14 ก.ค. 2021 เวลา 09:11 • ปรัชญา
เต๋าเต๊กเกง บทที่ ๑๕
第十五章
古之善為道者,微妙玄通,深不可識。
夫唯不可識,故強為之容:
豫兮若冬涉川﹔猶兮若畏四鄰﹔
儼兮其若客﹔渙兮其若凌釋﹔
敦兮其若朴﹔曠兮其若谷﹔混兮其若濁。
孰能濁以止,靜之徐清?
孰能安以久,動之徐生?
保此道者,不欲盈。夫唯不盈,故能敝不新成。
บทที่ ๑๕
อันผู้ที่เจริญเต๋าในบุพกาล จะมีความแยบคายวิเศษล้ำ จะมีความลุ่มลึกจนสุดหยั่ง ก็เนื่องด้วยสุดที่จะหยั่ง จึงขอฝืนพรรณนาดังนี้
ระแวดระวังแล ประหนึ่งจะข้ามสาครในเหมันต์
ตื่นตัวแล ประหนึ่งระวังภัยในจตุรทิศ
สำรวมแล ประหนึ่งเป็นอาคันตุกะ
สลายแล ประหนึ่งก้อนน้ำแข็งละลายตัว
สัตย์ซื่อแล ประหนึ่งความบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง
ไพศาลแล ประหนึ่งหุบเหวที่ยิ่งใหญ่
ลี้ลับแล ประหนึ่งน้ำขุ่นที่เข้มข้น
ผู้ใดสามารถหยุดความขุ่นมัว ให้สงบแล้วค่อยๆ แจ่มใส ? ผู้ใดสามารถนิ่งได้นาน ให้ขยับแล้วค่อยๆ ก่อเกิด ?
ผู้ที่รักษาในวิถีนี้ได้ จะไม่เกิดความทะนง
ด้วยเพราะไร้ความทะนง จึงครองเก่าแล้วไม่ก่อใหม่
อันผู้ที่เจริญเต๋าในบุพกาล จะมีความแยบคายวิเศษล้ำ
จะมีความลุ่มลึกจนสุดหยั่ง
ก็เนื่องด้วยสุดที่จะหยั่ง จึงขอฝืนพรรณนาดังนี้
อันผู้ที่บำเพ็ญปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จะมีความรู้ตื่นรู้แจ้งในทุกสิ่ง จะมีความสุขุมลุ่มลึกจนยากที่ปุถุชนคนสามัญจะหยั่งถึง ท่านจะพยายามอำพรางรัศมีแห่งตนจนดูหมองหม่น ท่านจะพูดน้อย แสดงความคิดเห็นน้อย กิริยาอาการก็ดูเงอะงะไม่คล่องแคล่วว่องไว สีหน้าวาจาก็ไม่ดูตื่นเต้นกับสภาวะแวดล้อมของภายนอก เรื่องราวที่เจรจาก็ไม่ทันสมัยกับเหตุการณ์ ยามที่คนอื่นต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน ท่านกลับเงียบงันไม่แสดงความคิดเห็น ในยามที่ผู้คนเกรี้ยวกราดกับการถูกเอาเปรียบ ท่านกลับเรียบเฉยเสมือนพระอิฐพระปูนที่ไม่สึกรู้สา ในยามที่ผู้คนต่างตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแปลกใหม่ ท่านกลับเรียบเฉยเย็นชาเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง จึงทำให้ปุถุชนคนสามัญเห็นท่านเป็นคนทึมทึบที่ไร้ความสามารถใดๆ ทั้งนี้เพราะท่านจะเก็บจิตเก็บใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ปล่อยใจให้มีอารมณ์บังเกิดแก่ใบหน้า และไม่อวดรัศมีความสามารถให้คนได้ชื่นชมนั่นเอง
แม้นท่านภายนอกจะดูเสมือนหนึ่งคนโง่เขลาไร้เชาว์ปัญญา จนยากที่ปุถุชนคนธรรมดาจะสามารถหยั่งถึงความยิ่งใหญ่ได้ก็จริง แต่ข้าพเจ้าก็จะขอพยายามอธิบายด้วยการอุปมาอุปไมยให้เห็นความยิ่งใหญ่ของท่านดังนี้ว่า
ระแวดระวังแล ประหนึ่งจะข้ามสาครในเหมันต์
สำหรับผู้ปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จะมีความระแวดระวังในทุกการขึ้นลงแห่งจิตใจ ด้วยเพราะจิตใจกำหนดความคิด ความคิดกำหนดการกระทำ และการกระทำกำหนดอนาคต จิตใจจึงเป็นหัวใจแห่งผู้ปฏิบัติเต๋า หากหัวใจนี้เสียไป ย่อมจะก่อความวินาศวายชีวาเป็นแน่แท้
จิตใจจะเสมือนหนึ่งน้ำที่มีความใฝ่สงบ แต่อารมณ์ก็จะเสมือนหนึ่งลมที่มักจะพัดพลิ้วเป็นริ้วคลื่นจนจิตใจไร้ความสงบ ผู้ปฏิบัติเต๋าจึงต้องระวังทุกการขึ้นลงแห่งจิตใจ อันเสมือนหนึ่งการเหยียบย่ำแผ่นน้ำแข็งที่เพิ่งจะเริ่มเกาะตัวเป็นแผ่นบางอย่างระวังในฤดูเหมันตร์ เพราะหากก้าวย่างพลั้งไปแม้เพียงนิด ย่อมจะสร้างความย่อยยับแก่ชีวิตอย่างมิอาจแก้ไข สำหรับผู้ที่ต้องก้าวย่างบนแผ่นน้ำแข็งบางอย่างระวังเป็นฉันใด อันผู้ปฏิบัติเต๋า ก็จะต้องระวังทุกการขึ้นลงแห่งจิตใจ ก็เป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน
ตื่นตัวแล ประหนึ่งระวังภัยในจตุรทิศ
อันผู้ปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จะมีความตื่นตัวในทุกการขึ้นลงแห่งจิตใจ เพราะความตื่นตัวคือการรู้ทัน เมื่อมีการรู้ทัน ย่อมจะสามารถป้องกันได้ทันท่วงที ความตื่นตัวจึงเป็นสติที่คอยระวังภัยรอบด้านอยู่ทุกเวลา หากขาดซึ่งความตื่นตัวแล้ว จิตใจก็จะถูกกิเลสอารมณ์ที่ซุ่มแฝงทำการจู่โจมและครอบงำจิตใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ความตื่นตัวแห่งสติของผู้ปฏิบัติเต๋า จะมีความประหนึ่งนักรบที่จะต้องคอยระวังศัตรูที่แอบซุ่มโจมตีจากทุกสารทิศ เพราะการชะล่าใจหรือย่ามใจแม้เพียงนิด ย่อมจะสร้างความพินาศแก่ชีวิตจนมิอาจกอบกู้สถานการณ์ได้ ความตื่นตัวของนักรบที่จะต้องคอยระวังภัยจากจตุรทิศเป็นฉันใด อันผู้ปฏิบัติเต๋า ก็จะต้องมีความตื่นตัวต่อกิเลสอารมณ์อยู่ทุกเวลา ก็พึงเป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน
สำรวมแล ประหนึ่งเป็นอาคันตุกะ
อันผู้ปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จะมีความสำรวมกายวาจาใจอย่างเคร่งครัด การสำรวมคือการไม่ปล่อยให้จิตใจเตลิดสู่ภายนอกจนใจลอย ไม่ปล่อยให้ร่างกายกระทำกิริยาไม่เหมาะสมจนผิดจรรยา ไม่ปล่อยให้ปากเปล่งวาจาไม่ยั้งคิดจนผิดครรลอง
การสำรวมกายวาจาใจของผู้ปฏิบัติเต๋านั้น จะเสมือนหนึ่งอาคันตุกะที่ไปเยี่ยมเยือนผู้ที่ตนให้ความเคารพนับถือ โดยอาคันตุกะจะต้องคอยสำรวจตนว่ามีการวางตัวเหมาะสมหรือไม่ มีการเจรจาที่ผิดพลาดหรือไม่ และกระบวนการความคิดมีอะไรที่บกพร่องหรือไม่ การสำรวมตนของอาคันตุกะในยามที่ต้องมีปฏิสันถารต่อผู้ที่ตนให้ความเคารพนับถือเป็นฉันใด การสำรวมกายวาจาใจของผู้ปฏิบัติเต๋า ก็พึงเป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน
สลายแล ประหนึ่งก้อนน้ำแข็งละลายตัว
อันจิตใจของผู้ทรงเต๋าจะมีความสง่าผ่าเผย แหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน หยิบขึ้นได้ วางลงเป็น ไม่มีเยื่อใยพันผูก ไม่ชมชอบเพราะความรัก ไม่รังเกียจเพราะอคติ จิตใจของท่านจึงเป็นเหมือนดั่งกระจกที่เมื่อมีวัตถุมาก็ปรากฏภาพ เมื่อวัตถุจากไปภาพบนกระจกก็เลือนหาย จิตใจของผู้ทรงเต๋าจึงมีความอิสระเสรี มีความหมดจดไม่เหลือเยื่อใยให้พะวง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็สามารถสลายไปได้อย่างไร้ร่องรอย ประหนึ่งน้ำแข็งที่ละลายไปแล้วไม่ทิ้งร่องรอยไว้
อันผู้ปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จึงมักสำรวจตรวจตราจิตใจและคอยปรับแก้ข้อบกพร่องของตนอยู่เป็นนิจ ท่านจะไม่ยึดข้อบกพร่องอย่างแน่นเหนียว เพราะข้อบกพร่องจะประหนึ่งปฏิกูล หากสิ่งปฏิกูลไม่กำจัดและปล่อยให้มีการหมักหมมไว้นานวัน สิ่งปฏิกูลย่อมจะกลายเป็นสารพิษคือความทุกข์ขึ้นอีกมากมาย
อนึ่ง นอกจากผู้ทรงเต๋าจะสลายข้อบกพร่องของตนเองอยู่ตลอดเวลาแล้ว ท่านยังมีพระบารมีอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสลายข้อบกพร่องของผู้อื่น ด้วยแม้นผู้คนจะมีความดื้อรั้นแข็งกร้าวเช่นไร ยามที่ยืนอยู่หน้าผู้ทรงเต๋าที่มีพระบารมีอันยิ่งใหญ่แล้ว ย่อมจะละลายทิฏฐิมานะ อันเสมือนหนึ่งก้อนน้ำแข็งที่ต้องแสงพระสุรีย์เช่นนั้น กองกิเลสคือภูเขาน้ำแข็ง พระบารมีคือแสงพระสุรีย์ ภูเขาน้ำแข็งที่ต้องแสงพระสุรีย์ สุดท้ายย่อมจะละลายหายไปเป็นแน่แท้ การที่ก้อนน้ำแข็งค่อยๆ ละลายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเป็นฉันใด การสลายข้อบกพร่องของตนเองและละลายทิฏฐิมานะของผู้อื่นแห่งผู้ทรงเต๋า ก็เป็นฉันนี้ดุจเดียวกัน
สัตย์ซื่อแล ประหนึ่งความบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง
ผู้ปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จะธำรงรักษาความสัตย์ซื่อในใจตนอยู่เป็นนิจ ความสัตย์ซื่อคือพื้นฐานแห่งความเที่ยงธรรม คือต้นกำเนิดแห่งความเมตตา คือเสาหลักแห่งสุญตา ความสัตย์ซื่อคือใจที่ไม่คดเคี้ยว คือใจที่ไม่คาดเดากับเรื่องที่ยังไม่เกิด คือใจที่ไม่พะวงหมกมุ่นกับเรื่องที่ผ่านไป คือใจที่ไม่เอาเปรียบใครทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้นผู้สัตย์ซื่อจึงไม่บรรลุเป้าหมายด้วยเล่ห์ ไม่เอาชนะใครด้วยกล ไม่เอาเปรียบใครด้วยการตีฝีปาก และจะรู้สึกละอายใจทุกครั้งที่แอบใช้อุบายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย
เนื่องด้วยที่สุดแห่งผู้ทรงศีลก็คือการไม่หลอกลวง การไม่หลอกลวงก็คือการไม่ลวงทั้งตนเองและผู้อื่น หากผู้ใฝ่เต๋ามีการลวงผู้อื่น จิตใจย่อมจะรู้สึกทุกข์ร้อนไม่เป็นสุข ดังนั้นการบำเพ็ญของผู้ใฝ่เต๋า ย่อมมีความสว่างเจิดจ้าดุจแสงสุริยา มีจิตใจที่ใสสะอาดดังฟ้าครามใต้นภา มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องดุจหยกขาวที่นวลตา ดังนั้นผู้ทรงเต๋า แหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน จิตใจจึงมีความเที่ยงธรรมและศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความหวาดวิตก ด้วยเพราะไม่เคยมีมลทินในจิตใจ ไม่มีความกลัวสะท้าน ด้วยเพราะไม่เคยมีเรื่องที่ละอายภายในใจ
ความสัตย์ซื่อของผู้ทรงเต๋าจึงเป็นความบริสุทธิ์แห่งโฉมเดิมที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่ง จิตใจจะผุดผ่องเหมือนเช่นเด็กที่ไร้เดียงสา เด็ก ถูกถามอย่างไรก็จะตอบไปตามที่ทราบอย่างนั้น นี่คือความบริสุทธิ์ที่ยังไม่มีการปรุงแต่งสลักเสลา ความบริสุทธิ์ดั้งเดิมที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่งสลักเสลาเป็นฉันใด การธำรงรักษาความสัตย์ซื่อแห่งจิตใจของผู้ทรงเต๋า ก็เป็นฉันนี้ดุจเดียวกัน
ไพศาลแล ประหนึ่งหุบเหวที่ยิ่งใหญ่
อันผู้ที่ปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จะดูสง่ามีราศี จะดูมีบารมีน่าเกรงขาม แม้นไม่ได้เอื้อนเอ่ย แต่ผู้คนก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ แม้นมิได้เจรจา แต่ผู้คนก็สามารถสัมผัสถึงความน่ายกย่อง อันเสมือนหนึ่งความน่าเกรงขามของหุบเหวที่มีความยิ่งใหญ่โดยมิต้องเอื้อนเอ่ยให้ใครได้รับรู้
ความไพศาลแห่งหุบเหวเป็นฉันใด ความน่าเกรงขามและน่ายกย่องแห่งผู้ทรงเต๋า ก็เป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน
ลี้ลับแล อันประหนึ่งน้ำขุ่นที่เข้มข้น
ผู้ที่ปฏิบัติเต๋าในสมัยก่อน จะเป็นผู้ที่มีความลุ่มลึกแลลี้ลับจนสุดหยั่ง ท่านจะเก็บงำอำพรางความสามารถของตน ท่านจะประพฤติตนอย่างสมถะ มีความใกล้ชิดปวงประชาอย่างติดดิน ความลุ่มลึกของท่านจึงดูประหนึ่งน้ำขุ่นข้นที่ยากจะคาดเดาซึ่งรูปแบบ มีความพิศดารจนผู้คนมิอาจล่วงรู้ซึ่งความยิ่งใหญ่
ยามที่มีผู้คนสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของท่าน แต่ครั้นได้ใกล้ชิดและศึกษาเรียนรู้ท่านอย่างสุดกำลังความสามารถแล้ว กลับพบว่าความยิ่งใหญ่ของท่านยังคงเปิดกว้างออกไปอย่างไม่จบสิ้น ครั้นผู้คนเริ่มท้อแท้กับการที่จะไล่ตามท่านให้ท่าน ในฉับพลันท่านก็มายืนรอเราอยู่ข้างหน้าอย่างอบอุ่น แต่เมื่อเราเริ่มทุ่มสุดกำลังไล่ตามท่านให้ท่าน ในยามนั้นท่านก็ยืนอยู่ไกลรอเราอยู่เบื้องหน้า การมิอาจคาดเดาซึ่งรูปแบบของน้ำที่ขุ่นข้นเป็นฉันใด อันความลี้ลับของผู้ทรงเต๋าก็เป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน
ผู้ใดสามารถหยุดความขุ่นมัว ให้สงบแล้วค่อยๆ แจ่มใส
ผู้ใดสามารถนิ่งได้นาน ให้ขยับแล้วค่อยๆ ก่อเกิด
ผู้ปฏิบัติเต๋าจะมีวัตรอันงดงามดังได้กล่าวมาแล้ว แต่จะมีผู้ใดที่สามารถหยุดความว้าวุ่นในจิตใจให้กลายเป็นความสงบร่มเย็น และมีความแจ่มแจ้งในจิตตนอยู่ทุกเวลาเล่า? และยังจะมีผู้ใดที่สามารถรักษาความสงบแห่งจิตใจอยู่ทุกขณะ และบังเกิดปัญญาญาณเพื่อออกปกโปรดและสร้างสรรค์คุณประโยชน์แห่งสรรพสัตว์ในใต้หล้าอยู่ทุกลมหายใจเล่า?
ผู้ที่รักษาในวิถีนี้ได้ จะไม่เกิดความทะนง
ด้วยเพราะไร้ความทะนง จึงครองเก่าไม่ก่อใหม่
สำหรับผู้ที่สามารถปฏิบัติและรักษาในวิถีดั่งนี้ได้ เขาผู้นั้นย่อมจะไม่เกิดใจเย่อหยิ่งทะนงตนเป็นแน่แท้ ด้วยเพราะไร้ความทะนง เขาจึงเป็นผู้ที่อ่อนน้อมไร้อัตตา ด้วยเพราะไร้อัตตา เขาจึงสามารถละกิเลสที่หมักหมม แลเข้าถึงเต๋าได้เป็นแน่แท้
ดังนั้น ผู้ที่ละความทะนงตนลงได้ เขาย่อมจะสามารถรักษาวีถีปฏิบัติเต๋าแต่บุพกาล แลไม่ก่อสิ่งแปลกใหม่ที่ดูมีสีสัน หากแต่ไม่เหมาะควรแก่การปฏิบัติเต๋าอย่างแน่นอน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา