4 ก.ค. 2021 เวลา 12:26 • สิ่งแวดล้อม
#20 The Brain Club : Animal " ฟาร์มสิงโต "
" มันน่าตกใจมากๆ เราไม่อยากเชื่อเลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง เราได้กลิ่นคาวเลือด มีสิงโตจำนวนมากถูกยิงตายในฟาร์ม " เจ้าหน้าหญิงของ SPCA กล่าวด้วยความปวดใจ
ทุ่งหญ้าสุดแสนกว้างใหญ่ในทวีปแอฟริกา คือบ้านหลังใหญ่ของบรรดาสัตว์ป่า เป็นบ้านของสัตว์นักล่าและผู้ถูกล่า ที่มีวิถีชีวิตเกื้อกูลกันแบบสมดุลเสมอมา โดยมีมนุษย์เป็นผู้สอดแทรกวงจร
การลักลอบล่าสัตว์คือข่าวที่เรามักจะได้ยินอยู่เสมอๆ แต่ในเหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ มันช่างแตกต่างจากการบุกล่าสัตว์ในป่าทั่วไป เพราะมันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจของสถานที่ซึ่งเรียกตัวเองว่า " บ้านของสัตว์ป่า "
ฟาร์มสิงโต (Lion Farm) คืออุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์สิงโตที่พบได้ในประเทศแอฟริกาใต้ หลายแห่งไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมวงกว้างเท่าไหรนัก เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจมืดฝันร้ายของคนรักสัตว์
นั้นคือขายกระดูกสิงโตเพศผู้ให้กับลูกค้าจากต่างแดน โดยเฉพาะทางฝั่งเอเชียตะวันออกที่เป็นลูกค้ากระเป๋าหนักชั้นดีที่มีความต้องการสูงอยู่ตลอดเวลา
เรื่องทั้งหมดเกิดในปี 2019 ฟาร์ม " Wag-’n-Bietjie " ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงโบลมฟอนแทน 32 กิโลเมตร เป็นบ้านหลังใหญ่ของสิงโตกว่า 246 ชีวิต
โดยตัวเจ้าของคือนักเพาะพันธุ์สิงโต " อังเดร เสตน (Andre Steyn) " อดีตสมาชิกของ South African Predator Association ซึ่งเป็นองค์กรการค้าอุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์สัตว์
ทางฟาร์มพยายามโปรโมทยกหางตัวเองว่าเป็น " ฟาร์มเชิงนิเวศที่ให้ความสำคัญเรื่องรักธรรมชาติ และรักสัตว์ป่า "
แต่สิ่งที่เห็นภายนอกช่างแตกต่างจากภายใน เพราะฟาร์มแห่งนี้ได้เก็บซ่อนความลับอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นภายในเวลา 2 วัน มีสิงโตเพศผู้ต้องสังเวยชีวิตอย่างเลือดเย็นกว่า 54 ตัว
เพื่อนำโครงกระดูกไปเปลี่ยนเป็นเงินให้เศรษฐีกระเป๋าหนักที่ต้องการสะสม สำหรับผมแล้วฟาร์มแห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากโรงฆ่าสัตว์เลยแม้แต่น้อย
เรื่องราวที่น่าปวดใจถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการโดยคุณ " เรเนท เมเยอร์ (Reinet Meyer) " เจ้าหน้าตรวจสอบอาวุโสของ SPCA ซึ่งเป็นองค์กรป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ที่ไม่แสวงหากำไร ที่ได้รับแจ้งให้เข้าไปตรวจสอบ
การมาเยือนฟาร์มแห่งนี้ เป็นเหมือนการตรวจสอบโดยทั่วไปที่เธอผ่านมาแบบโชกโชนตลอดการดำรงตำแหน่ง เธอไม่ได้เตรียมใจมาด้วยซ้ำว่าจะต้องเจออะไรบ้างหากก้าวเท้าเข้าไปด้านในฟาร์ม
สิ่งที่เธอเห็นคือภาพจำที่น่าสยดสยอง กรงขนาดเล็กถูกใช้สำหรับกักขังเพื่อนร่วมโลกตัวโตที่พวกเราตั้งฉายาให้มันว่า " เจ้าแห่งสัตว์ป่า "
สิงโตจำนวนมากถูกขังไว้ในกรงแบบปิดบนพื้นที่จำกัด ไม่มีที่ให้พวกมันได้วิ่งเล่นอย่างอิสระ และไม่มีสัตว์ให้ออกล่าตามสัญชาติญาณ
เจ้าหน้าที่พบสิงโตขาวหายากชื่อ " มูฟาซา " มันเกือบจะถูกประมูลขายอยู่แล้ว เนื่องจากอยู่ในสภาวะขาดศักยภาพในการผสมพันธุ์ มันโชคดีมากที่เจ้าหน้าที่เข้ามาเจอก่อน
แต่ยังมีสิงโตโชคร้ายอีกกว่า 54 ชีวิต ต้องพบเจอกับความตายที่พวกมันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยในช่วงก่อนหน้านี้
พบหลักฐานการฆ่าอย่างป่าเถื่อน คุณเมเยอร์พบคนงาน 8 คนกำลังจัดการซากเปื้อนเลือดของสิงโตที่ถูกลอกผิวหนังเพื่อเอากระดูก มีการเผาไหม้ทำลายซากอวัยวะบางส่วนที่ราคาไม่แพงจะถูกยัดทิ้งลงถุงขยะที่ล้นเป็นกองพะเนินด้านนอกฟาร์ม
ราชาแห่งป่ากลับต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ บางตัวก็ถูกถลกหนังไป บางตัวกำลังรอที่จะถูกฉีกหนังออกในสักวันหนึ่ง และถึงแม้สิงโตบางตัวจะยังรอดชีวิต แต่พวกมันก็ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอจากการทนพิษบาดแผลที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เพราะพวกมันถูกมองเป็นสินค้าที่ต้องตายสักวันอยู่แล้ว
ห่างจากจุดนี้ไม่ไกลมากนัก เจ้าหน้าที่พบสิงโตจำนวน 2 ตัว ถูกขังในสภาพอดอาหารและน้ำเป็นเวลา 3 วันเต็มๆ ภายในกรงเหล็กที่มีขนาดเล็กมากจนพวกมันขยับตัวไปมา หรือแม้กระทั่งหันหลังกลับตัวไม่ได้เลย
คุณเมเยอร์เดินไปพบสิงโตตัวนึงซึ่งในตอนแรกเธอคิดว่ามันตายไปแล้ว เพราะมันนอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
" สิงโตตัวนั้นดูหดหู่มากๆ มันไม่ขยับตัวเลย มันน่าเศร้ามากที่มันถูกขังไว้แบบนี้ สิงโตก็เป็นสัตว์ป่าที่มีชีวิตจิตใจ มันต้องการอิสรภาพในการใช้ชีวิต แต่ตอนนี้มันกลับถูกขังอยู่ในกรงเล็กๆ " เธอกล่าว
● การปลิดชีพที่น่าปวดใจ
คนงานจะใช้ปืนที่บรรจุกระสุนยากล่อมประสาท ยิ่งทะลุผ่านหูไปในสมองโดยตรง โดยระวังไม่ให้กระทบกับอวัยวะโดยรวมมากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าของพวกเขาเสียราคา เพราะผู้ซื้อจะไม่จ่ายเงินให้กับกะโหลกสิงโตที่เสียหายหนัก
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าฟาร์มนรกแห่งนี้มีสิงโตอาศัยอยู่ 246 ตัว มีจำนวน 100 ตัว ถูกหมายหัวเพื่อรอการฆ่า โดยมี 54 ตัวต้องจบชีวิตลงไปก่อนหน้านั้น ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน
แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่คาดว่ามีสิงโตในฟาร์มบางส่วนถูกส่งมาจากสวนสัตว์ในเมืองโจฮันเนสเบิร์กที่อยู่ห่างจากฟาร์มราวๆ 400 กิโลเมตร
อ่านมาถึงตรงนี้ต้องขอบอกว่า ฟาร์มแห่งนี้ได้รับอนุญาตให้ฆ่าสิงโตได้แบบถูกกฏหมาย กลายเป็นหนึ่งในโรงฆ่าสิงโตเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับใบอนุญาต
นั้นหมายความว่าการฆ่าสิงโตเพื่อขายคือเรื่องที่ทำได้ โดยแอฟริกาใต้มีปริมาณการส่งออกโครงกระดูกสิงโตราวๆ 800 ตัวต่อปี ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดเลยก็ว่าได้
เศษซากของสิงโตที่เหลือ
แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้แดงขึ้นมา เป็นเพราะสิ่งที่คุณเมเยอร์เห็นนั้นกลับโหดร้ายเกินกว่าที่ควรจะเป็น จากฟาร์มที่อ้างว่าเป็นบ้านของสัตว์ แต่แท้จริงแล้วไม่ต่างอะไรจากโรงเชือดโหดร้ายเลย
" สำหรับฉัน สิงโตคือสัตว์ราชาที่สง่างาม แต่ที่ฟาร์มแห่งนี้ พวกมันเป็นเครื่องมือให้คนหาเงินเข้ากระเป๋า มันโคตรน่าขยะแขยงเลย " เธอกล่าวเพิ่มเติม
ตอนนี้ฟาร์มถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์ จากการขังสิงโตไว้ในกรงเหล็กขนาดเล็ก เป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวให้เสียซึ่งอิสระภาพ ทุกข์ทรมาน ประกอบกับวิธีการฆ่าที่โหดร้ายทารุณเกินมนุษย์ และสภาพโรงเชือดที่ในตอนนี้ย่ำแย่เกินมาตรฐาน
ทำให้ใบอนุญาตของฟาร์มกำลังถูกพิจารณาเพิกถอน มีการฟ้องร้องต่อสู้ทางกฏหมายในชั้นศาลกันอย่างหนักหน่วงตลอดหลังจากนั้น
อัปเดตล่าสุดในขณะนี้คือใบอนุญาติของฟาร์มถูกเพิกถอนไปแล้วนะครับ แต่ชะตากรรมของสิงโตที่เหลือยังคงไม่ชัดเจน
หวังว่าพวกมันจะรอดชีวิตกันทุกตัว มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้นกว่านี้ และได้รับโอกาสใช้ชีวิตอย่างอิสระท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่เพื่ออกล่าตามสัญชาติญาณได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างสิงโตกับเสือโคร่ง ซึ่งเป็นสัตว์นอกทวีป เพื่อผลิตผลกำไรจากการค้าโครงกระดูกเถื่อนให้เพิ่มสูงขึ้น เพราะมันขายได้ราคาดีกว่าเนื่องจากลูกที่ผสมออกมาเมื่ออายุ 3 ขวบ ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักตัวเทียบเท่ากับลูกสิงโต 9 ขวบ ด้วยน้ำหนักมวลกระดูกที่แข็งแรงจึงสามารถขายได้เร็วไม่ต้องรอนานเหมือนก่อน
จากการผสมพันธุ์ที่ไม่เหมาะสมนี้ ทำให้เกิดอันตรายในการคลอดลูก อาจทำให้ลูกที่ลืมตาดูโลกตายก่อนวัยอันควร และภาวะอันตรายแทรกซ้อนของแม่ เนื่องจากต้องคลอดลูกที่มีขนาดตัวใหญ่มากฝืนธรรมชาติ
ตอนเขียนบทความนี้เป็นเหมือนเป็นฝันร้ายที่เปิดโลกของผมเหมือนกันครับ ยิ่งคิดยิ่งปวดใจว่าทำไมความโลภของมนุษย์ถึงไม่มีสิ้นสุดเสียที เมื่อไหร่เราจะเลิกแทรกแซงกลไกธรรมชาติ เลิกเบียดเบียนคนอื่น
กลิ่นเงินมันหอมหวานมากๆ จนคนหลงผิดไปไกล ผมจึงกลัวว่าสักวันหนึ่งธรรมชาติจะหันมาเอาคืนเราอย่างหนักหน่วง มากกว่าที่เรากำลังเจออยู่ในตอนนี้ก็ได้นะครับ แต่ถ้าวันสิ้นสุดของมวลมนุษย์มาถึงจริงๆ มันก็คงเป็นทางออกที่ธรรมชาติคิดว่าถูกต้องมากที่สุดแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา