21 มิ.ย. 2021 เวลา 03:04 • หนังสือ
พ่ายกลซาตาน [Artificial Devil Love] ตอนที่ 94
“…ถ้าหน้า ชื่อ และสิทธิของเขาในที่นี่ จะเรียกว่ารู้จักกันได้เหรอยังค่ะ เพราะคุณชาลี ก็คงจะมีตำแหน่งเป็นว่าที่นายจ้าง เจ้านายของหญ้าอีกคนใช่มั้ยคะ?” กอหญ้าเอ่ยกับเจตรินที่เรียกเสียงหัวเราะของเขาออกมาอีกครั้ง
“สมแล้วที่มีงานอดิเรกเป็นนักเขียน” กอหญ้ายิ้มออกมามากขึ้น และด้วยความไม่ถือตัวของชาลีและเจตริน จึงทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ และกอหญ้าขอตัว เมื่อเจตรินบอกให้กอหญ้านั่งทำงานที่เดิมที่เธอเคยมาฝึกงาน เพราะกอหญ้าฉายแววตั้งแต่ฝึกงาน เธอจึงมีโต๊ะทำงานไม่ต่างจากพนักงานประจำของที่นี่...
“น่ารักนะ!!!....” ชาลีเอ่ยกับเจตริน เมื่อกอหญ้าออกจากห้องไปแล้ว
“และเธอก็ไม่ว่างแล้ว ถ้าฉันบอกนายว่าใครที่เป็นผู้ครอบครองหัวใจของเธอ นายต้องไม่เชื่อแน่ๆ” ชาลีคิ้วขมวดมองเพื่อนอย่างสนใจใคร่รู้
“นายต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ...เหลือเชื่ออย่างที่นายบอกจริงๆ คริสต์ มาร์ติน เชียร์เลอร์ ...ฉันได้ข่าวว่าเขาหมั้นแล้ว...แต่...” ชาลีย้ำชื่อที่นายเจบอก
“เรื่องนั้นฉันก็เคยได้ยินมา แต่นายกำลังจะบอกว่าไม่มีแหวนบนนิ้วของหญ้าสินะ...ฉันก็เห็นว่ามันว่างเปล่า แต่เรื่องนี้จริงหรือเปล่าก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ...และอีกอย่างฉันว่านายอย่าไปยุ่งกับเธอเลย เพราะถ้าข่าวการหมั้นที่ได้ยินมามันเป็นเรื่องจริง ก็ไม่แปลกถ้าคริสต์ มาร์ติน จะหมั้นและผู้หญิงคนนั้นคือ กอหญ้า...เพราะสองคนนี้กำลังถ่ายละครที่แสดงคู่กัน ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ กอหญ้าเองเสียด้วย” ชาลีนิ่งฟัง แต่บางเรื่องมันเข้าเค้าแต่เขาไม่อยากจะเชื่อและให้เป็นเรื่องจริงเลย เพราะนักเรียนในรุ่นเดียวกันกับคริสต์ มาร์ติน ไม่มีใครจะไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แน่นอนชาลีรู้จักกับริต้า และโม้นาที่ชาลีเบื่อหน่ายมาก รวมถึง เฟรเดลิคที่ชาลีเคยเจอเพียงครั้งเดียวที่อเมริกาเมื่อหลายปีก่อน
“แต่ฉันว่าแปลกนะ ว่าคนอย่างคริสต์ มาร์ติน จะสนใจเด็กอย่างกอหญ้า เพราะให้ฉันเดากอหญ้าอายุน่าจะประมาณยี่สิบต้นๆ คนที่จริงจังกับชีวิตอย่างคริสต์ มาสนใจเด็กขนาดกอหญ้า...”
“อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้นะ คริสต์ มาร์ติน เคยผิดหวังช้ำรักครั้งใหญ่ เขาเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ที่เขามาอยู่เมืองไทย นายก็เห็นว่าสื่อ ให้ความเห็นยังไงกับเขา แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป ฉันว่าน่าจะเป็นเพราะกอหญ้า และอีกอย่างที่ฉันไม่รู้ว่ากอหญ้ารู้มั้ย ว่าคริสต์ มาร์ติน คือคนที่ซื้อแบบตกแต่งภายในของเธอ ที่ทำไว้ตอนที่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่...” ชาลีเลิกคิ้วมองเพื่อนกับข้อมูลใหม่
“งั้นมาดูกัน ว่าคริสต์ มาร์ติน จริงจังกับกอหญ้าจริงมั้ย...”
“นายหมายความว่าไง?...และกำลังจะทำอะไร?”
“ฉันก็จะทำหน้าที่เจ้านายที่ดีที่เป็นห่วงลูกน้องในความดูแลของฉันไง”
“...ว่าที่...จะดีกว่า...และฉันไม่คิดว่าจะเป็นสิ่งที่ควรทำนัก เพราะถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขาจริงอย่างที่ได้ยินมา ฉันอาจจะเสียผู้ร่วมงานฝีมือดีไปก็ได้”
“กอหญ้า ถึงแม้เธอจะอายุน้อย แต่เธอเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก...ฉันไม่คิดว่าคริสต์ จะควบคุมเธอได้ด้วยอำนาจในตำแหน่งคนรักนะ...” เจตรินได้แต่ส่ายหน้า เพราะรู้จักเพื่อนคนนี้ดี ถ้าคิดจะทำอะไร ชาลีจะไม่ใช่แค่พูดไว้ แต่จะลงมือทำทันที แม้บางครั้งบางเรื่องโอกาสก็ดูแล้วไม่น่าจะมีและเกิดขึ้นได้
“โอกาส เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์เรามโนไปเอง ถ้าอยากให้มี ‘โอกาสดีๆ’ ก็ต้องลงมือทำ และเราก็จะเห็นเอง ‘โอกาสดีๆ’...” คำของชาลีที่เคยพูดไว้กับเขาที่ เจตรินไม่เคยลืมมันเลย
“นายกำลังจะถามว่าผู้ชายที่นั่งข้างๆกอหญ้าเป็นใครใช่มั้ย?” ชาลีพยักหน้าหลังจากที่เขาสองคนหารือกันต่อเรื่องงาน จนได้เวลาเที่ยงเมื่อเดินออกมาก็พบกับกอหญ้านั่งอยู่ที่โต๊ะของเธอพร้อมกับชายวัยรุ่นหน้าตาดีข้างๆ “พิศาล น้องชายต่างพ่อของเธอ และพิศาลกำลังจะเข้ามาฝึกงานที่นี่” ชาลีหันมายิ้มอย่างยินดี เมื่อเคลียสถานะพิศาลแล้ว
“สวัสดีครับ พี่เจ” พิศาลยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทาย
“เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวด้วยกัน...ขอเป็นการเริ่มต้นติดสินบนหญ้า..” เจตรินเอ่ยชวนสองพี่น้อง หลังจากที่แนะนำให้พิศาลรู้จักกับชาลี ประโยคหลังเรียกรอยยิ้มให้กอหญ้าที่เธอไม่อาจปฎิเสธ จึงทำให้ทั้งสี่คนเดินออกไปพร้อมกัน ด้วยรถของ เจตริน หลังจากทั้งสี่คนจัดการมื้อเที่ยงแล้ว...
“หญ้าและพิศาล มีธุระช่วงบ่ายมั้ยครับ?” ชาลีเป็นฝ่ายเอ่ยถาม และเรียกกอหญ้าด้วยชื่อเล่นเมื่อเธออนุญาต และได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าไปมา
“งั้นดีเลย!...เพราะพวกพี่จะไปยังแหล่งที่เป็นความลับของ บริษัทฯ” กอหญ้าและพิศาลเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ และท่าทางแบบนั้นของสองพี่น้องที่เหมือนกันอย่างไม่รู้ตัวทำให้ชาลียิ้มออกมา
“ขึ้นรถเถอะครับ...อย่างที่บอกแหละครับว่าเป็นความลับ เราสองคนจึงไม่สามารถบอกได้ แต่จะพาไปให้เห็นกับตาเลย” ชาลีเป็นฝ่ายให้รายละเอียด การเดินทางที่เข้าสู่เส้นทางที่ออกจากกรุงเทพฯ การเดินทางที่ไม่ต้องใช้เวลามาก กอหญ้ามองออกไปมองข้างทางที่เห็นแม่น้ำเจ้าพระยา กอหญ้ามองอย่างเพลิดเพลินเพราะเธอเป็นคนชอบน้ำ เธออยากมีบ้างข้างแม่น้ำแต่เนื่องจากพ่อบอกว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะมีบ้านริมแม่น้ำและอาศัยตามลำพังเป็นส่วนใหญ่ พ่อจึงบอกว่าเป็นห้องชุดคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแทนดีกว่า ซึ่งกอหญ้าก็เห็นด้วยในเหตุผลของพ่อ
กอหญ้าเบิกตากว้างอย่างตะลึง เมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ประตูรั้วที่เปิดอัตโนมัติเมื่อชาลีกดรีโมทย์ที่อยู่ในรถ ชาลีและเจตรินหันหน้ามายิ้มให้กันและกัน เพราะไม่ว่าใครได้เข้ามาเห็นที่นี่ก็ต้องชอบ พื้นที่เกือบสิบไร่ริมแม่น้ำจังหวัดนนทบุรี มรดกที่ชาลีได้รับมาจากคุณยายเมื่อสี่ปีก่อน ชาลีคงสภาพพื้นที่ตรงนี้ไว้ให้เหมือนกับที่เคยเป็นมา แตกต่างตรงที่เขาใช้พื้นที่ทั้งหมดที่เหลือว่างจากต้นไม้ที่มีอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ เพาะปลูกต้นไม้อีกหลากหลายนานาพันธุ์
“สวยมาก...ยังกับว่าหญ้ามายังป่าดิบชื้นแอมะซอน” เพราะสิ่งแวดล้อมรอบข้างดูชุ่มชื่น ลึกลับ และแน่นอนคงความเป็นธรรมชาติได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ “...พี่เจ คือว่าหญ้าทึ่งมากๆ...แต่ที่นี่คงมีแต่สิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้นานาพันธุ์อย่างเดียวใช่มั้ยคะ?...” คำถามของกอหญ้า เรียกเสียงหัวเราะของชาลีได้ทันที เพราะความตกตะลึงก็จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ได้เข้ามา แต่คำถามแบบนี้กอหญ้าเป็นคนแรกที่ถาม
“ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ คือ มนุษย์ครับ ส่วนสิ่งมีชีวิตเล็กๆก็น่าจะมีบ้าง แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นพิษหรือเป็นอันตรายกับผู้ที่อยู่ที่นี่ครับ” กอหญ้าพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็อดย่นจมูกใส่พิศาลไม่ได้ ที่หันมาหัวเราะใส่เธอเหมือนกับชาลี
“อย่ามาหัวเราะหญ้านะ!!!...ก็บรรยากาศมันพาให้ชวนคิด”
“สนใจเดินชมมั้ยครับ...ผมจะพาไป” กอหญ้าพยักหน้ารับ แต่เจตรินขอตัวไปดูต้นไม้ที่สั่งไว้ และพิศาลยินดีไปช่วยเจตริน เพื่อที่ต้องการให้พี่สาวได้เพลิดเพลินกับป่าดิบชื้นแอมะซอนที่กอหญ้าให้คำนิยามไว้
“ไปสิค่ะ...หญ้าอยากเดินดูให้ทั่วทุกพื้นที่” กอหญ้าหันมาเร่งเร้าชาลี เมื่อเจตรินกับพิศาลเดินแยกไปแล้วแต่ชาลีก็ยังไม่นำทางเธออย่างที่เชิญไว้
“ผมว่า...หญ้าควรเปลี่ยนรองเท้าครับ” กอหญ้าก้มหน้ามองรองเท้าตัวเอง ‘ส้นสูง’ ถูกของชาลี เธอจะใส่รองเท้าคู่นี้เดินชมพื้นที่นี่ได้ไม่ถึงสิบนาทีเธอก็คงปวดขาและส้นรองเท้าเธอคงจมอยู่ในพื้นดินตรงไหนสักแห่ง
“ทำไงดีล่ะคะ?...หญ้าไม่ได้พกรองเท้ามาเปลี่ยน”
“มุขตลกนะครับ...” ชาลียิ้มให้กับกอหญ้า “ปืน...” และตะโกนเสียงดังเข้าไปในบ้านไม้สองชั้นที่รถของเจตรินมาจอดหน้าบ้าน
“ครับ เจ้านาย” เด็กชายวัยสักประมาณสิบสองขวบวิ่งออกมา และหันมาสวัสดีกอหญ้าเมื่อชาลีแนะนำให้รู้จักกัน
“ปืน พี่หญ้าเขาต้องการรองเท้าที่เหมาะกับการท่องป่า” ชาลี ก้มหน้าพูดกับปืน เด็กชายยิ้มอย่างเข้าใจและวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
“ขอถามอีกคำถามได้มั้ยคะ?” กอหญ้าหันมาทางชาลี เมื่อได้รับการอนุญาต “ที่นี่ต้องใช้คนดูแลเยอะมั้ยคะ?” ชาลียิ้ม เพราะไม่คิดว่าเป็นคำถามที่จะได้ยิน...
“คนงานไปกลับ สิบห้าคน และหกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่” ชาลีตอบคำถาม และก่อนที่กอหญ้าจะซักถามต่อ ปืนก็ออกมาพร้อมกับรองเท้าบูทกันน้ำพีวีซีสีเหลืองขนาดที่กอหญ้าสวมได้พอดี
“พร้อมค่ะ...” ชาลีกับกอหญ้าเดินเคียงข้างกัน ที่คุยและแลกเปลี่ยนความคิดกัน ตลอดหนึ่งชั่วโมง ที่กอหญ้าไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เธอตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบๆตัว ในมืออีกข้างถือโทรศัพท์คอยถ่ายรูป ไม้ดอกไม้ใบเก็บเป็นที่ระลึกมากมาย พร้อมกับที่เธอยอมเป็นนางแบบให้ชาลีถ่ายรูปเธอกับวิวสวยๆแบบนี้อย่างเต็มใจอีกมากมาย
“อยากลองดูมั้ยครับ?” ชาลีเอ่ยชวน เมื่อทั้งสองเดินมาถึงเรือนเพาะชำ กอหญ้าให้ความสนใจวิธีการปลูกเบญจมาศแคระ
“ค่ะ” กอหญ้าหันไปตอบรับคำเชิญของชาลี
“งั้นต้องมาเลือกกระถางก่อน...” ชาลีเอ่ยพร้อมกับมือสัมผัสที่ข้อศอก กอหญ้าให้เธอเดินออกมา
“ว้าว!...แค่กระถางยังน่ารักขนาดนี้” กอหญ้ามองกระถางเซรามิคที่ลวดลายมากมายในรูปสัตว์ต่างๆ “เอาตัวอะไรดีน่า!!!!....” กอหญ้าพึมพำกับตัวเอง และเดินดูกระถางที่วางเรียงกันบนชั้นมากมาย “อ้า!...ทำไงดีค่ะ หญ้าเลือกไม่ถูกเลย”
ชาลียิ้มออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ เมื่อเขาเห็นหน้าหญิงสาวที่เหมือนจะร้องไห้เพียงแค่ตัดสินใจไม่ได้ในการเลือกกระถางต้นไม้
“นกฮูก!”
“ใช่ครับ เพราะกระถางลายนกฮูก ใบนี้เหมือนหน้าของหญ้าตอนนี้เลย” ตาโตแบบซาบซึ้ง กอหญ้ารับกระถางมาจากชาลี และเดินกลับไปยังเรือนเพาะชำ ชาลีทำหน้าที่บอกขั้นตอนให้กับกอหญ้าลงมือทำตาม ลูกศิษย์ของเขาก็ตั้งใจอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีทุกอย่างเรียบร้อย
กอหญ้ายกหลังมือปาดเหงื่อที่ไหลมาตามวงหน้า ชาลีเงยหน้ามอง กอหญ้าหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย “เชื่อเขาเลย...” ชาลีพึมพำออกมาหลังจากที่เห็นหน้ากอหญ้า ที่เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารักในสายตาของชาลี และเธอสดใสน่ารักกว่าปกติ เมื่อบรัทออนบนแก้มเธอกลายเป็นสีดินไปเสียแล้ว
ชาลีล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ผ้าเช็ดหน้าติดมือออกมาด้วย “อยู่เฉยๆนะครับ...เพราะหน้าหญ้าเลอะเทอะมาก” ชาลีพูดพร้อมโน้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้ากอหญ้าพร้อมกับมือที่มีผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาทาบทับใบหน้าเธอและเช็ดคราบดินบนแก้มใสนั้นอย่างเบามือ
“ขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้ รวมถึงเจ้านี้ด้วย” กอหญ้ากล่าวกับชาลี เมื่อเธอลงมาจากรถ และกล่าวลาเจตรินและพิศาล
กอหญ้าเดินเข้ามาด้านในพร้อมกระถางเบญจมาศแคระที่เธอลงมือปลูกด้วยตัวเอง รดน้ำตอนเช้า ชาลีบอกเธอมาแบบนี้ “ฉันรอเจอแกอยู่นะเจ้าดอกเอ๋ย” กอหญ้าวางกระถางไว้บนโต๊ะริมหน้าต่าง วันนี้ช่างยาวนานแต่เธอไม่ได้หลงลืมใครอีกคนที่เขาไม่โทร.หาเธอเลยหรือแม้แต่ส่งข้อความมาหา
“ทำไมหญ้าคิดถึงพี่คริสต์ได้มากมายขนาดนี้” กอหญ้าพึมพำกับตัวเองเพียงลำพัง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา