23 ก.ค. 2021 เวลา 02:02 • นิยาย เรื่องสั้น
5.11. ลงมือก่อนได้เปรียบ
ตู้ซือ รหัสลับนางโจร - ตันเซ็ก จอกแหนกลางคลื่นลม - ตันฮก กิเลนพิสดาร
ตันเซ็กในชุดพ่อค้าซุกซ่อนตัวอยู่กับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ป่าไม้เชิงสะพานเตียงปันฝั่งตรงข้ามมาสักระยะหนึ่งแล้ว ตัวมันเป็นผู้ช่วยสายบุ๋นของเล่าเจี้ยง จึงมิได้อยู่ในแผนการจู่โจมจับตัวประกัน ได้แต่นั่งเฝ้าดูแลขบวนรถม้าหลายสิบคันที่เป็นทรัพย์สินก้อนสุดท้ายในการก่อการชิงบัลลังก์อยู่ห่างจากสมรภูมิรบ
หลังจากเกิดเหตุระเบิดมากมายดังขึ้นไม่คาดฝัน มันได้แต่ภาวนาหวังให้เหตุการณ์จบลงด้วยดี จู่ๆพลันพบเห็นว่า กองทัพเมืองเกงจิ๋วเคลื่อนข้ามสะพานไปอย่างรวดเร็ว ถึงกับสร้างความเปลี่ยนแปลงวุ่นวาย นอกเหนือไปจากแผนการที่วางไว้ จึงมีความเป็นห่วงเจ้านายยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าละทิ้งสมบัติทั้งหลาย จึงสอดส่ายสายตา สังเกตบุคคลสะดุดตาที่อาจจะข้ามสะพานหลบหนีมาทางฝั่งนี้บ้าง
มิคาด ตันเซ็กถึงกับพบเห็นเตียวเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกหลวงจีนองครักษ์ของเล่าเจี้ยงทั้งสองรูปพาข้ามสะพานกลับมา จึงแสดงตัว และพานางเข้ามารักษาอาการภายในขบวนรถม้าก่อน เพราะตนเองพอมีความรู้ด้านการแพทย์อยู่บ้าง
หลังจากลงมือรักษาผ่านไปเกือบเสร็จสิ้น พร้อมจะหลบหนีได้ต่อแล้ว กองทัพเกงจิ๋วที่พลุกพล่านอยู่บนทางหลวงเมื่อครู่ กลับล่าถอยโดยเร็ว พร้อมกระจายกำลังตรวจค้นพื้นที่ตามธรรมเนียมทัพ จนมาใกล้ถึงขบวนรถม้าที่ซุกซ่อนตัวอยู่
พวกชาวบ้าที่ช่วยเฝ้ารถม้า แม้จะมีฝีมือพอตัว แต่มีจำนวนน้อย ไม่กล้าต่อต้านกองทัพทหารจำนวนมาก จึงชิงหลบหนีกันไปหมดสิ้น เหลือเพียงสองหลวงจีนองครักษ์ยอมเสี่ยงตายต่อสู้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานสองขุนพลรองได้ ไม่เพียงตกตายโดยเปล่าประโยชน์ ซ้ำยังเปิดเผยร่องรอยให้กวนเป๋ง จิวฉอง สองผู้นำทัพ พบเห็นเป็นพิรุธมากยิ่งขึ้น
กวนเป๋งทั้งสองจึงตรวจค้นขบวนรถม้าโดยละเอียด ทำให้พบเห็นตันเซ็ก เตียวเฟิงที่อยู่ในชุดฮูหยินกับพ่อบ้านมีฐานะ และมีทรัพย์สินมีค่ามากมายจัดวางอยู่ในขบวนรถม้า จึงสั่งให้จับกุมตัวคนทั้งสอง และกวาดต้อนขบวนรถม้าทั้งหมดกลับเมืองไปด้วย กลายเป็นการสร้างความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่เพิ่มเติม โดยไม่เสียแรงมากมายเท่าไหร่นัก
ทางด้านกวนอู จูล่ง ตันฮก และเล่าฮอง ที่จริงสมควรมุ่งหน้าสู่เมืองซงหยงตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก หากแต่เมื่อเกิดการศึกสำคัญขึ้นที่ทุ่งเตียงปัน สร้างความสับสนอลหม่านในด้านข่าวสารการสงคราม ซ้ำแล้ว กวนเป๋ง จิวฉอง ยังร่วมกับ ม้าเฉียว ม้าเลี้ยง ม้าต้าย นำกองกำลังแห่งเกงจิ๋วเข้าร่วมศึก จนได้ชัยชนะกลับมาพร้อมกับรถม้าที่มีทรัพย์สินมหาศาลและเชลยศึกคนสำคัญ จึงนับว่า เป็นข่าวดีที่ต้องเร่งดำเนินการต่อ
กวนอู จูล่ง ตันฮก จึงเปลี่ยนเส้นทาง ให้เล่าฮองยังคงนำกองกำลังแยกออกไปเฝ้าซงหยงเช่นเดิม ส่วนทั้งสามรีบเร่งเดินทางไกลตรงมายังเมืองเกงจิ๋ว เพื่อรอรับกองทัพที่ได้ชัยชนะกลับมาอย่างงดงาม
ขุมทรัพย์ขบวนรถม้าแม้จะเป็นสิ่งของมีค่าในยามศึกสงคราม หากแต่กวนอูกลับให้ความสนใจต่อเชลยศึกทั้งสองคนยิ่งนัก เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงเมืองเกงจิ๋วแล้ว เหล่าขุนพลจึงทักทายกันตามธรรมเนียม โดยเฉพาะม้าเฉียว ขุนพลหนุ่มที่กวนอูไม่เคยพบหน้ามาก่อน
ยังดีที่บัณฑิตคิ้วขาว ม้าเลี้ยง พอจะเดานิสัยของกวนอูได้ จึงแอบกระซิบบอกเล่าให้ม้าเฉียวรู้ตัวไว้ก่อน เมื่อทั้งสองพบหน้ากันครั้งแรก ม้าเฉียวที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ จึงรีบน้อมการคารวะต่อกวนอูในฐานะผู้อ่อนอาวุโสกว่าทันที
“ท่านอามีชื่อเสียงเลื่องลือทั้งแผ่นดินมานาน และเคยร่วมทัพร่วมรบกับบิดาของข้าเมื่อครั้งศึกสิบแปดเจ้าเมือง นับตามหลักอาวุโสแล้ว ข้าน้อยสมควรเรียกหาท่านเป็นท่านอา ขอให้รับการคารวะจากผู้น้อยด้วย” ม้าเฉียวมิใช่เด็กหนุ่มนิสัยห้าวเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งได้รับประสบการณ์หนักหน่วงติดๆกันหลายครั้ง จนแทบเอาตัวไม่รอด ยามนี้ จึงรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ใช้วาจาหวานหูเข้าหาผู้คนบ้าง
กวนอูแย้มยิ้มยินดีที่ขุนศึกนามกระเดื่อง มีชื่อติดอยู่ในห้าขุนพลสวรรค์ร่วมกัน ยอมอ่อนข้อให้ตั้งแต่แรก จึงนึกเอ็นดู ยอมสลายความขุ่นข้องใจที่เคยคิดไว้ พลางโบกมือเรียกให้ม้าเลี้ยงทำหน้าที่เจ้าบ้าน นำพาสองคุณชายแห่งตระกูลม้า รวมทั้งขุนพลจูล่งที่ยังบาดเจ็บอยู่เช่นกัน และกุนซือตันฮกไปพักผ่อนให้สมฐานะ ส่วนกวนเป๋ง จิวฉองให้ควบคุมทรัพย์สมบัติทั้งหลายเก็บเข้าคลังหลวงไว้ก่อนอย่างรัดกุม
เมื่อทั้งหมดแยกย้ายกันไปแล้ว กวนอูจึงตรงไปยังคุกหลวงด้วยตนเอง เพื่อพบหน้ากับเชลยศึกคนสำคัญ มุ่งหวังว่าจะใช่คนที่มันคาดคิด คนแรกเป็นนักศึกษาหนุ่มหน้าอ่อนเยาว์ ตามรายงาน แจ้งชื่อว่า ตันเซ็ก ไม่ใช่เป้าหมายหลักของมัน แต่คนที่สองที่เป็นสาวงามในวัยสามสิบกว่า ระบุว่าเป็นนายหญิงจากเมืองชีจิ๋วนามว่า ตู้ซือ ต่างหาก
กวนอูพิจารณาเงาร่างของหญิงสาวที่นั่งพิงผนังห้องภายในคุก ถึงกับหลุดปากออกมาให้พอได้ยินกันเพียงสองคน “เป็นเจ้าจริงๆด้วย เตียวเสี้ยน”
จารชนสาวร้อยชื่อ เตียวเฟิง หรือ ชื่อหนึ่งในอดีตคือ เตียวเสี้ยน หันมาตามเสียง พบเห็นกวนอูกำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง ประเมินดูจากแววตาแล้ว ไม่ใช่ความคิดฆ่าฟัน หากแต่เป็น..ความโหยหาอาวรณ์ แววตาของคนที่มีความรัก นางจึงรีบลุกขึ้นเกาะลูกกรงประตูคุก พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงยินดี “ท่านพี่กวนอู สุดท้าย ก็ได้พบกับท่านแล้ว”
ถึงเวลาอีกครั้งที่จารชนสาวต้องสวมบทบาทหญิงงามที่อ่อนแอ รอคอยให้พบพานขุนพลที่เข้มแข็ง เพื่อมาปกป้องคุ้มครอง ขุนพลจันทร์พิฆาตที่เลื่องชื่อ ผู้ที่แอบรักในรูปโฉมของนางมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นภรรยาของลิโป้ การที่นางนำชื่อตู้ซือมาใช้ ก็เพราะเป็นชื่อของภรรยานายทหารคนสนิทของลิโป้ ซึ่งย่อมเป็นที่สะดุดใจต่อเป้าหมายใหม่
เนื่องจากกวนอูรับรู้ว่านางคือ สาวงามเตียวเสี้ยน ที่เปลี่ยนชื่อเป็นนางเปียนสี ภรรยาของโจโฉผู้อ่อนแอตามประสาหญิงงามทั่วไป นางจึงบิดผันข่าวลือไปจากเดิมที่มีตัวละครเพียง นางโจรเตียวเฟิง และบุตรชายลิเจียง จับเอาตัวประกันแม่ลูกซัวบุ้นกี ออกมาจากเมืองหลวง กลายเป็นว่า เตียวเฟิงเป็นนางโจรมีตัวตนอีกคนหนึ่งที่สวมรอยจับตัวนางซึ่งเป็นภรรยาเอกของโจโฉเอาไว้ แล้วแอบอ้างชื่อนางไปก่อคดีใหญ่เป็นขบถสองนางพญา
แต่เมื่อล้มเหลว เตียวเฟิงจึงจับตัวนางเปียนสีตัวจริง และซัวบุ้นกีสองแม่ลูก มาเป็นตัวประกัน พร้อมกับทรัพย์สมบัติจากท้องพระคลังเมืองฮูโต๋จำนวนมาก หากแต่โจโฉกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงปกปิดเรื่องนางเปียนสี และทรัพย์สมบัติเอาไว้ ทำให้งานข่าวมีเพียงชื่อนางโจรเตียวเฟิงจับตัวประกันแม่ลูกปรากฏออกมาเท่านั้น นางเปียนสีกลับตกหายไปจากสายข่าว จนสุดท้าย เมื่อเกิดที่ศึกทุ่งเตียงปัน นางโจรพ่ายแพ้หลบหนีไป นางเองที่ถูกซุกซ่อนตัวไปในดงไม้ จึงถูกกองทัพฝ่ายกวนอูจับตัวกลับมา
กวนอูนั้น ปกติอาจจะยังไม่หลงเชื่อโดยง่าย หากแต่เรื่องราวฟังดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือด้วยว่า เตียวเสี้ยนที่มันรับรู้เป็นเพียงสาวงามผู้อ่อนแอ และกองทัพโจรฟ้าเหลืองเพียงหยิบมือ ไม่น่าหลุดรอดการตามล่ามาเป็นเดือนๆ จึงคล้อยตามโดยง่าย สั่งการให้นางเปียนสีและตันเซ็ก คนสนิทได้ย้ายออกมาพำนักในห้องหับที่สมควร โดยปกปิดฐานะแท้จริงไว้ อ้างว่า นางตู้ซือเป็นภรรยาของสหายเก่าผู้ล่วงลับจากเมืองชีจิ๋ว ที่หลบหนีภัยสงคราม จนขบวนพลัดหลงเข้ามาในบริเวณที่เกิดเหตุโดยบังเอิญ ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับกองทัพนางโจรเตียวเฟิงแม้แต่น้อย
ในค่ำคืนนั้น กวนอูทบทวนเรื่องราวอยู่ตามลำพังในห้องหนังสือตนเอง นางเตียวเสี้ยนเป็นหญิงเดียวที่ยึดครองหัวใจมันมาเนิ่นนานตั้งแต่พบหน้ากันที่เมืองชีจิ๋วครั้งกระโน้น ในเมื่อเป็นภรรยาของคนอื่น มันจึงได้แต่ฝืนสะกดใจเอาไว้ จนเมื่อลิโป้ถูกสังหาร มันยังเข้าใจว่า เตียวเสี้ยนตายตามไปแล้ว จึงทำใจไม่คิดถึงมาเนิ่นนานนัก
ต่อมา มันกลับพบเห็นนางในคราบของนางเปียนสี ภรรยาของโจโฉโดยบังเอิญ พอคาดเดาได้ว่า โจโฉฉวยโอกาสเปลี่ยนตัวตน ยึดครองเตียวเสี้ยนที่มีโทษประหาร มาเป็นภรรยาเอาไว้เสียเองอีกทอดหนึ่ง มันจึงเกิดความหวังขึ้นมาบ้างรำไร อย่างน้อย นางในฝันก็ยังมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาโดยตลอด
ในครั้งนี้ โจโฉ สหายเก่าก็แตกหักจนกลายเป็นศัตรูทางการเมืองต่อกัน และได้ยินข่าวสายทหารรายงานมาล่าสุดว่า โจโฉตกเหวตายไปแล้ว ดังนั้น การรับภรรยาของคนอื่นที่ตายแล้ว เข้ามาเป็นคนรักของตน ย่อมไม่ผิดต่อจริยธรรมในยุคสมัยนั้นแต่อย่างใด
อีกประการหนึ่ง บรรยากาศการเมืองที่ไร้ผู้นำที่เข้มแข็งย่อมปั่นป่วนวุ่นวายไปพักใหญ่ ตัวมันเองครองเมืองเกงจิ๋ว จุดยุทธศาสตร์สำคัญของแผ่นดิน ที่มีความพร้อมทุกด้าน อีกทั้งกำลังทหารที่มีในมือ และกำลังทรัพย์ที่เพิ่งยึดมาได้ ก็มากมายมหาศาล หากมันจะคิดการณ์ใหญ่ ก็ถึงเวลาสำคัญที่มันต้องตัดสินใจแล้วว่า มันพร้อมหรือยังที่จะทะยานข้ามเงาของเล่าปี่ พี่ใหญ่ ขึ้นมาเป็นจอมทัพอีกคนหนึ่งบ้าง
จากข่าวลับที่พบพานความลับเรื่องชาติกำเนิดของเล่าปี่ ทำให้ความเชื่อถือศรัทธาที่เคยมีต่อเล่าปี่ลดน้อยด้อยลงไปมาก พอผนวกกันกับปัญหารักพัวพันดั้งเดิมของกำฮูหยินและบิฮูหยิน ยิ่งทำให้ขุนพลเลื่องชื่อเริ่มกังวลต่อสถานะของตนเองในบั้นปลาย เกรงจะเป็นเช่น ขุนพลฮั่นสินกับปฐมกษัตริย์เล่าปังในอดีตกาล
หมายเหตุ ฮั่นสินเป็นขุนพลอันดับหนึ่งในสังกัดของเล่าปัง ช่วยกอบกู้แผ่นดิน ต่อสู้กับฌ้อปาอ๋อง จนได้ชัยชนะ แต่ครั้นเล่าปังขึ้นเสวยราชย์เป็นปฐมกษัตริย์ฮั่นโกโจวได้ไม่นาน ฮั่นสินกลับกลายเป็นเป้าหมายสังหาร และถูกฆ่าตายเป็นลำดับต้นๆ
ทางด้านการทหาร ขณะนี้ ยังมีจูล่ง ม้าเฉียวที่บาดเจ็บอยู่ในกำมือ ส่วนด้านกุนซือเล่า ตันฮก ม้าเลี้ยง ก็เพิ่งมาสวามิภักดิ์กับพี่ใหญ่ไม่นาน ดังนั้น หากมันชักจูงพวกตระกูลม้าเอาไว้ได้ ก็เพียงคอยดูว่า จูล่ง ตันฮก จะว่ากล่าวเช่นใด สุดท้าย เมื่อสามขุนพลสวรรค์บวกกับสองกุนซือชั้นเยี่ยม ยังจะต้องเกรงกลัวขุมกำลังใดอีกเล่า
นอกจากนี้ มันยังคิดไปถึงพันธมิตรคนใกล้ตัว อย่าง เตียวเลี้ยว สหายเก่าผู้รู้ใจที่ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองหับป๋า และโลซก เสนาบดีวานิชที่เมืองต๋องง่อ ซึ่งเคยมีความผูกพันเป็นการลับอยู่ก่อนแล้ว ถ้าหากพวกมันทั้งสามจับมือกันอย่างจริงจังได้ พวกซุนกวนเองก็หมดสิ้นหนทาง ถูกพวกมันกลืนกินได้โดยง่ายแล้ว ค่อยลงมือรุกคืบไปทางด้านเหนือของตระกูลโจ และทางด้านตะวันตกของเล่าปี่เท่านั้น
จิตใจมันเตลิดเปิดเปิงไปจนวุ่นวายใจ มองเห็นด้านนอกเป็นคืนเดือนเพ็ญ ฟ้าสว่างด้วยแสงจันทร์ จึงคว้าเอาง้าวมังกรเขียวออกมาฝึกซ้อมร่ายรำกระบวนท่าสยบมังกรอยู่ที่ลานกว้าง จนเหงื่อโทรมกาย แต่ยังคงเร่งเร้าอาวุธไปจนถึงท่าสุดท้ายที่คิดค้นเพิ่มเติมขึ้นเอง แต่ยังไม่อาจใช้ออกได้อย่างเต็มที่ เป็นกระบวนท่า “มังกรสะท้านไตรภพ”
เนื่องจากเป็นกระบวนท่าสุดท้าย สมควรต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายต่อเป้าหมาย มันจึงเหวี่ยงส่งง้าวในมือเป็นวงกว้างออกไป และพุ่งร่างกวาดฝ่ามือทั้งสองไปพร้อมกัน กลายเป็นพลังโจมตีสามจุดไปยังเบื้องหน้าที่เป็นพุ่มไม้หนาทึบ
เสียงอุทานดังขึ้นเบาๆ ทำให้กวนอูต้องรีบหยุดยั้งฝ่ามือ และคว้าจับง้าวเอาไว้ ร่างแบบบางจึงค่อยๆเดินออกมาจากพุ่มไม้ใหญ่ กลับกลายเป็นนางเตียวเสี้ยนในชุดนอนบางเบา ยืนตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ เป็นภาพที่แปลกตาไปอีกแบบ ทำเอากวนอูไม่อาจละสายตาจากโฉมงามที่อยู่ตรงหน้าได้
และแล้ว ท้องฟ้าพลันมืดมิด เพราะเมฆฝนก้อนใหญ่เคลื่อนมาบดบังดวงจันทร์ไว้ กวนอูจึงรู้สึกตัว รีบพร้ิมตาหันหลังก้าวเดิน พร้อมกล่าว “ขออภัยด้วย เราจะกลับเข้าห้องนอนแล้ว เชิญแม่นางตามสบายเถิด”
แต่แล้ว กลับรู้สึกถึงกระแสลมตรงเข้ามา เรือนร่างที่นุ่มนิ่มกอดรัดเข้ามาจากทางด้านหลัง ไม่มีคำพูดว่ากล่าว แต่ทั้งหมดแสดงออกด้วยความรู้สึกจากภายในใจ กวนอูไม่อาจสะกดความรู้สึกไว้ได้อีกต่อไป จึงหันมาช้อนร่างนางคนที่รักขึ้น พร้อมก้าวเดินไปยังห้องนอนของตนเองทันที สมดั่งคำกล่าว “วีรบุรุษยากจะผ่านด่านนางงาม”
ฝนตกโปรยปราย จูล่ง หรือเตียวหยุน แอบมองดูเหตุการณ์จากมุมมืดอย่างชั่งใจ ด้วยศักดิ์ฐานะที่แท้จริง มันย่อมรู้ดีว่า ตู้ซือ หรือ เปียนสี ก็คือ เตียวเฟิง แห่งขุมกำลังสัตตดารา ธิดาเพียงคนเดียวของเตียวก๊ก ประมุขพรรคฟ้าเหลือง ที่มีศักดิ์ฐานะเป็นน้องสาวบุญธรรมของตนเอง จึงเพียงคาดเดาว่า นี่คงเป็นหมากอีกกระดานหนึ่งของนางมารแล้ว
หากเป็นในอดีต มันเองในฐานะประมุขพรรค และผู้นำขุมกำลัง ก็คงจะมีบทบาทสำคัญ รับรู้ความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง หากแต่หลังจากเหตุการณ์ที่วัดป่าน้อยที่สองแล้ว ความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาโดยคำบอกเล่าของตันฮก กุนซือกิเลนพิสดาร แล้ว สถานะของมันในพรรคฟ้าเหลืองเป็นเพียงประมุขหุ่นเชิดจริงๆตามที่เตียวล่อเคยบอกกล่าว
ตัวมันก็เลยกลายสภาพเป็นเพียงเบี้ยหมากตัวหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมารายงานให้ทราบอีกต่อไปแล้ว เบื้องหน้า พบเห็นเตียวเฟิงกำลังเล่นลวดลาย สุดท้าย จูล่งพาลตัดสินใจจะแสดงตัว กลั่นแกล้งให้น้องสาวบุญธรรมไม่สมหวังบ้าง แต่กลับมีมือหนึ่งมาคว้าจับมันเอาไว้ พอหันไปมอง จึงเห็นเป็นตันฮกอีกแล้ว
“ปล่อยให้นางหว่านเสน่ห์ตามที่นางถนัดไปเถิด พวกเราสูญเสียมากมาย แผนการจำต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กวนอูน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพวกเรา เตียวเฟิงทำได้ดีแล้ว” ตันฮกเร่ิมนึกวางแผนต่อไปข้างหน้าอีกขั้นหนึ่งทันที
ทั้งสองจึงได้แต่ส่งสายตา ปล่อยให้กวนอูนำพาเตียวเฟิงเข้าสู่ห้องนอนไป จูล่งมองเห็นเป็นคู่รักที่พลัดพรากกันมานาน กำลังเดินเข้าสู่ห้องหอ ส่วนตันฮกกลับมองเห็นภาพกองทัพเกงจิ๋ว ตัวแปรใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่กองทัพธรรมที่ขาดหายไปของนิกายแสงจรัส โดยมีเตียวเฟิง หรือนางตู้ซือ เป็นตัวเชื่อมโยงประสานอีกทอดหนึ่ง
วันรุ่งขึ้น กวนอูมิกล้ายกย่องนางตู้ซือเป็นภรรยาอย่างเปิดเผย จึงได้แต่ประกาศรับไว้เป็นลูกสาวบุญธรรม เหมือนช่วยเลี้ยงดูแทนให้กับสหายผู้มีบุญคุณที่ล่วงลับไปแล้ว นางตู้ซือจึงสามารถอยู่ปรนนิบัติบิดาบุญธรรมได้ใกล้ชิด ภายใต้ชื่อแซ่ใหม่ “กวนอินผิง”
ห่างไกลออกไป ภายในห้องหนังสือ โจผี ทายาทคนโตของโจโฉ รับฟังคำบอกเล่าของสุมาอี้ ผู้เป็นอาจารย์ และ แฮหัวตุ้น ผู้มีศักดิ์เป็นอา ด้วยความตกใจและเสียใจ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความหวังเช่นกัน จึงยังคงครุ่นคิดอยู่ด้วยจิตใจที่สับสน
สุมาอี้จึงต้องรีบชี้แนะต่อไป “หากท่านวุยก๋งเสียชีวิตไปจริงๆ บุคคลสามคนที่ท่านควรกริ่งเกรงจะเข้ามาแย่งชิงอำนาจไปจากท่าน ก็คือ เหี้ยนเต้ โจเจียง และโจสิด ตอนนี้ โจเจียงพลาดท่า เปิดเผยศักดิ์ฐานะที่แท้จริงว่าเป็นลิเจียง ทายาทขบถลิโป้ เราจึงควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม กำจัดมันทิ้งไปซะเลย”
โจผีประสานสายตากับสุมาอี้ พลางไต่ถาม “ถึงกับต้องเข่นฆ่ากันเลยหรือ แล้วหากท่านพ่อยังไม่ตายไปจริงๆ แล้วกลับมาภายหลังเล่า เราจะไม่สูญเสียความไว้วางใจไปหรือ”
ตัวโจผีเอง ย่อมไม่เสียดายที่จะสังหารโจเจียง โจสิด สองพี่น้องต่างมารดา ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็กๆ หากแต่การสังหารจะต้องหมดจด ไร้มลทินต่อภาพลักษณ์ของมันต่างหาก คือส่ิงที่มันกังวลใจ
แฮหัวตุ้นที่นิ่งเงียบมานาน พลันกล่าว “มันเป็นลูกขบถลิโป้ ศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าอยู่แล้ว หากจัดฉากให้มันถูกวางยาพิษตายในคุก ก็คงไม่มีใครสืบสาวมาถึงท่านได้หรอก”
ที่จริงแล้ว หากลิเจียงเป็นลูกขบถคนอื่นก็คงพอทำเนา หากแต่ลิโป้เป็นคู่แค้นคู่อาฆาตที่ทำให้แฮหัวตุ้นสูญเสียดวงตาไปในการรบ อีกทั้ง หากไล่เลียงความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติมาในฐานะขบถ ต้องถูกประหารเป็นวงกว้างหลายชั่วโคตร กลับกลายเป็นว่า ตัวมันผู้มีฐานะเป็นพ่อตา ก็มีส่วนต้องโดนประหารไปด้วยตามกฏมณเฑียรบาลแล้ว แฮหัวตุ้นจึงตัดตอนทิ้งไพ่ไปเสียทีเดียว ในเมื่อตัวมันเองก็สูญเสียบุตรี แฮหัวสือ ไปแล้วเช่นกัน
โจผีคิดคำนึงขึ้นในใจ ขนาด แฮหัวตุ้นมีความสัมพันธ์เป็นพ่อตาของโจเจียงแท้ๆ และเคยรักใคร่เอ็นดูโจเจียงมาโดยตลอด ยังยอมตัดใจเสนอโทษประหาร สมดั่งคำที่ว่า ยิ่งรักมาก ยิ่งแค้นมาก แล้วมันจะมีอะไรคัดค้านอีกเล่า จึงได้แต่พยักหน้า โบกมือยินยอมตามที่คนทั้งสองเสนอแนะแล้ว
ค่ำคืนนั้น โจรขบถ ลิเจียง ที่ถูกจับกุมตัวมานั้น จึงเกิด “ป่วยกระทันหัน” เลือดออกทั้งเจ็ดทวาร ส้ินใจไปในคุกหลวง ปิดฉากนักรบหนุ่มดาวรุ่งไปก่อนวัยอันควรอย่างน่าเสียดาย แต่นี่ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการนองเลือดเท่านั้น
และค่ำคืนเดียวกัน วัดพุทธขนาดใหญ่สามสี่แห่งที่มีความสัมพันธ์กันกับวัดป่าน้อย ก็ถูกกลุ่มคนลึกลับ บุกเข้าฆ่าฟันหลวงจีนภายในวัดจนหมดสิ้นภายในเวลาไล่เลี่ยกัน
พอข่าวนี้แพร่สะพัดออกมา พวกหลวงจีนที่หลงเหลืออยู่ตามวัดอื่นๆ ต่างก็หวาดกลัวเภทภัย หลบหนีไปจากวัดกันมากมาย จนแม้แต่วัดชื่อดังอย่าง วัดม้าขาว และวัดป่าน้อย ก็กลับกลายเป็นวัดร้าง ไร้หลวงจีนกล้าอยู่อาศัยต่อไป
ในเมื่อไม่มีใครยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือกระทำการโหดเหี้ยมครั้งนี้ แต่ผู้คนเริ่มร่ำลือถึงเหตุการณ์สมรภูมิทุ่งเตียงปันที่ขบวนธรรมยาตราบุกก่อกวนกองทัพปราบขบถของโจโฉ จนเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง เจ้าอาวาสบ้อคงตายในสนามรบ อดีตเจ้าอาวาสเภาเจ๋งตกเหวหายสาบสูญ แต่เรื่องที่น่าตระหนกใจยิ่งกว่า ก็คือ โจโฉก็พลอยหายสาบสูญไปด้วยเช่นกัน ไม่ทราบว่า เป็นตายร้ายดีประการใด
ดังนั้น ผู้คนจึงเชื่อมั่นว่า นี่คือการลงมือของคนฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการตัดตอนทำลายกองกำลังฝั่งวัดพุทธให้สิ้นซาก แต่ยังมีบางคนเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ล้มล้างลัทธิจวงจื้อ ขงจื้อ และเต๋า ในอดีต กลายเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของตระกูลโจคือผู้ที่พยายามกวาดล้างลัทธิความเชื่อต่างๆให้หมดสิ้น
"จ้าวลัทธิอวิชชา พลิกแผ่นฟ้าล้างแผ่นดิน จากต่ำต้อยค่อยโบยบิน กลืนกินสิ้นสุดราชวงศ์” คำทำนายเตือนใจถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้งหนึ่ง หรือว่า รัฐบาลฮั่นเกรงกลัวจะสิ้นสูญด้วยน้ำมือของจ้าวลัทธิอีกแล้วกระมัง
เตียวเจียว ดาวนักปราชญ์ และ เตียวเลี้ยว ดาวขุนพล สองดาราในขุมกำลังสัตตดารา รับทราบจากสายสีบถึงความล้มเหลวในปฏิบัติการจับตัวประกัน และความสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่ยังพอมีความหวังจากการหายสาบสูญไปของโจโฉ
“กองกำลังในเมืองหับป๋า ที่จริงก็มีไม่น้อยกว่าสิบหมื่น หากฉวยโอกาสนี้ ระดมทัพบุกเข้าเมืองหลวง รุกตีโจผีและพวกก่อนที่จะทันตั้งหลักได้ทัน ซ้ำยังมีสุมาอี้ กาเซี่ยง เอียวสิ้ว คอยช่วยเหลือจากภายใน ก็น่าจะจัดการได้อยู่” เตียวเจียวเริ่มต้องสุ่มเสี่ยงมากขึ้น
“เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีท่านเล่าเจี้ยง ท่านเล่าฉวน ซึ่งเป็นผู้นำที่ชอบธรรมไปเสียแล้ว ท่านคิดจะชูให้ใครเป็นผู้นำเล่า” เตียวเลี้ยวคัดค้าน
“ท่านบังเต๊กกงเคยสั่งการเอาไว้แล้ว หากมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นจริงๆ ยังมีอีกหนึ่งคนที่แซ่เล่าพอใช้แทนกันได้ เป็น เล่าปี่แห่งเสฉวน” เตียวเจียว ถึงกับวางไพ่ใบสุดท้าย คิดอาศัยชื่อเสียงของเล่าปี่ ช่วงชิงอำนาจกลับคืนมาให้ได้ก่อน
“เราจะสั่งการให้ตันฮกชักจูงให้กวนอูแห่งเกงจิ๋วออกโรง ชูธงเล่าปี่ อ้างความชอบธรรม รุกทำศึกขึ้นเหนือทางเมืองอ้วนเซีย ฝ่ายเล่าปี่รุกทางตะวันตกที่เมืองฮันต๋ง และพวกเรารุกเสริมทางด้านตะวันออกอ้อมเข้าทางเมืองชีจิ๋ว บรรจบกันที่เมืองหลวง”
เตียวเลี้ยวทำตาเหลือกลานด้วยความรุนแรงของสถานการณ์ มันซึ่งเป็นเพียงนักรบหยาบกร้านย่อมคิดตามมันสมองของพวกนักปราชญ์สมองไวไม่ทัน ได้แต่สั่งการระดมไพร่พลให้เตรียมพร้อมต่อการเคลื่อนทัพโดยเร็ว
คำสั่งลำดับถัดมาจากเตียวเจียว คือ การตามล่าค้นหาซากศพของโจโฉไปตามลำน้ำไต้กัง หากความจริงคือโจโฉยังไม่ตาย แต่ถูกใครจับกุมไปเป็นตัวประกันได้ก่อนแล้ว ย่อมสร้างโอกาสที่มีเปรียบต่อสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้ได้โดยง่าย งานนี้ เตียวเจียวจึงต้องกำกับกองตระเวนมาด้วยตนเอง เผื่อว่า ต้องตัดสินใจอันใดเป็นการเร่งด่วน
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา