู้รักษาการดูแลขุมกำลังแห่งนี้ จึงยิ่งจำเป็นต้องโอนอ่อนผ่อนต่อผู้นำหุ่นเชิดไปก่อนตามคำสั่งลับของคนเล่นพิณที่ส่งตรงมาถึงตัวมัน สะสมกำลังรอคอยเพื่อให้ถึงวันที่พวกมันจะได้กลับไปทำการณ์ใหญ่อย่างจริงจังเสียที

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา