3 ก.ค. 2021 เวลา 16:49 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
รู้หรือไม่ในวันนี้ขณะที่มนุษย์เรากำลังง่วนอยู่กับการรับมือวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 กันอยู่ อาจจะมีมนุษย์ต่างดาวนับพันอารยธรรมที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเราแล้วก็เป็นได้
ที่ดวงดาวห่างไกลออกไปหลายสิบปีแสง อาจจะมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญากำลังเงี่ยหูฟังและเฝ้าดูเราอยู่
ทุกวันนี้เรากวาดดูท้องฟ้ามองหาหลักฐานการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่อาจจะมีอยู่ข้างบนนั้น ด้วยหวังว่าเราจะไม่ต้องเดียวดายกลายเป็นเพียงอารยธรรมหนึ่งเดียวในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
แล้วถ้าหากคิดกลับกันละ มันจะมีอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญหาข้างบนนั้นที่กำลังมองหาเพื่อนอยู่เหมือนหรือเปล่า แล้วจะมีอยู่กี่อารยธรรมที่อาจจะรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเราแล้ว??
2
มาวันนี้ได้มีงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ใน Nature ได้ประเมินว่ามีดาวเคราะห์กว่า 1,700 ดวงในรัศมี 100 parsecs(326 ปีแสง) จากโลกเราที่สามารถมองเห็นและรับรู้ได้ว่ามีอารยธรรมของมนุษย์เราอยู่บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่เรียกว่าโลกนี้
และถ้ามีจริงพวกเขาอาจจะรับรู้ว่ามีพวกเราที่ซึ่งกำลังก่อร่างสร้างอารยธรรมมาตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีก่อนแล้ว
โดยงานวิจัยนี้ได้ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม NASA’s Transiting Exoplanet Survey Satellite และดาวเทียมในโครงการ GAIA ขององค์การอวกาศยุโรปที่ใช้ในการค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ
2
ข้อมูลของดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจาก TESS และ GAIA ที่ใช้ในงานวิจัย
ซึ่งเป็นการประเมินในมุมกลับ โดยคิดแบบเดียวกับที่เรารู้ว่ามีดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะเหล่านั้นอยู่ นั่นก็คือดาวเคราะห์เหล่านั้นก็จะสามารถตรวจจับการมีอยู่ของโลกเราด้วยเทคนิคแบบเดียวกันนั่นเอง
3
อาทิเช่น การหรี่แสงของดวงอาทิตย์เมื่อโลกโคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ในมุมมองของคนที่มองมาจากดาวเคราะห์ดวงนั้น (การตรวจจับดาวเคราะห์ด้วยเทคนิค transit method)
1
ซึ่งเทคนิคนี้ยังสามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบของชั้นบรรยากาศบนดาวดวงนั้นเพื่อมองหาร่องรอยของก๊าซออกซิเจนหรือมีเทนในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจจะมีสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงนั้น
1
ซึ่งเงื่อนไขในการประเมินจำนวนของดาวเคราะห์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตและอาจจะมีอารยธรรมที่สามารถย้อนมองกลับมายังโลกของเรานั้น ทีมวิจัยประเมินว่าดาวฤกษ์ที่เราเห็นอยู่บนท้องฟ้านั้นจะมีโอกาสที่จะมีดาวเคราะห์ที่มีสภาวะเอื้อต่อการดำรงชีวิตอยู่ในระบบดาวนั้นประมาณ 1 ใน 4
2
โดยข้อมูลที่ใช้ตั้งสมมติฐานนี้ก็คือข้อมูลสถิติของเหล่าดาวเคราะห์ที่อยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Goldilocks zone หรือ Habitat zone ช่วงระยะห่างจากดาวแม่ที่ดาวเคราะห์เหล่านั้นจะไม่เย็นหรือร้อนเกินไปต่อการดำรงชีวิต
2
และถ้ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่บนดาวเคราะห์เหล่านั้นก็จะเริ่มมองเห็นว่าโลกเรานั้นเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยได้มาตั้งแต่ 2,000 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เริ่มมีก๊าซออกซิเจนในปริมาณที่สามารถตรวจจับได้ในชั้นบรรยากาศอันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ที่เรียกว่าโลกนี้
2
ความพยายามมองหาร่องรอยของอารยธรรมต่างดาวนั้นมีมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ หนึ่งในความพยายามนั้นได้แก่การใช้จานรับสัญญาณวิทยุขนาดยักษ์เพื่อ "เงี่ยหูฟัง" สัญญาณวิทยุของมนุษย์ต่างดาว
จากรับสัญญาณวิทยุในโครงการ Ozma ที่ใช้ในการฟังสัญญาณวิทยุจากบนฟากฟ้า
โดยในช่วงทศวรรษที่ 60 นักดาราศาสตร์นาม Frank D. Drake ได้ใช้จานรับสัญญาณวิทยุเพื่อดักจับสัญญาณวิทยุที่อาจจะมาจากดาว 2 ดวงที่อยู่ห่างออกไป 11 ปีแสงซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับดวงอาทิตย์ของเรา ด้วยความหวังว่าจะได้รับสัญญาณวิทยุที่บ่งบอกถึงอารยธรรมต่างดาว
ซึ่งแน่นอนว่าความพยายามนั้นล้มเหลว เงียบกริบปราศจากสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เหล่านักดาราศาสตร์ล้มเลิกความพยายามจวบจนปัจจุบัน
เป็นเวลาร้อยกว่าปีแล้วที่มนุษย์เราเริ่มส่งสัญญาณวิทยุออกไปสู่ห้วงอวกาศ และสัญญาณการถ่ายทอดนี้ได้เดินทางไปถึงดวงดาวเพื่อนบ้านข้างเคียงของระบบสุริยะเราแล้วกว่า 75 ดวง
1
ซึ่งด้วยเงื่อนไขเดียวกับที่ทีมวิจัยใช้ ก็น่าจะมีดาวเคราะห์อยู่เกือบ 20 ดวงที่อาจจะมีมนุษย์ต่างดาวที่ได้ยินเสียงจากโลกของเราและอาจจะกำลังเดินทางมาหาเราแล้วก็เป็นได้ . . .
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา