16 มิ.ย. 2021 เวลา 15:12 • สุขภาพ
“การอกหักสอนอะไรเราบ้าง ?”
การอกหักไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต เรายังมีโอกาสอีกมากมาย ในการเริ่มต้นเส้นทางชีวิตครั้งใหม่
บทความนี้ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก
การอัดรายการวิทยุกับผองเพื่อนพี่น้องนักจิตฯเมื่อวานครับ
ซึ่งเกี่ยวกับ “การฟื้นตัว” ภายหลังจากอกหัก
พออัดรายการเสร็จแล้วผมก็รู้สึกว่า
เหมือนยังไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง
(แต่แล้วก็คิดไม่ออก เลยปล่อยผ่านไป 555)
แล้วในวันนี้
ขณะที่ผมกำลังเลือกหัวข้อบทความสำหรับเขียนในวันนี้
ผมก็นึกออกแล้วว่ายังไม่ได้พูดเรื่องไหน
นั่นคือเรื่อง “บทเรียนจากการอกหัก”
ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราหยิบเอาประสบการณ์ต่าง ๆ
จากเส้นทางแห่งรักที่เราเคยเดิน
“มาเรียนรู้และทำให้ชีวิตเติบโตยิ่งขึ้น”
ส่วนจะมีบทเรียนอะไรบ้างนั้น
มาเรียนรู้ไปพร้อมกันได้เลยครับ ^^
[1]
“การอกหักสอนให้เรารู้ว่า ทุกสิ่งมีวิถีและเวลาของตัวเอง”
เมื่อมีการพบเจอ ย่อมมีการลาจาก
สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมชาติของชีวิตครับ
ผมขอชวนให้ทุกท่านนึกถึงต้นไม้ใหญ่
ที่มีกิ่งก้านและใบไม้ปกคลุม
“มีสายลมอันแผ่วเบาโบกพัด”
ทำให้กิ่งก้านเหล่านั้นอ่อนไหวไปตามแรงลม
แต่แล้วในขณะนั้นเอง
“ใบไม้ใบหนึ่งก็หล่นลงมา”
มันได้เดินทางออกจากกิ่งที่มันเคยอยู่
แล้วร่วงลงสู่พื้นดิน
ปรากฏการณ์นี้ทำให้เราได้รู้ว่า
“ถึงเวลาใบไม้มันต้องร่วง มันก็ต้องร่วงหล่นลงไป”
ชีวิตรักก็เช่นเดียวกันครับ
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่สามารถไปกันได้
หรือ ปรับเข้าหากันไม่ได้อีกต่อไป
“หากสุดเส้นทางและหมดเวลาลงแล้ว”
ย่อมจำต้องจากกันไปตามวิถีทางของแต่ละคน
[2]
“การอกหักสอนให้เรารู้ว่า ยิ่งไม่ยอมตัดใจยิ่งทำให้ทุกข์”
หากเราเผลอฝากชีวิตเอาไว้กับความรัก
แล้วได้วาดฝันมากมายถึงเส้นทางข้างหน้า
แต่กลับต้องมาพบว่า
“ไปต่อไม่ได้อีกแล้ว”
หากเรายังคงฝืนไม่ยอมรับความจริง
และไม่ยอมปล่อยวางจากภาพฝันที่เคยวาดไว้
แต่กลับพยายามเหนี่ยวรั้งดึงดัน
“ให้สิ่งที่จากไปแล้วนั้น หวนกลับมา”
การกระทำเช่นนี้
จะยิ่งซ้ำเติมแผลใจจากการอกหัก
ทีนี้ล่ะครับ
ความผิดหวัง คับแค้น เสียใจ เศร้าโศก สูญเสีย
จะยิ่งเพิ่มพลังทำลายล้าง
และฟาดฟันเข้าใส่กายใจของเรา
มันอาจทำให้ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ
(หรือกินเยอะกว่าเดิม นอนมากกว่าเดิม)
อาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยทางร่างกาย/จิตใจ
รวมทั้งกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
รบกวนการเล่าเรียน หรือ การทำงานไปด้วย
[3]
“การอกหักสอนให้เรารู้ว่า ถึงแม้จะอกหักแต่เราก็ยังมีชีวิต”
การอยู่คนเดียวไม่ได้แปลว่า
เราไร้ค่า/หมดความหมาย/ไม่มีความสำคัญ
-อยู่คนเดียว ก็คือ อยู่คนเดียว
-การเลิกกัน ก็คือ การเลิกกัน
“เป็นฤดูกาลหนึ่งของชีวิต”
แต่บางครั้งการอกหัก ก็ชวนให้รู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง
และมันก็อาจทำให้เราเผลอตัดสินตัวเองครับ
เช่นการบอกว่า
-ฉันไม่คู่ควรได้รับความรัก
-ฉันมันไม่มีค่าให้ใครมาสนใจ
-ฉันมันไร้ความสำคัญ
-ฉันจะมีชีวิตไปทำไม อยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย
ฯลฯ
“คล้ายกับว่า นี่คือจุดจบของชีวิต”
แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ
หากเราพิจารณาอย่างรอบด้าน
เราจะพบว่า
“ที่เรายังรับรู้ความเสียใจได้ ก็หมายถึงเรายังมีชีวิต”
ใช่ครับ เรายังมีชีวิตและลมหายใจอยู่
เราจึงสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้
“เหมือนการเฝ้ามองฟ้าฟน ตั้งแต่มันเริ่มตกจนหยุดตก”
เราจึงได้เป็นประจักษ์พยานให้กับชีวิตตัวเอง
(จดจำวันที่เริ่มเส้นทางรัก และ สิ้นสุดเส้นทางรัก)
ชีวิตต่อจากนี้
จึงมอบโอกาสให้เราก้าวเดินต่อไปครับ
และมอบอิสรภาพให้เราสร้างสรรค์ทางเดินใหม่ให้แก่ชีวิต
[4]
“การอกหักสอนให้เรารู้ว่า เรายังเหลือความรักไว้มอบให้กับตัวเอง”
จริงอยู่ที่เส้นทางแห่งรักนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
แต่เส้นทางชีวิตของเรายังคงดำเนินต่อไปครับ
“มันอาจเจ็บปวดทรมาน”
เนื่องจากชีวิตเราได้ประสบกับความผิดหวังชอกช้ำ
จนรู้สึกเหมือนโดนคมมีดกรีดไปหลายแผล
สิ่งที่เราพึงทำก็คือ
การยอมรับว่า เราเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและมีจิตใจ
สามารถเป็นสุขและทุกข์ได้
(ถึงเวลาสุขก็สุข ถึงเวลาทุกข์ก็ทุกข์)
เราไม่จำเป็นต้องหลบหนีความทุกข์
หรือ ปฏิเสธความเจ็บปวด
“หากเรายิ่งหนี มันก็จะยิ่งเจ็บปวด”
นี่จึงเป็นโอกาสให้เราได้กลับมารักและดูแลตัวเอง
ถึงแม้ว่า “คนรักจะลาจากไปแล้ว”
แต่ความรักที่เรามีในใจก็ไม่ได้หายไปไหนครับ
(ความรักไม่ได้จากไปพร้อมกับคนที่เรารัก)
เรายังคงมีความรัก
มันเหมือนเป็นพลังอันอบอุ่นที่เราสามารถ
“หยิบยื่นให้กับตนเองได้”
เราสามารถนำความรักมาทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย เช่น
-การฟื้นฟูและดูแลตัวเอง
-การขอความช่วยเหลือ
-มอบโอกาสให้ตนเองได้มีชีวิตครั้งใหม่
-เปิดโอกาสที่จะรับความรักและการดูแลจากผู้อื่น
-ไม่ปิดโอกาสที่จะมีความรักครั้งใหม่
“แม้ไม่ได้มอบรักให้กับคนที่ลาจากไป แต่เรายังมอบรักให้กับตนเองได้”
ทั้งหมดนี้ คือ บทเรียนจากการอกหัก
ที่ผมนำมาบอกเล่าครับ
“การอกหัก ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต”
แต่เป็นการเริ่มต้นเส้นทางชีวิตครั้งใหม่
(ที่คราวนี้ไม่ได้มีใครคนนั้นอยู่เคียงข้าง)
เรายังมีโอกาสในการใช้ชีวิตครับ
ทั้งการมีความสุข การได้รักตัวเอง
การสนุกกับชีวิต การทำสิ่งที่มีความหมาย
การทำงานที่ใจรัก การเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ
การสานสัมพันธ์ครั้งใหม่
และทำกิจกรรมในชีวิตอีกมากมาย
“เรายังมีชีวิต และ เรายังมีความรัก”
ที่จะมอบให้กับตนเอง
แล้วเอามาเป็นพลังใจในการก้าวเดินต่อไป ^^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา