ภายหลังที่เกิดวิกฤติดังกล่าวขึ้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งในระดับภายในประเทศ และนานาชาติ โดยเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2012 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นมาโดยรัฐสภาของญี่ปุ่น (The National Diet of Japan Fukushima Nuclear Accident Independent Investigation Commission)
ได้สรุปผลการสืบสวนว่าวิกฤติดังกล่าวเป็นอุบัติภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่คาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้น และบริษัท Tokyo Electric Power (TEPCO) ก็ได้ปล่อยปละละเลยในการจัดทำการประเมินความเสี่ยงและแผนการอพยพ ให้เหมาะสม
นอกจากนี้ ในการประชุมของ International Atomic Energy Agency ที่กรุงเวียนนา ก็ได้สรุปอีกว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นจากการกำกับดูแลที่หละหลวมของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ของญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade, and Industry) เนื่องจากกระทรวงดังกล่าวมีหน้าที่ทั้งกำกับดูแล และให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์ จึงก่อให้เกิดเป็นการขัดกันซึ่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ขึ้น
หลังเหตุการณ์เกิดองค์กรใหม่ เพื่อแก้ปัญหา Conflict of Interest
เพื่อศึกษาการจัดทำการปฏิรูปดังกล่าว เช่น สภาพลังงานและสิ่งแวดล้อม (The Energy and Environment Council) ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นโดย National Policy Unit หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของคณะรัฐมนตรี ก็ได้มีการเผยแพร่รายงาน the Innovative Strategy for Energy and the Environment ซึ่งได้วางกรอบและทิศทางของนโยบายพลังงานของญี่ปุ่นในอนาคต
แม้ภายหลังจะมีการผลัดเปลี่ยนรัฐบาลไปเป็นพรรค Liberal Democrat (LDP) ของนายชินโสะ อาเบะ และมีการยุบ National Policy Unit ที่พรรค Democrat ตั้งขึ้นมาในปี 2009 แต่นโยบายการปฏิรูปพลังงานก็ได้รับการขานรับและสานต่อรับลูกกันมาเป็นอย่างดี โดยแผนปฏิรูปตลาดซื้อขายไฟฟ้าได้ถูกบรรจุเป็นหนึ่งในแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคของรัฐบาลชินโสะ อาเบะอีกด้วย