Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
24 ก.ค. 2021 เวลา 00:13 • นิยาย เรื่องสั้น
5.12. แตกหักกลางลำน้ำ
โจโฉ เป้าหมายสังหาร - นกฮูก หัวขวาน คู่หูปักษาไร้ยุทธ์
เหนือน่านน้ำไต้กังอันสวยงามตามเส้นทางเรือช่วงนี้ เป็นภาพทิวทัศน์ของแม่น้ำสายใหญ่ตัดกับแนวผาสูงชันสองฟากฝั่ง ลกซุน กุนซือพยัคฆ์คะนอง ปลดผ้าคลุมหน้าออกแล้ว ยืนตระหง่านอยู่บนหัวเรือโดยสารที่ยังคงกางใบรับลม มุ่งหน้าทวนกระแสน้ำไปทางด้านตะวันตก เมืองอ้วนเซีย ช่วงเวลาที่ผ่านมา มันเดินทางอยู่ท่ามกลางแม่น้ำใหญ่ กลับไม่ล่วงรู้ถึงศึกทุ่งเตียงปันครั้งใหม่เลยสักนิด
ปกติ การเดินทางทวนกระแสน้ำด้วยเรือโดยสารในยุคสมัยนั้น จำเป็นต้องใช้ใบเรือขนาดใหญ่เพื่อรองรับกระแสลมหนุนส่ง จึงไปได้เชื่องช้ากว่าการเดินเรือล่องไปตามกระแสน้ำ แต่เรือโดยสารของสหพันธ์การค้าพยัคฆ์หยกส่วนหนึ่งได้รับการปรับแต่งให้มีระหัดวิดน้ำใต้ท้องเรือจากการออกแบบของอัจฉริยะนักประดิษฐ์ ซึ่งก็คือตัวมันนี่เอง กลับช่วยเพิ่มแรงต้านกระแสน้ำได้เหนือกว่าเรือโดยสารทั่วไปอีกไม่น้อย
ตอนนี้ มันไม่ต้องร้อนรนใจเรื่องอาการบาดเจ็บอีกต่อไปแล้ว เพราะท่านอาเหยี่ยวดำและขุนพลฟ้าคำราม เตียวหุย กำลังได้รับการดูแลจากหมอฮัวโต๋ ผู้มีชื่อเสียงอยู่ภายในห้องโดยสารเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา และชายลึกลับอีกคนหนึ่ง นาม ม้ากิ๋น ที่มากับหมอเลื่องชื่อนั้น ยังคงนั่งเหม่อลอย มองทิวทัศน์ ห่างออกไปทางด้านนอกเช่นเดียวกันกับมัน
มันนึกย้อนถึงช่วงแรกที่ท่านอารู้สึกตัว เรียกหาให้มันเอาผืนผ้ารูปวิหคสีสะดุดตาไปผูกไว้กับเสาปลายแหลมที่หัวเรือ คงเป็นสัญลักษณ์เฉพาะกลุ่มที่ทำให้หมอฮัวโต๋สังเกตพบได้โดยง่าย จึงนำเรือน้อยเข้ามาเทียบ และตรงเข้ารักษาคนทั้งสองได้โดยเร็ว อีกอย่าง ผู้คนเหล่านี้ เหมือนรับรู้สถานะของมันแล้วด้วยว่าเป็นลูกศิษย์ของเหยี่ยวดำ แต่เรียกหามันไม่ได้ด้วยชื่อแซ่ แสดงว่า อาจจะยังไม่ทราบชื่อเสียงที่แท้จริงของมัน
หากจะว่าไปแล้ว ท่านอาและพวก คือขุมกำลังลับที่ไม่รู้ว่า สังกัดพวกใด ฝ่ายใด เตียวหุยอยู่กับเล่าปี่ ส่วนกาเซี่ยงก็อยู่กับโจโฉ ตัวมันกลับแทรกซึมข้างกายซุนกวน เท่ากับมีคนช่วยเหลือ และเป็นกำลังสำคัญให้กับทุกฝ่ายที่สู้รบกัน เท่าที่ผ่านมา เดี๋ยวเหมือนช่วยเหลือผู้คน เสริมส่งให้พวกกังตั๋งพิชิตทัพเรือโจโฉได้สำเร็จ แต่เดี๋ยวเหมือนทำร้ายผู้คน กลับยุยงพวกเผ่าเย่ให้ก่อการร้ายใส่กังตั๋ง แถมสุดท้ายยังแอบลอบสังหารขุนพลจิวยี่ไปเสียเอง จนมันเองก็คาดเดาท่าทีไม่ถูก
ครั้งนี้ สองคนที่มาใหม่ ดูท่าทางไม่มีวิทยายุทธ์อันใด และสองคนภายในก็บาดเจ็บสาหัสอยู่ ดังนั้น หากมันลงมือฆ่าปิดปากคนทั้งสี่เสียในคราวเดียว ก็คงไม่มีใครล่วงรู้อดีตความเป็นมาของมันแล้ว หรืออย่างน้อย ก็ไม่อาจใช้มันเป็นเครื่องมือได้อีกต่อไป เพราะห่วงโซ่ เหยี่ยวดำจะขาดสะบั้นลง เพียงแต่ว่า มันยังหาเหตุผลในการฆ่าล้างขุมกำลังกลุ่มนี้ไม่ได้เท่านั้น เพราะบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านอาเคยช่วยชีวิตมันไว้จากโจโฉ และตันก๋ง สองฆาตกรที่ฆ่าล้างตระกูลของมันในช่วงวัยเยาว์
ขณะที่กำลังคิดเพลินๆอยู่ วัตถุขนาดใหญ่ก็ร่วงหล่นมาจากหน้าผาเบื้องบน กระทบผืนน้ำไต้กังเสียงดังสนั่น เฉียดเรือโดยสารเพียงสามสี่วาเท่านั้น หยาดน้ำสาดกระจายเป็นวงกว้างกระเซ็นสาดมาถึงลำเรือ แทบทำให้พวกมันทั้งสองเปียกปอนไปด้วย
เมื่อสังเกตดูก่อนสูญหายไปจากสายตา เห็นเป็นซากร่างของม้าศึก นัยน์ตายังเบิกโพลงด้วยอาการตกใจ คงตกลงมาก่อนจึงที่จะตายไปด้วยแรงกระแทกที่หล่นมาจากที่สูง ผสานกันกับกระแสน้ำเชี่ยวกรากของแม่น้ำไต้กัง ทำเอาคนเรือต้องชะลอเรือให้ช้าลง เพื่อดูสถานการณ์เฉพาะหน้านี้ก่อน
ลกซุนกับ “ม้ากิ๋น” พยายามเงยหน้ามองดูไปบนหน้าผาสูงชันหลายสิบวา แต่เบื้องบนสูงลิบ ต้นไม้รกครึ้มปกคลุมเป็นช่วงๆ จนไม่อาจมองเห็นความผิดปกติอันใด แต่จู่ๆ ม้าศึกคงไม่กระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายเป็นแน่ หรือว่าถูกใครผลักไสลงมา
เนิ่นนานพอควร ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใดเพิ่มเติม ขณะที่จะสั่งให้คนเรือเดินทางต่อ ทันใดนั้น เงาร่างคล้ายหญิงสาวสูงศักดิ์ก็ร่วงหล่นลงมาบ้างจากตำแหน่งเดียวกัน สร้างความแตกตื่นให้กับทุกคนบนเรือโดยสารแล้ว
ลกซุนหันซ้ายขวา เห็นเชือกใหญ่ที่ขึงเสากระโดงเรือตึงสะบัดอยู่ไม่ไกลตัว จึงรีบใช้กระบี่ตัดให้ขาด ใช้มือเกี่ยวพันไว้ข้างนึง แล้วดีดตัวออกไปเป็นวงกว้าง โอบคว้าเอาร่างของหญิงสาวไว้ได้ ก่อนร่วงหล่นกระแทกสายน้ำตายไปอีกหนึ่งคน
ตัวมันเพิ่งจะกระตุกเชือกย้อนกลับมาวางหญิงสาวบนเรือโดยสารได้จนปลอดภัย แต่ยังไม่ทันได้สอบถามดูอาการให้ชัดเจน พลันม้ากิ๋นก็ตะโกนเสียงดังลั่น “ยังมีอีกสอง ไม่ใช่ สามคนร่วงตามมาแล้ว”
ลกซุนเหลียวมองเห็นเงาร่างคล้ายเด็กน้อย หญิงสาว และนายทหารร่วงหล่นลงมาไล่เลี่ยกัน มันงงงันวูบ เพียงหนึ่งมือไขว่คว้าคงไม่อาจจัดการกับสามร่างได้ นอกจากจะเลือกช่วยชีวิตเอาไว้เพียงคนเดียว
แต่แล้ว ม้ากิ๋นกลับยัดแผ่นผ้าใบเรือผืนใหญ่ที่ร่วงหล่นลงมากองที่พื้นให้กับมัน และชี้มือทำท่าประกอบให้ใช้แผ่นผ้ารองรับคนทั้งสามไว้
มันจึงเกิดไหวพริบวูบทันที รีบถีบเท้ากระโดดให้ไกลไปยิ่งกว่าเดิม สะบัดแผ่นผ้าใบเรือให้แผ่กางออกรองรับคนทั้งสาม แทนที่จะรับไว้ด้วยวงแขนเหมือนคนแรก แล้วค่อยกระตุกผ้าใบ ดึงร่างตัวเองกลับเข้าสู่ท้องเรืออีกครั้ง ปล่อยให้คนทั้งสามไหลลื่นไปตามผ้าใบ กลิ้งลงมากองอยู่ที่พื้นเรือเช่นกัน อาจจะบาดเจ็บฟกช้ำบ้าง แต่ดีกว่าการตกกระแทกกับสายน้ำเชื่ยวกรากแน่นอน
เพิ่งยันตัวลุกขึ้นยืน ม้ากิ๋นก็ชี้มือตะโกนซ้ำมาอีก “ยังมีอีกหนึ่งคน” เงาร่างสีเหลืองแดงร่วงหล่นมาอีกหนึ่งคน แต่คราวนี้ ลกซุนหมดสิ้นเรี่ยวแรง และเวลากระชั้นชิดเกินไป ไม่อาจรวบรวมเรี่ยวแรงไปเป็นคำรบสาม จึงได้แต่ส่ายหน้า ถอนหายใจ ปล่อยให้ร่างนั้นกระทบกับผืนน้ำดังสนั่น ห่างออกไปหลายสิบวา แล้วสูญหายไปกับสายน้ำที่เชี่ยวกรากทันที จนดูไม่ทันว่าเป็นผู้ใดด้วยซ้ำ
หัวขวาน-ม้ากิ๋นค่อยๆดูแลอาการของผู้ที่ร่วงหล่นแต่ละคน หนึ่งชาย สองหญิง และหนึ่งเด็ก ล้วนอยู่ในอาการแตกตื่นตกใจ ฟกช้ำตามเนื้อตัวบ้าง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอันใด ถึงกับเป็น โจโฉ ซัวบุ้นกี ตังชง ที่ตนเองเคยพบกันที่หน้ากระท่อมชั่วคราวของซัวบุ้นกีเอง แต่ครั้งนั้น มันใส่หน้ากากจูล่งไว้ เพื่อหลอกลวงข่มขู่โจโฉให้เกรงกลัว ฝ่ายตรงข้ามจึงจดจำตนเองไม่ได้
กลับเป็นลกซุนที่เพิ่งช่วยชีวิตคนทั้งหลาย จ้องมองดูโจโฉ จนตกตะลึงไปชั่วขณะ เป็นโจโฉ หนึ่งในคนร้าย ผู้ร่วมสังหารคนล้างตระกูลของมัน ศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน แต่ตำแหน่งสูงส่งจนยากเข้าถึงตัว กำลังหมดสิ้นทางหลบหนี และยืนรอคอยความตายอยู่ที่ตรงหน้าของมันแล้ว
หัวขวานย่อมไม่อาจจะอ่านความคิดภายในใจของลกซุนออก ได้แต่คาดเดาว่า ลกซุนตระหนักแล้วว่า เพิ่งช่วยชีวิตจอมทรราชย์แห่งแผ่นดินมากับมือ ซึ่งใครๆล้วนต้องการสังหารโจโฉทั้งสิ้น ยังดีที่ทั้งสองคนไม่เคยเผชิญหน้ากัน จึงอาจจะยังไม่ล่วงรู้ศักดิ์ฐานะของฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น หัวขวานจึงได้แต่ขบคิดหาทางออกให้กับโจโฉ มิให้ตกตายไปในเหตุการณ์เฉพาะหน้าในครั้งนี้
เสียงโอดโอยดังขึ้นจากเบื้องหน้า เป็นหญิงสาวแปลกหน้าร่างบอบบาง แต่ท้องนูนสูงที่ร่วงหล่นมาเป็นคนแรกที่เอามือกุมท้อง กลิ้งเกลือกไปมา พร้อมมีของเหลวคล้ายโลหิตหลั่งไหลมาจากช่องท้อง
ซัวบุ้นกีตรงเข้าประคองสำรวจ แล้วรีบตะโกนบอกต่อโจโฉตามประสาคนผ่านประสบการณ์มานาน “แม่นางแฮหัว ร่างกายคงกระทบกระเทือนอย่างหนัก จนเจ็บท้องใกล้ถึงกำหนดคลอดแล้ว พวกเราอยู่บนเรือเช่นนี้ จะทำอย่างไรดีเล่า”
“ข้างในห้องโดยสาร มีหมอใหญ่กำลังดูแลผู้ป่วยอยู่ น่าจะพอทำคลอดให้ได้ น้องเล็ก จงช่วยอุ้มแม่นางเข้าไปข้างในเถิด ส่วนท่านทั้งสามจงพักผ่อนอยู่ข้างนอกสักครู่ก่อน ห้องด้านในคับแคบนัก ไม่ต้องเข้าไปให้ขวางมือขวางเท้าหรอก” หัวขวานจึงรีบสอดคำ แยกลกซุนให้ออกไปห่างไกลโจโฉเสียก่อน ค่อยคิดอ่านต่อไป
ลกซุนเห็นแก่ชะตากรรมแม่ลูกอ่อน อีกทั้ง สถานที่เป็นเรือโดยสารล่องอยู่กลางแม่น้ำใหญ่ โจโฉคงยังไม่อาจหลบหนีไปที่ใดได้ จึงตรงเข้าอุ้มหญิงสาวเข้าไปด้านใน พร้อมสะกิดใจที่ “ม้ากิ๋น” ไม่บอกว่า หมอชื่อดังฮัวโต๋อยู่ด้านใน แถมกีดกันคนอื่นไว้แต่ด้านนอก แสดงว่า ต้องมีนัยยะสำคัญอยู่บ้าง “จริงสิ ด้านใน ยังมีเตียวหุยซ่อนตัวอยู่นั่นเอง”
แต่เมื่อเข้าไปด้านใน นอกจากเหยี่ยวดำที่นอนหมดสติ ได้รับการพันผ้ารักษาอาการเสร็จเรียบร้อยแล้ว บุคคลที่นอนกึ่งเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง ตำแหน่งร่างกายมีบาดแผลสามแห่ง แทนที่จะเป็นขุนพลหน้าดำเคราครึ้ม เตียวหุย กลับกลายเป็นหญิงสาวร่างสูงใหญ่วัยประมาณสามสี่สิบปี แต่ใบหน้ายังคงเค้าสวยงามราวนางฟ้าผู้หนึ่ง
ลกซุนงุนงงไปชั่วขณะ จนหมอฮัวโต๋ที่กำลังฝังเข็มตามจุดร่างกายของหญิงสาว รู้สึกตัว หันมาพบเข้า จึงตะลึงงันไปอีกผู้หนึ่ง จนเสียงร้องโอดโอยของคนใกล้คลอดดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองรู้สึกตัว พอที่จะคาดเดาจุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้าม หมอฮัวโต๋รีบขยับย้ายสิ่งของ พอให้ลกซุนนำร่างของหญิงสาวที่มาใหม่วางลงนอนพักได้สะดวก
ขณะที่ลกซุนกำลังก้มร่างวางหญิงสาวนั้นเอง หมอฮัวโต๋กลับฉวยโอกาสแทงเข็มเข้าใส่จุดมึนงงของลกซุน พร้อมกดจุดที่ใบหน้า เพ่งสายตาสะกดจิต เพื่อรีบลบความทรงจำของลกซุนทันที ในฐานะของผู้นำหน่วยปักษาคนปัจจุบัน มันยอมให้ผู้อื่นเห็นความลับของเตียวหุย นางแอ่นไม่ได้อย่างแน่นอน
เสียงกรีดร้องของสตรีดังลั่นแทรกขึ้นมา พร้อมกับเสียงร้องของทารกแรกเกิด เรียกสติของหมอฮัวโต๋ให้ต้องรีบหันกลับไปดูแลหญิงสาวแปลกหน้า แต่ก็ได้แต่ส่ายหน้า ถอนหายใจ รีบนำตัวทารกขึ้นมาเช็ดล้างคราบน้ำคร่ำออก หากมันไม่เสียจังหวะไปจัดการกับลกซุนก่อน อาจจะพอส่งเข็มประคองพลังชีวิตของหญิงสาวไว้ได้ แต่พอมันเลือกทำหน้าที่ของส่วนรวมก่อน กลับทำให้หนึ่งชีวิตต้องหลุดลอยไปจากร่างกายเสียแล้ว
ขณะที่นกฮูก-ฮัวโต๋กำลังสาละวนจัดการกับคนเจ็บป่วยมากมายอยู่นั่นเอง เสียงเด็กน้อยคุ้นหูเอ่ยขึ้นเบาๆ จากทางด้านหลัง “ท่านลุงหมอ แม่นางแฮหัวคนนั้นตายแล้วหรือ”
หมอฮัวโต๋หันกลับไปมอง เห็นเป็นเด็กน้อยตังชง บุตรชายเจ้าปัญญาของซัวบุ้นกี ยืนเกาะประตูห้องมองเข้ามาภายในห้องตามลำพัง มันคงแอบย่องเข้ามาดูเรื่องราววุ่นวายตามประสาเด็กซุกซนเช่นเคย
“แม่ขาดใจตาย แต่เด็กรอดแล้ว” หมอฮัวโต๋ไม่ทันครุ่นคิดว่า ตังชงโผล่มาได้อย่างไร รีบพูดพลางยื่นทารกให้ตังชงเห็น แต่แล้ว กลับได้ยินเสียงขลุกขลักคล้ายเสียงทารกพยายามเปล่งเสียงร้อง แต่สำลักน้ำอยู่ มองดูในมือ ทารกพริ้มตาหลับไปแล้ว หรือว่า..
“ท่านพี่ ยังมีทารกอยู่อีกผู้หนึ่ง” เสียงแหบแห้งของนางแอ่น-เตียวหุยดังขึ้น ขยับตัวใช้ผืนผ้าพันปิดบังร่างกายท่อนบนที่กึ่งเปลือยเปล่า พร้อมยันตัวขึ้นนั่งพิงข้างฝา ระวังไม่ให้กระทบกระเทือนถูกเข็มเล่มเล็กๆที่ยังฝังอยู่ตามร่างกาย
หมอฮัวโต๋ตาเหลือกลาน รีบส่งทารกน้อยให้นางแอ่นรับไปดูแล แล้วหยิบเครื่องมือผ่าตัดตรงไปยังร่างที่ปราศจากชีวิตแล้วของหญิงแปลกหน้า วุ่นวายอยู่พักใหญ่จนนำร่างเล็กๆออกมาได้ เสียงร้องยังคงดังก้อง จนปลุกแฝดผู้พี่ให้ตื่นมาประสานเสียงกันอีกครั้ง
สายตาของนกฮูกเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้ช่วยชีวิตทารกแฝดทั้งสอง พอจะชดเชยความรู้สึกผิดที่ละทิ้งผู้เป็นแม่ให้ขาดใจตายไปก่อนได้บ้าง มองเห็นนางแอ่นในร่างหญิงสาวกำลังโยกตัวปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้อง ราวกับแม่ลูกที่แท้จริงคู่หนึ่ง ส่วนเหยี่ยวดำก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้อง ไม่กล้าส่งเสียงอันใด นั่งพิงข้างฝามองดูเหตุการณ์อยู่เช่นกัน คงเหลือแต่ลกซุนที่ยังคงนอนหมดสติคว่ำหน้าอยู่กับเตียงอีกข้างหนึ่ง
เมื่อนึกขึ้นได้ นกฮูกรีบมองหาตังชง แต่กลับไม่เห็นเด็กน้อยเสียแล้ว ป่านนี้ คงวิ่งออกไปรายงานเรื่องราวให้กับซัวบุ้นกี ผู้เป็นแม่ แต่ทว่า ทั้งสองขึ้นเรือมาได้อย่างไรกันเล่า จึงรีบทำความสะอาดร่างกายของทารกผู้น้อง เพื่อหยุดเสียงร้องอันน่าหนวกหูไปก่อน
หัวขวานโผล่เข้ามาในห้องโดยสาร สีหน้ายุ่งยากใจ จ้องมองดูพรรคพวกร่วมหน่วย พร้อมกับแจ้งข่าวสำคัญ “ด้านนอก มีซัวบุ้นกี ตังชง และโจโฉ รั้งรออยู่ ร่ำร้องจะเข้ามาดูหลานสาว แฮหัวสือ ผู้ตาย กับทารกทั้งสองคนนี้ พวกเราจะจัดการเช่นไรดี พี่สี่”
สามวิหคในห้องตกใจกับคำบอกกล่าวของหัวขวาน เหยี่ยวดำนึกอะไรขึ้นได้ รีบบอกเล่าเรื่องราวต่อพรรคพวกทันที มาถึงตอนนี้ พวกมันอยู่ในสถานที่คับแคบ ซ้ำยังบาดเจ็บสาหัส คงไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้ จำต้องใช้แผนฉุกเฉินกันแล้ว
…
ด้านนอก โจโฉก็ยุ่งยากใจยิ่งนักเช่นกัน แฮหัวสือ มีศักดิ์ฐานะเป็นทั้งหลานสาวผู้เป็นธิดาของแฮหัวตุ้น และอดีตภรรยาของโจเจียง ซึ่งก็คือลูกสะใภ้ของตนเอง ต้องมาเสียชีวิตในการคลอดลูก
ซึ่งเมื่อสืบสาวต่อเนื่องไปแล้ว ก็เป็นเพราะกระทบกระเทือนจากการเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับหลวงจีนทุศีล เพื่อช่วยเหลือตนเองแท้ๆ ทำให้มันตกอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกอย่างแท้จริง เนื่องจากโจเจียงกลับกลายเป็นลูกศัตรูก็จริง แต่นางแฮหัวสือก็ถือเป็นหลานสาวผู้ภักดีไม่เสื่อมคลาย
นางซัวบุ้นกี ทางหนึ่งรั้งตัวห้ามปรามตังชงไม่ให้วุ่นวาย ทางหนึ่งปลอบโยนให้โจโฉค่อยๆคิดอ่าน การที่นางเป็นคนมีความรู้ มีประสบการณ์ในแวดวงชั้นสูงมานาน จึงเข้าใจเรื่องราชการการเมืองไม่น้อย พอถูกจับเป็นตัวประกันอยู่กับเตียวเฟิงเนิ่นนาน ทำให้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ และความสำคัญของคนรักที่มีต่อแผ่นดินฮั่นมากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง จนความนึกคิดที่มีต่อโจโฉเปลี่ยนแปลงไปอย่างซับซ้อนกว่าเดิม
ในห้วงเวลากลียุคเช่นนี้ คงมีแต่โจโฉที่สามารถยืนหยัดฝ่าฟันศัตรูทั้งหลาย และรวบรวมแผ่นดินฮั่นให้สู่ความสงบสุขได้ เพียงแต่เสียงสนับสนุนเชิดชูและเสียงต่อต้านก่นด่ากลับเกิดขึ้นมากมาย สร้างความสับสนต่อผู้คนทั่วไป แต่นางเชื่อมั่นว่า หากแม้นมิใช่โจโฉจิตใจหนักแน่น คงถูกกระแสการเมืองชักนำให้กลายเป็นทรราชย์ปล้นบัลลังก์ไปแล้ว
ช่วงเวลาร่วมยี่สิบปีที่ผ่านมา โจโฉค้ำจุนบัลลังก์ฮั่นมาอย่างอดทน ปราบลิฉุย กุยกี ลิโป้ อ้วนสุด อ้วนเสี้ยว จนล่าสุด ม้าเท้ง ได้สำเร็จ โดยไม่เคยล่วงเกินต่อองค์กษัตริย์แม้แต่น้อย เพียงแต่กลุ่มขุนนางเก่าทรงอิทธิพลกลับทำตัวเป็นปรปักษ์ ชิงชังโจโฉที่แบกป้ายขันทีสี่แผ่นดินโจเท้ง ก่อการขบถเสียเองบ่อยครั้ง เพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมืองต่อกัน
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางยอมเสียสละชีวิตตนเองและลูกชาย เพื่อให้โจโฉรอดตาย มองไปทั่วทั้งแผ่นดินนี้ มีแต่โจโฉที่มีความพร้อม เพียงพอจะหยุดยั้งศึกสงครามหลายสิบปีนี้ลงได้ นางจึงตัดสินใจแล้วที่จะอยู่เคียงข้างคนรัก ผลักดันความสงบสุขให้กลับคืนสู่แผ่นดินบ้านเกิด อย่างน้อย ปณิธานของท่านพ่อซัวหยงก็จะลุล่วงได้บ้างบางส่วน และบางที นางควรจะเปิดปากบอกความลับเรื่องนั้นให้โจโฉได้ทราบเสียที
…
เสียงสายฟ้าดังสนั่น พร้อมกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มลงด้วยเมฆฝนอย่างรวดเร็ว แล้วจู่ๆฝนห่าใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำเอาคนทั้งสามเปียกปอน และตัวโยกคลอนไปกับคลื่นลมที่แปรปรวน คนเรือรีบตะโกนให้หลบเข้าไปด้านในห้องโดยสาร ปล่อยให้ด้านนอกหลงเหลือเพียงคนเรือที่มีความคุ้นเคยกับกระแสน้ำ คอยดูแลลำเรือ จะดีกว่า
พอดี ม้ากิ๋นโผล่หน้ามากวักมือเรียกสำทับ ทั้งสามจึงไม่ต้องลังเลใจอีกต่อไป รีบวิ่งฝ่าสายฝนหลบเข้าสู่ห้องโดยสารด้านในโดยเร็ว แม้จะคับแคบเพียงแค่พื้นที่จำกัด แต่ก็ดีกว่าอยู่ให้เปียกปอน และเสี่ยงต่อการตกเรืออยู่ทางด้านนอก
สภาพห้องโดยสารตอนนี้ มีชายหญิงชาวบ้านวัยประมาณสามสี่สิบปีสองคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง อุ้มประคองเด็กทารกเอาไว้ในอ้อมอก กำลังป้อนนมอุ่นๆในชามไม้ให้ทีละน้อยๆ มีหมอยาสูงวัย หลังค่อม กำลังพัดเตาไฟต้มปรุงยา ไม่สนใจผู้ใด ส่วนจอมยุทธ์หนุ่มผู้ช่วยชีวิตจากการตกเหว กลับนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนอน เคียงข้างร่างกายที่ไร้วิญญาณของแฮหัวสือ
“ม้ากิ๋น” จึงรีบคลายความสงสัย “เมื่อครู่ เรือโยกคลอนกระทันหัน น้องเล็กไม่คุ้นเคยกับการใช้เรือทางน้ำ กลับเสียหลัก ล้มลงไปกระแทกขอบเตียงจนหมดสติไป ท่านหมอเลยต้องวุ่นวายปรุงยารักษาอาการให้อีกคนหนึ่ง เชิญพวกท่านตามสบายเถิด”
โจโฉตรงเข้าไปพิจารณาร่างไร้วิญญาณของแฮหัวสือด้วยความอาลัยรัก ในขณะที่นางซัวบุ้นกีกับบุตรชายเข้าไปหยอกล้อกับเด็กทารกแฝดเพศหญิงทั้งสองคน โจโฉเหม่อมองไปรอบห้อง กลับเป็นภาพของผู้คนธรรมดาที่มีชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย ครบถ้วน คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึงหกสิบปี เริ่มรู้สึกเข้าใจถึงสัจธรรมของชีวิต
โจโฉจึงเอ่ยขึ้นว่า“ไฉ่เหอ เจ้าทั้งสองเป็นดั่ง หลันไฉ่เหอ เซียนทาริกา จุติลงมา เพื่อช่วยสะกิดเตือนสติของข้าให้ตื่นขึ้นจากความมีดมัวโง่เขลา ข้าขอตั้งชื่อให้เป็น ซิงไฉ่ ซิงเหอ เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของมารดาเจ้าในครั้งนี้ ต่อไปภายหน้า ข้าขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะตั้งใจค้ำจุนแผ่นดินฮั่น ขจัดคนเลวร้ายให้สิ้นซาก เพื่อคืนความสุขให้กับคนทั้งปวง”
หมายเหตุ หลันไฉ่เหอ หรือ น้าไฉฮั้ว เป็นหนึ่งในแปดเซียนผู้วิเศษตามความเชื่อของจีน ซึ่งในยุคสมัยสามก๊กนั้น ยังมีเซียนไม่ครบแปดตน ผู้คนจึงเรียกขานเซียนกลุ่มนี้ แยกไปตามบุคลิกเฉพาะของแต่ละคน เช่น เซียนขอทาน-หลี่เถี่ยไกว่ เซียนนักพรต-หลื่อต้งปิน เป็นต้น สำหรับหลันไฉ่เหอนั้น บ้างว่า เกิดในสมัยไซ่ฮั่น บ้างว่า เกิดในสมัยถังตอนต้น จึงขอหยิบยกมาใช้เสริมเติมในรูปแบบของจินตนาการครั้งนี้ด้วย
โจโฉกล่าวคำสาบานไว้อย่างสาหัสด้วยความสะเทือนใจ ทำให้บุคคลต่างๆในห้องโดยสารแคบเล็กนั้น สัมผัสถึงความรู้สึกที่มุ่งมั่นไปตามๆกัน นางซัวบุ้นกียิ่งเคลิบเคลิ้มปลาบปลื้มต่อปณิธานของคนรักที่พลัดพรากจากกันมานาน แอบมองตังชง ลูกชายที่เฝ้าเลี้ยงดูมานาน หมายจะหาโอกาสเฉลยความลับต่อโจโฉเสียที พลันสังเกตเห็นท่าทีที่ตังชงแอบยิ้มกริ่ม จ้องมองดูหมอยาเฒ่าอย่างผิดปกติ จึงพลอยมองตามบ้าง จนพบพิรุธในท่าทางบางประการที่ดูคุ้นตา
“ฮัวโต๋ เป็นท่านปลอมตัวมานี่เอง” นางซัวบุ้นกีนึกในใจ หมอฮัวโต๋คล้ายมีความนัยอยู่กับโจโฉ คราก่อน โจโฉจึงชิงลงไม้ลงมือต่อกันจนวุ่นวาย แล้วคราครั้งนี้เล่า
พอนางซัวบุ้นกีทบทวนความคิดจนน่ิงงันไปชั่วขณะ โจโฉที่เอาใส่ใจในตัวนางที่สุด จึงรู้สึกตัวถึงกลิ่นอายของความตึงเครียดภายในห้องโดยสาร เด็กน้อยตังชงอดกลั้นอยู่นานแล้วจนทนไม่ไหวที่ลุงหมอใจดี มาปลอมแปลงเป็นคนแก่สูงวัยเกินความเป็นจริง จึงหลุดปากหัวร่อคิกคัก กลับเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศที่กำลังอบอุ่น ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำทางด้านนอก
…
นกฮูก-ฮัวโต๋ พบเห็นว่า แผนการปลอมแปลงตัว ถูกตังชงเปิดโปงเข้าแล้วด้วยความไร้เดียงสา จึงตัดสินใจ เบี่ยงตัวใช้ท่าร่างพิสดาร หมายจะใช้กลยุทธ์เดิมซ้ำอีกครั้ง ในมือซุกซ่อนเข็มเล็ก พร้อมที่จะแทงเข้าใส่จุดสลบของโจโฉ เพื่อเตรียมลบล้างความทรงจำ เช่นเดียวกันกับที่กระทำไว้กับลกซุนเมื่อครู่
หากแต่โจโฉรู้ตัวล่วงหน้าเสียก่อนแล้ว จึงชิงลงมือกระตุกกลไกในแขนเสื้อซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นเกาทัณฑ์ลับสองดอกพุ่งเข้าใส่ชายหญิงวัยกลางคนในระยะประชิด ส่วนตัวเองฉุดลากเอาม้ากิ๋นมาบังตัวเอาไว้ เพื่อหลบเลี่ยงการจู่โจมของหมอชราไว้ก่อน
เพียงพริบตา ฉากเหตุการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เป็นชายชาวบ้านยื่นมือข้างเดียวรวบรับเกาทัณฑ์ลับทั้งสองเอาไว้อย่างง่ายดาย โดยที่อีกมือหนึ่งยังคงประคองตัวเด็กทารกไว้แน่น่ิง ในขณะที่หญิงชาวบ้านดีดตัวขึ้นนั่งโน้มกายไปข้างหน้า มือหนึ่งยังคงประคองเด็กทารก อีกมือหนึ่ง ยื่นกดใส่ไหล่ของหมอชราให้หยุดยั้งกับที่ ทันเวลาก่อนที่ฮัวโต๋จะหยิบยื่นเข็มเล็กเข้าใส่จุดชีวิตของพวกเดียวกันเอง
โจโฉตระหนักได้ในทันทีว่า มันประเมินกลุ่มคนตรงหน้าต่ำเกินไปเสียแล้ว หากมีโอกาสแก้ตัว มันไม่อาจยั้งมือไว้ไมตรีได้อีก ดูเหมือนการต่อสู้ในระยะประชิดจะหยุดยั้งลงเพื่อเว้นจังหวะให้เจรจากันแล้ว แต่เป็นลกซุนที่นอนนิ่งสงบมานาน ดีดตัวจากเตียงนอน พุ่งเข้าจ้วงแทงมีดสั้นใส่กลางหลังของโจโฉ
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย