Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อมร ทองสุก
•
ติดตาม
12 ก.ค. 2021 เวลา 00:24 • ปรัชญา
เต๋าเต็กเก็ง บทที่ ๘
第八章
上善若水。
水善利萬物而不爭,處眾人之所惡,故幾於道。
居善地﹔心善淵﹔
與善仁﹔言善信﹔
政善治﹔事善能﹔動善時。
夫唯不爭,故無尤。
บทที่ ๘
พึงเลิศล้ำให้ประหนึ่งน้ำ
น้ำมุ่งประโยชน์ต่อสรรพสิ่งโดยไม่แย่งชิง ดำรงในที่หมู่ชนรังเกียจ ดังนั้นจึงใกล้เคียงกับเต๋า
ชาญพำนักด้วยแดนวิเศษ
ชาญจินตนาด้วยความลุ่มลึก
ชาญประสาทด้วยความความเมตตา
ชาญเจรจาด้วยความมีสัจจ์
ชาญปกครองด้วยประศาสนะ
ชาญประกฤตด้วยความปรีชา
ชาญเคลื่อนไหวด้วยกาลัญญุตา
ก็ด้วยเพราะไม่แย่งชิง จึงไม่เป็นที่ครหา
พึงเลิศล้ำให้ประหนึ่งน้ำ
อันคนเราจะดีหรือไม่อยู่ที่ครูนำ ด้วยครูคือแม่พิมพ์อันประเสริฐ คือผู้ประศาสน์วิชาอันล้ำเลิศให้เป็นบัณฑิต คือผู้ประสิทธิ์คุณธรรมอันสูงส่งให้เป็นวิญญู และครูที่ดีนี้ หาได้อยู่ไกลที่ไหนไม่ หากแต่อยู่ใกล้เพียงรอบตัว นั่นก็คือวารีแห่งสายธารานั่นเอง
ด้วยน้ำมีคุณธรรมอันประเสริฐ เราจึงพึงยึดคุณธรรมแห่งน้ำเป็นครูในการดำเนินชีวิต เช่นนี้จึงจะเป็นนรชาติผู้เจริญ
น้ำมุ่งประโยชน์ต่อสรรพสิ่งโดยไม่แย่งชิง
ดำรงในที่หมู่ชนรังเกียจ ดังนั้นจึงใกล้เคียงกับเต๋า
น้ำจะก้มหน้าทำแต่ความดีให้กับทุกชีวี น้ำหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง น้ำชะล้างสิ่งปฏิกูล น้ำสร้างสรรค์ความชุ่มชื้น น้ำขับกล่อมดนตรีแสนเสนาะ น้ำวาดเขียนศิลปะบนแผ่นดิน น้ำร่ายรำนาฏศิลป์ให้รื่นรมย์ เหล่านี้คือสิ่งที่น้ำทำอย่างแข็งขัน และน้ำ... ไม่เคยคิดเกี่ยงงอนเรียกร้องความสนใจ ไม่เคยคิดหวังในผลตอบแทน ฤทัยแห่งน้ำมุ่งหวังเพียงเจริญคุณธรรมแห่งการปิดทองหลังพระ ดังนั้นจึงไม่แย่งชิงกับผู้ใด เพราะน้ำจะมีแต่ให้อยู่ทุกเวลา
อนึ่ง น้ำจะมุ่งไหลแต่ที่ต่ำ แม้นสรรพสิ่งจะอยู่ในที่ต่ำแล้วสักเพียงใด แต่น้ำก็ยังสามารถไหลลงได้ต่ำยิ่งกว่า น้ำจึงมีความอ่อนน้อมเหนือสรรพสิ่งใดๆ
ด้วยน้ำมีใจอ่อนน้อมอย่างที่สุดดังนี้ ดังนั้นน้ำจึงสามารถชำระสิ่งสกปรกที่ผู้คนชิงชัง ผู้คนล้วนขยาดที่จะเข้าใกล้สิ่งสกปรกเหล่านี้ หากมีเพียงน้ำเท่านั้นที่จะขอชำระล้างให้หมดไป และด้วยเพราะน้ำมีคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ดังนี้ ดังนั้นน้ำจึงมีความใกล้เคียงกับเต๋า
ชาญพำนักด้วยแดนวิเศษ
ในยามที่น้ำจะหยุดพักพิง น้ำจะไหลลงสู่ที่ต่ำแล้วหยุดนิ่งอย่างสงบ เสมือนหนึ่งว่ามีความมานะบากบั่นที่จะเฟ้นหาความศานติที่หมายมั่น แม้นสรรพสิ่งจะก่อกวนน้ำให้วุ่นวายอย่างไร แต่น้ำก็ยังคงมุ่งมั่นย้อนกลับสู่ที่ต่ำอันสงบนิ่ง
สายลมมักจะพัดผิวน้ำเป็นริ้วคลื่น แสงแดดมักจะแผดเผาสายน้ำให้เร่าร้อน ธุลีมักจะก่อกวนให้น้ำขุ่นมัว แต่ที่สุดน้ำก็จะน้อมลงสู่ความสงบ แลนำตะกอนนอนก้นจนสดใสอยู่เสมอ
แม้นน้ำจะชำระสิ่งปฏิกูลจนได้กลายเป็นน้ำคลำที่แสนสกปรกอย่างไร แต่น้ำก็ยังคงธำรงรักษ์เนื้อแท้แห่งน้ำที่บริสุทธิ์ โดยหาได้เปลี่ยนแปลงเนื้อแท้แห่งน้ำให้ผันแปรไปตามสภาวะที่ก่อกวนแต่อย่างใดไม่
ทั้งหมดนี้คือการใฝ่พำนักในดินแดนอันวิเศษแห่งน้ำ
อันจิตแห่งมนุษย์ก็ควรดำรงวัตรเหมือนดั่งสายน้ำ ยามใดที่ใจได้ลอยฟุ้งไปตามสภาวะ สุดท้ายก็ควรจะน้อมใจกลับสู่จุดสุญตา สุญตาคือศูนย์ ศูนย์คือต้นกำเนิด การน้อมกลับสู่สุญตา ก็คือการกลับสู่ต้นกำเนิดแห่งจิต เพราะจุดที่ต่ำที่สุดแห่งโลกา ก็คือจุดแห่งสุญตานั่นเอง
ชาญจินตนาด้วยความลุ่มลึก
อันฤทัยแห่งน้ำนั้นเย็นสบาย ยังให้ผู้คนที่เศร้าโศกได้คลายหม่นทุกครั้งที่แลเห็น เสียงน้ำไหลรินอย่างเอื่อยๆ ยังให้ผู้ได้ยินรู้สึกถึงความไม่รีบร้อนทะเยอทะยาน แต่แม้นสายน้ำจะดูไม่ขวักไขว่จนเสมือนว่าไร้พลังก็จริง แต่ครั้นสายน้ำถาโถมซัดสาดก็ยังคงพลานุภาพจนผู้คนต้องเกรงขาม และยามใดที่เราพยายามหยั่งถึงใจกลางแห่งน้ำ เรากลับแลเห็นแต่เพียงความลุ่มลึกจนสุดจะคะเน
น้ำไร้อัตตา เพราะน้ำไม่เคยยึดติดสภาวะ ดังนั้น ไม่ว่าน้ำจะอยู่ในภาชนะใด น้ำล้วนสามารถปรับเปลี่ยนตนตามภาชนะนั้น ดังนั้นน้ำจึงสนองตามความประสงค์แห่งสรรพสิ่ง สรรพสิ่งมีความประสงค์ใด น้ำก็จะสนองตามความประสงค์นั้น ขอเพียงเป็นความสุขแห่งสรรพสิ่ง น้ำล้วนสามารถสนองตอบได้ทุกเวลา
น้ำเปี่ยมด้วยพลานุภาพที่สุดคณนา แต่ในใจกลางแห่งน้ำนั้นสุดแสนจะลุ่มลึก เยือกเย็น สงบนิ่ง สุขุม และยากหยั่งถึง ไม่เหมือนดั่งผู้คนบนแผ่นดินที่วอกแวก เกรี้ยวกราด ร้อนแรง วุ่นวาย และคาดเดาได้ง่าย ดังนั้นวิญญูผู้ใฝ่เต๋า จึงพึงมีความสุขุมล้ำลึกเหมือนดั่งเช่นน้ำ
ชาญประสาทด้วยความความเมตตา
ยามผู้คนต้องการสมาคมด้วยสายน้ำ สายน้ำจะมอบความชุ่มฉ่ำแห่งจิตใจให้เสมอ สายน้ำมอบของขวัญอันวิเศษสุดให้แก่เรา ให้อาหารที่เราปลูกได้งอกงาม ให้ความร้อนที่แผดเผาได้เบาบาง ให้การชำระล้างจนสะอ้าน และแม้นผู้คนจะปฏิบัติต่อน้ำอย่างโหดร้ายอย่างไร สายน้ำก็ยังคงเป็นมหามิตรผู้เมตตาแด่ผู้คนได้เสมอ
ชาญเจรจาด้วยความมีสัจจ์
ด้วยแม้นสายน้ำจะทรงอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดโอบล้อมปฐพี แต่สายน้ำก็มิเคยได้ตระบัดสัตย์ต่อผู้คน หากยังคงการขึ้นลงแห่งมหาสาครมิเคยเปลี่ยน ด้วยแม้นมนุษย์เราอาจจะผันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาอันเนิ่นนาน แต่สายน้ำก็ยังคงสัจจะนี้ไว้ตลอดมา
น้ำจะคงความเที่ยงธรรมได้เสมอ ความเที่ยงธรรมก็คือสัจจะ ผู้มีสัจจะจะต้องมีความเที่ยงธรรม อันสายน้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด น้ำจะต้องรักษาความสมดุลนิ่งทั้งซ้ายขวา น้ำไม่โอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นผู้คนจึงอาศัยความเที่ยงธรรมแห่งน้ำในการสร้างมาตรฐานแห่งการสร้างสรรค์ ด้วยเพราะเหตุนี้ สิ่งปลูกสร้างจึงไม่โอนเอียง ถนนสะพานจึงไม่ตะแคง สิ่งประดิษฐ์จึงไม่บิดเบี้ยว ทั้งหมดนี้ล้วนเพราะความมีสัจจ์แห่งน้ำทั้งสิ้น
ชาญปกครองด้วยประศาสนะ
อันนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่ พึงปกครองชาวโลกโดยชาวโลกไม่รู้สึกว่าถูกปกครอง หล่อเลี้ยงสรรพสิ่งโดยสรรพสิ่งไม่รู้ตัวว่าถูกหล่อเลี้ยง ให้พระคุณมวลชีวีโดยมวลชีวีไม่รู้ตัวว่าได้รับบุญคุณ บริหารด้วยความเสมอภาค ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และดำรงจิตใจอันว่างเปล่าในการปกครองสรรพสิ่ง อันจิตใจของนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่ จึงไม่มีอคติว่าใครเป็นคนดีแล้วเอ็นดูเต็มฤดี จะไม่แบ่งแยกว่าใครเป็นคนร้ายแล้วชิงชังไม่ไยดี เหมือนดั่งเช่นสายน้ำ
สายน้ำสามารถหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งโดยไม่แบ่งแยก แม้นผู้คนจะทำร้ายสายน้ำจนสกปรก แต่น้ำก็ยังคงทำหน้าที่ในการชะล้างสิ่งปฏิกูลให้กับสรรพสิ่งโดยไม่กล่าวโทษ แม้นผู้คนจะไม่รู้พระคุณแห่งสายน้ำ แต่น้ำก็ยังคงทำหน้าที่สร้างความงอกงามโดยไม่หน่ายหนี น้ำจะปฏิบัติกับสรรพสิ่งอย่างเสมอภาค ปฏิบัติต่อสรรพสิ่งด้วยความเมตตา ดังนั้นน้ำจึงเป็นนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่
ชาญประกฤตด้วยความปรีชา
ความปรีชาที่แท้จริง ก็คือผู้ที่สามารถเก็บงำความสามารถจนไม่มีใครล่วงรู้ ภายนอกดูเสมือนว่าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา แต่ยามที่ต้องแสดงความสามารถออกมา เขากลับสามารถอุทิศถวายชีวาและสร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้กับสรรพสิ่งโดยไม่อำพราง
ในประการนี้ ต้องนับว่าน้ำคือผู้ปรีชาอย่างแท้จริงยิ่งแล้ว เพราะน้ำจะสงบนิ่งจนดูเสมือนว่าไร้พิษสง แต่น้ำกลับสามารถแทรกซอนหินผาที่แข็งแกร่ง แม้นน้ำจะส่งเสียงเอื่อยๆ เสมือนนารีที่อ่อนแรง แต่ยามที่น้ำตกกระแทกผืนปฐพี น้ำกลับสามารถส่งพลังจนสะเทือนเลื่อนลั่น
ภายใต้แผ่นฟ้าอันยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งมีมากมายจนสุดคณนา แต่น้ำก็มีความปรีชาสามารถที่จะหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งได้อย่างพอดี ไม่มากไม่ขาด มีความเหมาะสมจนเป็นความสมดุล แลนี่ก็คือวัตรอันแสนปรีชาแห่งน้ำ
ชาญเคลื่อนไหวด้วยกาลัญญุตา
ในยามที่น้ำโคจรเคลื่อนไหว สายน้ำจะรู้ความเหมาะสมอย่างสมควรแก่เวลา ยามใดอากาศร้อนอบอ้าว ยามนั้นน้ำก็จะแปรเป็นละอองฝน ยามใดแผ่นดินแตกระแหง ยามนั้นน้ำก็จะหล่อเลี้ยงให้ชุ่มฉ่ำ ยามพร่องน้ำก็เติม ยามล้นน้ำก็เอ่อ ยามร้อนน้ำก็แผ่กระจาย ยามฉ่ำน้ำก็เกาะตัวเป็นหยดน้ำ สิ่งเหล่านี้ ล้วนเพราะน้ำรู้กาละเทศะ รู้บทบาทหน้าที่ ไม่ก้าวล่วงอำนาจของสรรพสิ่ง ด้วยเพราะสายน้ำคือผู้รู้กาลอย่างเหมาะสมนั่นเอง
อนึ่ง ในท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ในแต่ละวัน น้ำจะทำหน้าที่น้ำขึ้นน้ำลงอย่างตรงเวลา ในแต่ละเดือน น้ำก็ยังคงทำหน้าที่น้ำเป็นน้ำตายอย่างไม่บิดพลิ้ว น้ำจึงเป็นผู้มีสัจจะในการทำหน้าที่ แลเป็นผู้รู้กาลที่เหมาะควร
ก็ด้วยเพราะไม่แย่งชิง จึงไม่เป็นที่ครหา
สายน้ำมีคุณธรรมที่จะรักษาบทบาทหน้าที่แห่งตนอยู่ทุกเวลา ด้วยแม้นผู้คนจะไม่เคยสำนึกรู้คุณแห่งสายน้ำ หรือกระทั่งยังย้อนกระทำการย่ำยีต่อสายน้ำอีกต่างหาก แต่สายน้ำก็ไม่เคยปรารมภ์และนำมาเป็นข้ออ้างในการบกพร่องต่อหน้าที่ สายน้ำไม่เคยคิดที่จะชิงดีกับผู้ใด ไม่เคยคิดที่จะโต้แย้งให้ใครเข้าใจ ไม่เคยเรียกร้องความสนใจ ไม่เคยลำเลิกให้คนสำนึก ไม่เคยยกยอให้คนชื่นชม ด้วยแม้นกาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปอย่างยาวนานเช่นไร หรือผู้คนจะได้ล้มหายตายจากไปในหน้าประวัติศาสตร์แห่งกาลเวลามากมายเท่าไหร่ แต่สายน้ำก็ยังคงเป็นสายน้ำ ยังคงรักษาบทบาทหน้าที่แห่งตน และยังคงก้มหน้าก้มตากระทำบทบาทอย่างเงียบสงบ ดังนั้นผู้คนจึงไม่เคยครหาติติงสายน้ำแต่อย่างใด
2 บันทึก
1
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง
2
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย