โดยวิธีนี้แม้จะมีคนออกมาตั้งประเด็นว่า เป็นการริดรอนสิทธิของคนที่ไม่ได้ฉีดหรือเปล่า แต่วิธีนี้ก็กำลังให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมาก แม้แต่กับหนึ่งในประเทศที่มีความสงสัยในความปลอดภัยด้านวัคซีนมากที่สุดในโลกอย่างฝรั่งเศส
ย้อนกลับไปเมื่อตอนเดือนธันวาคมปีก่อน โพลจาก Ifop รายงานว่ามีคนฝรั่งเศสกว่า 61% ที่จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เทียบกับสหรัฐฯ ที่มีจำนวนคนที่ว่าจะไม่ฉีดวัคซีนเพียงแค่ 30% เท่านั้น ประกอบกับการศึกษาในอดีตก็ชี้ให้เห็นว่าคนฝรั่งเศสลังเลที่จะฉีดวัคซีนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และก็ส่งผลให้อัตราการฉีดวัคซีนของฝรั่งเศสค่อนข้างช้ามาก
แต่หลังจากวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากประธานาธิบดีมาครอง ได้ประกาศว่าคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเต็มจำนวนจะไม่สามารถเข้าไปใช้บริการในร้านอาหารและบาร์ รถไฟทางไกล เครื่องบิน และห้างสรรพสินค้าได้ ก็ทำให้อัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยการนัดเข้ารับวัคซีนใน 2 วันหลังจากประกาศมีจำนวนมากกว่าจำนวนการนัดก่อนหน้านั้น 18 วันเสียอีก แสดงให้เห็นว่านี่อาจจะเป็นแรงจูงใจที่ดีที่สุดในการพาคนเข้ามาฉีดวัคซีนก็ได้
เรื่องราวพฤติกรรมของมนุษย์เป็นสิ่งที่ทั้งซับซ้อนและในขณะเดียวกันก็ยังน่าสนใจมากด้วย แม้จะเป็นเรื่องรอบตัวง่ายๆ หลายครั้งก็อาจจะแฝงไปด้วยคำอธิบายด้านพฤติกรรมที่น่าสนใจมากๆ ก็ได้