Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
25 ก.ค. 2021 เวลา 23:08 • นิยาย เรื่องสั้น
5.13. หุบเขาละทิ้งอดีต
โจวจู๋ พ่อบ้านหุบเขาละทิ้งอดีต - ชีเซ่ง เตงฮอง องครักษ์คู่ตระกูลซุน
นับว่า ชะตาชีวิตของโจโฉยังไม่ถึงฆาต นางซัวบุ้นกีที่อยู่ใกล้ตัว รีบยืดร่างเข้าขวางทางรับมีดไว้เสียเอง จึงโดนปักเข้าที่กลางหลัง จนเลือดชุ่มโชกทั่วตัว
ลกซุนเห็นตัวเองลงมือผิดคน แม้รู้สึกสะท้อนใจ แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดมือ รีบชักมีดสั้นออก หมายจะแทงซ้ำ แต่คราวนี้ กลับโดนเหยี่ยวดำยื่นมือมากดชีพจร จนตัวชาไปทั้งร่าง ไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีก จึงตะโกนคัดค้าน “ท่านอา เป็นมันที่ลงมือสังหารพ่อข้า และคนในตระกูลจนหมดสิ้น ปล่อยให้ข้าได้ล้างแค้นเถิด”
โจโฉประคองร่างที่โชกเลือดของนางซัวบุ้นกี จ้องมองหน้าจอมยุทธ์คนที่ช่วยชีวิตมันมาหยกๆนั้น เป็นเพียงชายหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้า พลางหันมาตวาดใส่ “มือข้าเปื้อนโลหิตของผู้คนมามากมาย เพื่อกอบกู้แผ่นดินฮั่นนี้ ข้าจะยินยอมแบกรับความแค้นไว้เอง แต่จงบอกมาก่อนว่าบิดาเจ้าคือใครกัน”
ฮัวโต๋ขยับส่งสัญญาณขอดูอาการของนางซัวบุ้นกี โจโฉตัดใจส่งนางให้กับหมอชราดูแลอาการ ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็เชื่อมั่นว่า เป็นแพทย์ที่มีความรู้จริงๆคนหนึ่ง พอดีกับที่เด็กน้อยตังชงกล่าวเรียก “ท่านลุงหมอ ช่วยรักษาบาดแผลให้แม่ข้าด้วย”
คำพูดสั้นๆ ทำให้โจโฉพอคาดเดาได้ทันทีว่า ที่แท้หมอชราก็คือ หมอฮัวโต๋ คนคุ้นเคยของนางซัวบุ้นกีและตังชงนั่นเอง แสดงว่า มันวนเวียนกลับมาตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์กรลึกลับนั้นอีกแล้ว
โจโฉนึกทบทวนพฤติกรรมขององค์กรลึกลับที่ช่วยชีวิตตนเองมาหลายครั้ง จึงยังพอไว้วางใจได้ระดับหนึ่ง หากแต่จอมยุทธ์หนุ่มตรงหน้าต่างหาก ที่กำลังต้องการเอาชีวิตมันให้ถึงตาย มันเป็นทายาทของใครกันแน่นะ
“เป็นลิแปะเฉีย” ลกซุนกระชากเสียงใส่
หมายเหตุ แต่เดิม ลกซุนคือ ลิป้อเอี๋ยน ลูกชายของลิแปะเฉีย หากแต่ตอนสมัครเข้ารับราชการที่กังตั๋ง ต้องการความมั่นคงก้าวหน้า จึงอ้างตนเป็นญาติกับลกเจ๊ก ขุนนางอาวุโส ทำให้ใช้แซ่ ลก เรื่อยมา และยังไม่มีคนอื่นล่วงรู้ความลับนี้มากนัก
...
โจโฉทวนคำ “ลิแปะเฉีย” ความคิดย้อนกลับไปถึงคดีเก่าที่ตนเองกับตันก๋งร่วมกันก่อการอุกอาจ สังหารเพื่อนเก่าของบิดาล้างตระกูล จนกลายเป็นความผิดเรื่องหนึ่งที่ค้างคาใจตนเองมานานหลายสิบปี
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทายาทของลิแปะเฉียเอย ตัวการหนี้เลือดครั้งนั้น ที่จริงเป็นตันก๋งลงมือจัดการแทบทั้งสิ้น แต่ก็เอาเถอะ ถือว่า ข้าเป็นฆาตกรร่วมไปกึ่งหนึ่งด้วยเช่นกัน ในเมื่อข้าติดค้างชีวิตเจ้าคราหนึ่ง ก็เชิญลงมือแก้แค้นได้เลย”
ลกซุนแค้นเคืองจนตาแดงฉาน แต่จนใจที่ไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้ เหยี่ยวดำจึงถอนหายใจ กดจุดสลบใส่ลกซุนอีกครั้ง เพื่อยุติการเผชิญหน้าไปก่อนชั่วคราว และกันไม่ให้โจโฉรู้จักฐานะปัจจุบันของลกซุนมากไปกว่านี้
โจโฉกวาดตามองกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า เพื่อจดจำลักษณะรูปพรรณให้ได้มากที่สุด หมอฮัวโต๋ บัณฑิตหนุ่มทายาทลิแปะเฉีย ม้ากิ๋นร่างเล็ก ชายสูงใหญ่ผู้มีวิทยายุทธ์สูงล้ำ และหญิงร่างใหญ่หน้าตาสะสวย มันคงต้องยอมละทิ้งหญิงคนรักไว้ที่นี่ก่อน แล้วค่อยหาทางพลิกแพลงแก้ไขเอาภายหลัง
ฉับพลัน อาศัยจังหวะที่พายุฝนพัดสาดจนเรือโดยสารโคลงเคลง โจโฉทำเป็นเซถลา ไปทางด้านประตูเรือ แล้วเหวี่ยงเอาม้ากิ๋นที่ยืนขวางทางอยู่กลับมาทางกลางห้อง ทิ้งจังหวะให้ตนเองได้เบียดตัวพุ่งออกไปทางด้านนอก
เสียงทึบคล้ายระเบิดดังขึ้นตามมาภายในห้องโดยสาร โจโฉไม่ทันได้พิจารณาสิ่งอื่นใด ในเมื่อเป็นโอกาสเอาตัวรอดได้ จึงรีบกระโจนลงแม่น้ำไต้กัง หลบหนีไปจากสถานการณ์ที่วุ่นวายภายในเรือโดยสารแล้ว
…
เสียงระเบิดที่เกิดขึ้นภายในห้องโดยสารนั้น เกิดจากการเหวี่ยงม้ากิ๋นเข้าไปในห้องโดยสารนั้นเอง ภายในอกเสื้อเต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย จำเพาะให้กระบอกปักษาชุดใหม่ที่เพิ่งพัฒนาขึ้นเป็นกระบอกปักษาเพลิงถูกเกี่ยวกระชากออกมาจากอกเสื้อกระแทกกับพื้น จนกลายเป็นเปลวไฟพวยพุ่งไปทั่วเพดาน และไหม้ลามไปจุดอื่นๆอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนภายในห้องโดยสารรีบฉุดลากกันหนีออกมาจากห้องโดยสาร เรียกร้องให้คนเรือรีบนำเรือเล็กลงน้ำ ท่ามกลางพายุฝนที่ยังคงเทกระหน่ำอยู่นั่นเอง เพียงชั่วครู่ให้หลัง ทั้งหมดก็นั่งหมดแรงอยู่บนเรือเล็ก มองดูเรือโดยสารใหญ่กำลังลุกไหม้ด้วยพิษไฟที่มีอานุภาพร้ายแรง ตัดกับสายฝนและคลื่นลมแม่น้ำ จนเป็นแสงสีส้มประหลาดเจิดจ้าในยามค่ำคืน สุดท้าย เรือโดยสารโคลงเคลงไปมา และค่อยๆจมหายลงสู่แผ่นผืนน้ำ เหลือเพียงเรือเล็กลอยไปตามกระแสน้ำและสายฝนยังคงกระหน่ำลงมาเช่นเดิม
มองเห็นแสงสว่างจากวัตถุลึกลับลอยละลิ่วอยู่เหนือแผ่นน้ำระดับหนึ่ง ตรงเข้ามายังจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ที่แท้เป็นแสงโคมพายุคลั่งตายจากเรือใบเร็วสีดำสนิทขนาดปานกลาง คงแล่นออกจากฝั่งมาตรวจดูเหตุการณ์แสงสีส้มประหลาด คนเรือรีบส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้เรือใบหันเข้ามาเทียบกับเรือเล็ก และถ่ายคนขึ้นไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่า ในบรรยากาศเย็นยะเยือกของพายุฝนเช่นนี้ น้ำใจของเพื่อนมนุษย์ย่อมมาก่อนสิ่งอื่นใด
พวกปักษาสวรรค์ทุกคนล้วนแต่ระมัดระวังตนเองอยู่เป็นปกติ ทำตัวเป็นธรรมชาติที่สวมบทบาท เพียงสังเกตเห็นกลุ่มคนที่มาช่วยเหลือนั้น ใส่ชุดเสื้อผ้าสีดำสนิทเช่นกันกับลำเรือ ก็เริ่มสงสัยอยู่ในใจที่กลุ่มคนเหล่านี้ดูจะทำตัวลึกลับ ปกปิดฐานะ แต่เมื่อทะยอยขึ้นไปยืนบนลำเรือเท่านั้น กลับรู้สึกงุนงง และหมดสติกันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
เสียงอุทานที่เหยี่ยวดำได้ยินก่อนหมดสติไป คือ “คนนี้คือท่านลกซุนนี่นา”
…
สลบไสลไปนานเพียงไรไม่ทราบ แสงแดดยามสายส่องผ่านหน้าต่าง ทำให้ลกซุนค่อยๆฟื้นสติขึ้น พบเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงนอนภายในห้องพักหรูหรา ราวกับคฤหาสน์ของเศรษฐีใหญ่ เสื้อผ้าที่เปียกปอนถูกผลัดเปล่ียนชุดใหม่ให้จนเรียบร้อย มันกลอกตาทบทวนเรื่องราวพักใหญ่ แล้วจึงค่อยขยับเขยื้อนร่างกาย เห็นว่า ปกติดี ซ้ำยังไม่มีพันธนาการใดๆ จึงดีดตัวแง้มประตูออกไปสำรวจด้านนอกอย่างเงียบเชียบ
ห้องหับรายทางมากมาย สมกับเป็นคฤหาสน์ตามที่คาดคิดไว้ แต่เวลากลางวันเช่นนี้ กลับไม่ปรากฏผู้คนสาวใช้ใดๆ มันจึงย่องผ่านไปได้จนถึงห้องโถงกลาง ซึ่งมีคนจำนวนหนึ่ง นั่งบ้าง ยืนบ้าง นอนบ้าง ยึดครองพื้นที่ไปครึ่งค่อนห้องโถง
ส่วนที่นั่งอยู่ คือ ท่านอาเหยี่ยวดำในชุดชายชาวบ้านธรรมดา กับหญิงสาวร่างใหญ่ในชุดชาวบ้านที่เคยนอนรักษาตัวแทนที่เตียวหุยในท้องเรือ กำลังอุ้มเด็กทารกฝาแฝดเอาไว้ในอ้อมอกทั้งคู่ ส่วนที่ยืนอยู่ คือ หมอฮัวโต๋ กำลังทายาประสานแผล และพันผ้าให้นางซัวบุ้นกีที่นอนคว่ำหน้าไม่ได้สติอยู่บนเตียงตั่ง โดยมีม้ากิ๋นคอยรับส่งอุปกรณ์เครื่องมือให้อย่างชำนาญ และตังชงยืนมองดูอย่างกังวลใจ แสดงว่า ทั้งหมดกลับฟื้นคืนสติมาก่อนตัวมันเสียอีก
ห่างออกไป ยังมีคนป่วยที่ดูคล้ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจนถูกพันผ้าเต็มไปหมดตั้งแต่ใบหน้าลงไปตามร่างกาย ยังมีเงาหลังของบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดนักสู้สองคน ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆพร้อมกับลูกน้องนับสิบคนอยู่ แต่ปราศจากรังสีอำมหิตใดๆ ลกซุนกลับรู้สึกคุ้นตา จนเมื่อทั้งสองหันกลับมา จึงพบเห็นว่าเป็น ชีเซ่ง เตงฮอง อดีตสองนายทหารกังตั๋งที่ถูกปลดออกจากราชการไปตั้งแต่หลังเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มเมืองเมื่อหลายปีก่อน
ครั้งนั้น ชีเซ่ง เตงฮอง ถูกวางตัวให้เป็นองครักษ์ประจำตัวให้กับนางซุนไท่ไถ้ มารดาของซุนกวน ในเมื่อท่านผู้เฒ่าสูญหายไปกับสายน้ำ ทั้งสองจึงถูกปลดจากตำแหน่ง ลงโทษให้ไล่ออกจากราชการ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความปรานีของซุนกวนแล้ว
ในเมื่อเป็นคนกันเอง ลกซุนจึงไม่ปกปิดร่องรอย พาลก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงกลางอย่างเปิดเผย ชีเซ่ง เตงฮอง จึงรีบตรงเข้ามาทักทายสหายเก่า “ท่านลกซุนฟื้นแล้ว พวกข้าน้อยเป็นห่วงแทบแย่”
หลังจากนั้น ชีเซ่ง เตงฮองจึงบอกเล่าว่า สถานที่แห่งนี้ เรียกว่า หุบเขาละทิ้งอดีต เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงลึกลับ ตั้งอยู่บนชายหาดใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่หลังซอกหลืบธรรมชาติท่ามกลางหน้าผาสูงชันด้านข้างแม่น้ำไต้กัง น้อยคนจะรู้จักหรือพบเห็น มีผู้คนอาศัยอยู่ราวสามสี่ร้อยหลังคาเรือน โดยมีเจ้าของคฤหาสน์ เป็นประมุขหุบเขา หัวหน้าของผู้คนเหล่านี้
เสียงเรียกประมุขดังขึ้นจากกลุ่มลูกน้องด้านหลัง ประตูเล็กด้านในกลับปรากฏนักพรตสูงวัยชุดลายพร้อย ร่างกายผอมซูบ ใบหน้าอัปลักษณ์เต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลคล้ายถูกเผาไหม้แถมตาบอดไปข้างหนึ่ง ขาเสียข้างหนึ่ง ปั้นสีหน้าเคร่งเครียด เดินเข้ามานั่งในเก้าอี้ประธานที่ตั้งชิดผนังด้านหนึ่งไว้ ชีเซ่ง เตงฮองรีบก้าวไปยืนกระหนาบซ้ายขวาของที่นั่ง ในขณะที่ลกซุน และพวกฮัวโต๋ ก้าวเข้ามาคารวะผู้มีพระคุณตามธรรมเนียม
ประมุขหุบเขากวาดตามองผู้คนรอบหนึ่งจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเย็นชา “ในเมื่อพวกท่านแข็งแรงปลอดภัยดีแล้ว ก็จงเตรียมตัวออกเดินทางไปจากหุบเขาเสียเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะที่จะต้อนรับคนภายนอกเช่นพวกท่านได้นานนักหรอก เจ้าใหญ่ เจ้าเล็ก ส่งแขกไปให้ถึงชายฝั่งด้านตรงข้ามด้วย”
ทั้งหมดงงงันวูบ นึกไม่ถึงว่าเจ้าบ้านเพิ่งมาพบหน้ากัน ก็ขับไสไล่ส่งแขกในทันทีเช่นนี้ ฮัวโต๋สำนึกในหน้าที่ของแพทย์ที่มีต่อคนไข้ จึงทักท้วงขึ้นด้วนน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ท่านประมุขหุบเขา สตรีนางนี้คือนางซัวบุ้นกี นักปราชญ์หญิงเลื่องชื่อแห่งแผ่นดิน แม้ว่าได้รับการรักษาจนพอจะเดินทางได้แล้ว แต่บาดแผลกลางหลังเพิ่งสมานตัว ยังไม่ควรขยับเขยื้อนร่างกายมากนัก หากได้พักรักษาตัวก่อน จะดีกว่านะท่าน”
ประมุขหุบเขาไม่เหลือบแลมองคนเจ็บแม้แต่น้อย ยังคงเงยหน้ามองเพดาน คล้ายยืนกรานในความคิดเดิมอยู่ หมอฮัวโต๋จึงไม่ละความพยายามต่อ
“ส่วนคนป่วยด้านนี้คือพระภิกษุเภาเจ๋งแห่งวัดป่าน้อยที่สอง อาการสาหัสนัก โดยเฉพาะสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ตัวข้าคิดจะขอเวลาอยู่รักษาให้อีกสักระยะหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านจะผ่อนคลายกฏระเบียบได้บ้างหรือไม่”
เป็นหมอฮัวโต๋ที่รู้จักมักคุ้นกันกับหลวงจีนเภาเจ๋งผิวเผินมาก่อน และเพิ่งล่วงรู้ถึงฐานะที่แท้จริงจากปากคำของเหยี่ยวดำแล้วคร่าวๆ จึงคิดจะสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อค้นหาตัวตนของบังเต๊กกง ตัวการสำคัญให้ได้ จึงได้แต่ช่วยชีวิตคนร้ายตรงหน้าเอาไว้ก่อน
“มันลอยมาตามแม่น้ำใหญ่ พลัดหลงเข้ามาถึงหุบเขาโดยบังเอิญ ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ช่วยได้ก็ประเสริฐ ช่วยไม่ได้ก็แล้วแต่ฟ้ากำหนด เอาไว้ข้าจะจัดหาหมอมีฝีมือในหุบเขามาดูแลเอง พวกท่านพากันกลับไปเถอะ แล้วจงลืมเลือนสถานที่แห่งนี้เสียให้สิ้น เพียงแค่นั้น ข้าก็ขอบใจพวกท่านมากแล้ว” ประมุขหุบเขากล่าวเสริม
ลกซุนในฐานะที่เป็นตัวเชื่อมประสานที่ทำให้ชีเซ่ง เตงฮองชักนำทั้งหมดเข้ามาในหุบเขา จึงก้าวออกมาประสานมือคารวะ “ขออภัย ท่านประมุขหุบเขา ช่วยชีวิตคนถือเป็นบุญกุศลสูงสุด ท่านผู้นี้คือหมอฮัวโต๋ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทั้งแผ่นดิน น่าจะช่วยการรักษาได้ดีกว่า เพียงทอดเวลาอีกสักหน่อย คงมิเป็นไรกระมัง ตัวข้า ลกซุนแห่งกังตั๋ง ขอรับประกันว่า เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องราว พวกเราจะไปในทันที”
“ไม่ต้องกล่าวให้มากความ หุบเขาละทิ้งอดีตไม่ต้องการสุงสิงกับบุคคลภายนอก เมื่อพวกท่านปลอดภัยดีแล้ว ก็จงรีบไปเสียเถิด เจ้าใหญ่ เจ้าเล็ก ส่งแขกทันที“ ประมุขหุบเขายืนกราน พร้อมประสานมืออำลาเป็นเชิงขับไล่
ชีเซ่ง เตงฮอง หรือ เจ้าใหญ่ เจ้าเล็กตามคำเรียกขาน แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ เพราะเป็นผู้ที่นำพาบุคคลภายนอกเหล่านี้เข้ามาในหุบเขาเองโดยพลการ จึงก้าวออกมาเชื้อเชิญให้ทั้งหมดออกเดินทาง พวกหมอฮัวโต๋จึงได้แต่คารวะอำลา ช่วยกันประคองนางซัวบุ้นกี แล้วหันกายก้าวออกไปจากห้องโถง
ลกซุนส่งสายตาให้กับเหยี่ยวดำ พลางก้าวเข้ามาคารวะเป็นคนสุดท้าย ฉวยจังหวะที่ชีเซ่ง เตงฮองไม่ทันระวังตัว พุ่งร่างเข้าประชิดตัวประมุขเฒ่า แต่นักพรตตาเดียวกลับมีฝีมือพอตัว ขยับร่างวูบ หลบการโจมตี พร้อมตั้งท่าพร้อมต่อสู้ ส่วนเหยี่ยวดำ ที่แอบส่งทารกให้นางแอ่นไปดูแล ก็ใช้สองมือว่างเปล่า สยบชีเซ่ง เตงฮองไว้พร้อมกัน ทำให้เหลือเพียงฝ่ายตรงข้ามเหลือเพียงนักพรตประมุขเพียงลำพัง
นักพรตสะบัดฝ่ามือใส่ลกซุนเป็นการชิงลงมือก่อน แต่ลกซุนยังหนุ่มแน่น เพียงพักฟื้นมาชั่วข้ามคืน กำลังก็กลับคืนมาหลายส่วน จึงกล้าจะต้านรับสองฝ่ามือตรงๆ จนคนทั้งสองถอยหลังไปสามก้าวใหญ่ แสดงว่า ฝีมืออยู่ในระดับที่ก้ำกึ่งกันอยู่
“หยุดก่อน” เสียงดังกังวานมาจากประตูเล็กด้านในพร้อมกล่าวขึ้น “ข้าบอกเจ้าแล้วว่า พวกเราคงหลอกหนึ่งบุ๋นแห่งกังตั๋งไม่ได้ดอก ในเมื่อชะตาลิขิตไว้เช่นนี้ เจ้าก็ยินยอมทำใจเสียเถอะ ไม่ต้องหลบเลี่ยงต่อไปแล้ว” เป็นชายหญิงสูงวัย ท่าทางกระฉับกระเฉง หน้าตาเปล่งปลั่งมีราศี คู่หนึ่ง จูงมือกันเดินเข้ามา
ลกซุนพอพบเห็น ต้องรีบคุกเข่าคารวะ ร้องเรียกท่านผู้เฒ่าพร้อมทั้งน้ำตานองหน้า ที่แท้ ประมุขหุบเขาถึงกับเป็น เจ้าสัวเกียวชวน กับ นางซุนไท่ไถ้ สองผู้อาวุโสแห่งกังตั๋งที่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มเมืองนั่นเอง
ประมุขตัวปลอมแม้จะสวมบทบาทยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ หากแต่ชีเซ่ง เตงฮองเป็นคนคุ้นเคยกับตนเองมานาน ย่อมรู้จักนิสัยใจคอของคนทั้งสองที่ซื่อตรง จงรักภักดีต่อตระกูลซุน จนเกินกว่าจะมายอมรับสภาพกดดันเช่นนี้ได้ อีกทั้งสายตาของทั้งสอง คล้ายมองผ่านไปทางด้านหลังของประมุขปลอมตลอดเวลา มันจึงลงมือล่วงเกิน หวังบีบบังคับให้ประมุขตัวจริงปรากฏตัว
เจ้าสัวเกียวชวนยื่นมือประคองให้ลกซุนลุกขึ้น แล้วค่อยกวักมือให้พวกฮัวโต๋กลับเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง หมอฮัวโต๋ และซัวบุ้นกี ซึ่งเคยพบหน้าเจ้าสัวเกียวมาก่อนในอดีต จึงคารวะทักทายตามธรรมเนียมด้วยความงุนงงสงสัย ส่วนนางแอ่น เหยี่ยวดำ ไม่ต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริง รีบออกตัวเป็นสามีภรรยาชาวบ้านธรรมดา พร้อมกับลูกสาวฝาแฝด และ หัวขวาน น้องชาย ที่เผอิญติดเรือมาด้วยกันเท่านั้น
ลกซุนแม้รู้ว่าไม่เป็นความจริง หากแต่ไม่ใช่สาระสำคัญอันใด จึงไม่กล่าวเปิดโปงให้วุ่นวาย ปล่อยให้เจ้าสัวสั่งงานให้ประมุขตัวปลอม ซึ่งก็คือ นักพรตโจวจู๋ พ่อบ้านใหญ่ของที่นี่ กับชีเซ่งเตงฮองส่งแขกไปพักผ่อนให้เรียบร้อยก่อน จะอย่างไรพวกของท่านอาเหยี่ยวดำคงไม่ก่อกวนเรื่องราวอันใดกับฝ่ายของตนเอง
จนเมื่ออยู่กันตามลำพังสามคนกับลกซุนแล้ว เจ้าสัวเกียว และซุนไท่ไถ้จึงเริ่มต้นเล่าเรื่องราวความลับแสนพิสดารที่ถูกปิดบังไว้ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ให้กับลกซุนได้รับรู้
…
ที่แท้ เกียวชวน กับ ง่อหยี่เหนียง (แซ่ง่อ เป็นแซ่ดั้งเดิมของซุนไท่ไถ้) เคยเป็นเพื่อนบ้านที่แอบชอบพอกันมานานตั้งแต่เด็กแล้ว หากแต่ครั้งนั้น เกียวน้อยกลับถูกกีดกันด้วยความยากจนของครอบครัว จึงมุมานะออกเดินทางไปค้าขาย สร้างเนื้อสร้างตัวในต่างเมือง จนร่ำรวยมีฐานะขึ้น แต่ส่งข่าวคราวกลับมาบ้านเกิดไม่ทัน ง่อหยี่เหนียงจึงถูกยกให้นายทหารหนุ่มมีอนาคตนาม ซุนเกี๋ยน ไปก่อนแล้ว จนกลายเป็นซุนไท่ไถ้ไปในที่สุด ทำให้คนรักทั้งสองหมดสิ้นความหวังที่จะครองคู่กัน
เกียวชวนจึงได้แต่ปกปิดความรู้สึกชอบพอเอาไว้ อาศัยฐานะเศรษฐีใหญ่ ตีสนิทเป็นมิตรสหายกันกับซุนเกี๋ยน และคอยช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด เพื่อให้ความสุขสบายได้ส่งผลไปถึงซุนไท่ไถ้ คนรักเก่า ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันให้ซุนเกี๋ยนได้ลงมาสร้างตัวสร้างชื่อในแดนใต้ การอพยพทิ้งกิจการที่เมืองหลวงมาตั้งรกรากใหม่ หรือการชักนำคนเก่งมีความสามารถ เช่น จิวยี่ โลซก เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระให้กับพวกตระกูลซุน ตลอดจนการสร้างเครือข่ายธุรกิจให้ค้ำจุนบัลลังก์กังตั๋ง จนในที่สุด ก็ได้เชื่อมโยงสัมพันธ์กันผ่านซุนเซ็ก - ไต้เกี้ยว กลายเป็นเครือญาติกัน ในยามที่ซุนเกี๋ยน ศัตรูหัวใจได้ตายจากไปแล้ว
เจ้าสัวเกียวชวน ที่สูงวัยขึ้น กลับมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกันกับซุนไท่ไถ้ มารดาแห่งตระกูลซุน บ่อยครั้ง แต่ก็ทำใจได้แล้วด้วยต่างก็มีศักดิ์ฐานะค้ำคออยู่ จึงมีเพียงความปรารถนาดีที่มอบให้กับคนรักเก่ามาโดยตลอด จนกระทั่ง เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มเมืองครั้งนั้น เจ้าสัวเกียวชวน เสี่ยงชีวิตลืมตายเข้าไปช่วยนางซุนไท่ไถ้ลงเรือน้อยหนีเภทภัย จนถูกกระแสน้ำพัดพาลงสู่แม่น้ำไต้กัง ด้วยเข้าใจว่าไม่มีชีวิตรอดแล้ว จึงต่างเปิดใจถึงความรักที่ผูกพันกัน และแอบซ่อนเอาไว้มายาวนาน
แต่แล้ว พรหมลิขิตกลับพลิกผัน กระแสน้ำกลับซัดพาให้มาถึงยังหุบเขาลับแห่งนี้ ที่เป็นหมู่บ้านประมงลึกลับ ประมุขหุบเขาคนก่อนให้การช่วยเหลือเอาไว้ และชักชวนให้อยู่อาศัยที่นี่ ลืมเลือนอดีตที่เป็นภาระไว้ภายนอก ทั้งสองคิดเห็นตรงกันว่า หากกลับกังตั๋ง ก็มิอาจใช้ชีวิตร่วมกันได้ จึงตัดสินใจหลบซ่อนตัวอยู่ในที่นี้ ใช้ชีวิตคู่ในบั้นปลาย
จนในภายหลัง ชีเซ่ง เตงฮอง ที่ถูกปลดออกจากราชการ ถึงกับพลัดหลงเข้ามาโดยบังเอิญ จึงได้มาเป็นผู้ช่วยอันสำคัญ และต่อมา ประมุขหุบเขาคนก่อน ต้องการปลีกวิเวกไปในดินแดนอื่น จึงมอบภาระหน้าที่การปกครองไว้ให้กับเจ้าสัวเกียวแทน พร้อมกับทิ้งนักพรตโจวจู๋ ลูกสมุนคนสำคัญให้อยู่เป็นพ่อบ้านใหญ่ ช่วยดูแลผู้คนในหุบเขาต่อไป
สำหรับนักพรตโจวจู๋เองนั้น ที่จริงก็มิอาจดูแคลนว่าเป็นเพียงพ่อบ้านใหญ่ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นโจวจู๋ที่ออกไปชักจูงทหารพิกลพิการทั้งหลายในบริเวณใกล้เคียง ให้มาเข้าร่วมใช้ชีวิตที่ดีขึ้นในหุบเขาละทิ้งอดีตแห่งนี้ จนทหารสำนึกบุญคุณราวกับเป็นผู้วิเศษมาโปรด และรักเคารพเทียบเท่าประมุขหุบเขาตัวจริงอีกคนหนึ่ง
จริงอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้ ใกล้แดนกังตั๋งเกินไป ย่อมสุ่มเสี่ยงจะถูกเปิดเผย แต่ ทางหนึ่ง ซุนไท่ไถ้เองก็ไม่อยากจากบ้านไปไกล อย่างน้อยก็ได้รับรู้ข่าวคราวของลูกหลาน อีกทางหนึ่ง ชัยภูมิที่นี่ก็ลึกลับซับซ้อน ยากจะค้นพบได้ เจ้าสัวเกียว จึงยินยอมที่จะปักหลักอยู่ที่นี่ตามคนรักตั้งแต่นั้นมา
…
ลกซุน กุนซือพยัคฆ์คะนอง รับฟังอย่างตั้งใจ พบเห็นความผิดปกติของเรื่องราวอยู่บ้าง พอสบตากันกับชีเซ่ง เตงฮอง ที่กลับมายืนอารักขาทางด้านหลัง ก็ิย่ิงแน่ใจ แต่ไม่กล่าวเปิดโปงอันใด ปล่อยให้ความลับนั้นคงอยู่ต่อไปสำหรับผู้เฒ่าทั้งสอง จะได้มีความสุขสบายใจในบั้นปลายชีวิต
เมื่อเรื่องราวคลี่คลายไปเช่นนี้ เจ้าสัวเกียวก็ไม่คิดขับไล่อาคันตุกะไปอีก ปล่อยให้ทั้งหมดได้พักผ่อนตามสมควร ลกซุนจึงฉวยโอกาสให้ชีเซ่ง เตงฮอง พาเดินชมรอบๆหุบเขา และสะกิดถามลับหลังผู้อาวุโสทั้งสองให้ชัดเจน
“เป็นผู้ใดจัดส่งท่านทั้งสองให้มาอารักขาท่านผู้เฒ่าหรือ” ลกซุนเค้นถาม
ชีเซ่ง เตงฮอง มองตากัน แล้วค่อยกล่าวตอบ “เป็นท่านจิวยี่ และซุนกวน พร้อมใจกันเสริมส่งท่านผู้เฒ่า ทั้งสองรับรู้เรื่องราวภายในใจของคนทั้งสองมาเนิ่นนานแล้ว หากแต่จนใจด้วยขนบธรรมเนียมเคร่งครัด แม้จะเป็นเพียงมารดาบุญธรรม แต่ก็มิอาจช่วยเหลืออันใดได้ หลังจากเกิดเหตุภัยพิบัตินั้น ท่านจิวยี่ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับประมุขหุบเขา และสถานที่แห่งนี้ จึงจัดฉากให้ทั้งสองเหมือนพลัดหลงเข้ามาเองโดยบังเอิญ แล้วค่อยส่งพวกข้าตามมาดูแลอีกทอดหนึ่ง แต่เรื่องประมุขคนก่อนจากลาไป พร้อมยกตำแหน่งประมุขให้นั้น กลับอยู่นอกเหนือแผนการแล้ว”
ลกซุนรับฟังแล้ว กลับรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมากที่บุคคลที่ตนเคยให้ความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นจิวยี่ หัวหน้าเก่า กับซุนกวน ผู้นำคนปัจจุบัน กลับมีความคิดเปิดกว้าง ไม่ยึดติดต่อขนบประเพณี ถึงกับเปิดช่องให้ผู้เฒ่าทั้งสองมีความสุขในบั้นปลายชีวิตอย่างสุขสงบ
หุบเขาละทิ้งอดีตเอย ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ตั้งชื่อ แต่กลับสอดคล้องกับเหตุการณ์ยิ่งนัก ลกซุนจึงแสร้งถามต่อไป “แล้วประมุขคนเก่าคือใครกัน”
ชีเซ่งรีบตอบในทันที “เป็นผู้เฒ่าลึกลับคนหนึ่งที่มีชื่อว่า บังเต๊กกง”
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย