21 ก.ค. 2021 เวลา 10:29 • ปรัชญา
เต๋าเต๊กเกง บทที่ ๓๒
第三十二章
道常無名、樸,雖小,而天下弗敢臣。
侯王若能守之,萬物將自賓。
天地相合,以降甘露,民莫之令而自均焉。
始制有名,名亦既有,夫亦將知止。知止,所以不殆。
譬道之在天下,猶川谷之于江海也。
บทที่ ๓๒
เต๋านิจไร้นาม บริสุทธิ์
แม้นจะเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครในใต้หล้ากล้าบงการ
หากแม้นราชาสามารถรักษาไว้ สรรพสิ่งจักมาศิโรราบ
ฟ้าดินร่วมบรรสาน เพื่อประทานอมฤตโปรยปราย
แม้นไม่บัญชา แต่ปวงประชาจักสมดุลโดยธรรมชาติ
เบื้องต้นแห่งระบอบนั้นพึงบัญญัตินาม
ครั้นนามได้มีขึ้น ก็พึงรู้หยุด
เมื่อรู้หยุด จึงจะไม่อันตราย
หากเปรียบเต๋าที่มีต่อใต้หล้า
ก็ประหนึ่งวารีแห่งหุบเหวที่มีต่อมหาธารานั่นแล
เต๋านิจไร้นาม บริสุทธิ์
เต๋าคือความจริง คือสัจธรรม เต๋าไม่เกิดดับ ไร้รูปลักษณ์ ไร้สีสัน ไร้กลิ่นรส ไร้สำเนียง ไร้ผัสสะ ดังนั้นจึงมิมีสิ่งใดในโลกแห่งวัตถุ โลกแห่งนามบัญญัติ หรือโลกแห่งการพรรณนาความเพื่อให้เกิดความเข้าใจ จะสามารถอธิบายถึงลักษณะแห่งเต๋าได้ด้วยลักษณะที่มีอยู่บนโลกเราได้ ดังนั้นเต๋าจึงไร้นาม
เพราะนามทุกอย่างบนโลกล้วนประกอบด้วยคุณลักษณะแห่งอายุ รูปลักษณ์ สีสัน กลิ่นรส สำเนียง ผัสสะ แต่เต๋านั้นว่างเปล่า อมตะ ไร้รูปลักษณ์ ไร้สีสัน ไร้กลิ่นรส ไร้สำเนียง ไร้ผัสสะ ดังนั้นจึงมิมีนามใดในโลกที่สามารถพรรณนาถึงเต๋าได้อย่างถูกต้อง แต่ด้วยเหตุผลที่ต้องการอธิบายให้ชาวโลกได้เกิดความเข้าใจ จึงจำใจบัญญัตินามให้กับสัจธรรมนี้ว่าเต๋า
แม้นจะเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครในใต้หล้ากล้าบงการ
เต๋านั้นไร้นาม คือความบริสุทธิ์ คือความว่างเปล่า คือความไร้มลทิน เต๋าอยู่ทุกแห่งหน ใหญ่ขนาดอยู่ทั่วฟ้าสากล เล็กขนาดอยู่ที่น้ำครำฝุ่นธุลี แม้นเต๋าจะอยู่ทุกแห่งหนจนดูเล็กน้อย มีความธรรมดาจนเสมือนว่าไม่มีราคา แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำตัวยิ่งใหญ่เหนือเต๋าได้
เต๋านั้นยิ่งใหญ่เพราะเต๋ายิ่งใหญ่ หากจะไม่ยิ่งใหญ่เพราะถูกเทิดทูนว่ายิ่งใหญ่ หรือจะดูต่ำต้อยเพราะถูกดูหมิ่นไม่ให้ราคา เต๋าเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่เพิ่มเพราะคำชม ไม่ลดเพราะคำติ ดังนั้นจึงมิอาจมีสิ่งใดยิ่งใหญ่เหนือเต๋าได้
เต๋าคือต้นรากของสรรพสิ่ง ให้กำเนิดสรรพสิ่ง บำรุงเลี้ยงสรรพสิ่ง เต๋าจึงอยู่ทุกแห่งหน อยู่ที่ฟ้า อยู่ที่ดิน และอยู่ที่เราทุกคน เพราะมีเต๋า จึงทำให้ดวงดาวเคลื่อนคล้อย เพราะมีเต๋า จึงทำให้แผ่นดินงอกงาม เพราะมีเต๋า จึงทำให้มนุษย์เดินยืนนั่งนอน
เต๋ามีความเล็กน้อยด้อยค่า ขณะเดียวกันก็ดูยิ่งใหญ่สุดพรรณนา หากแม้นผู้ใดสามารถเข้าถึงเต๋า ธำรงรักษาเต๋า ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า สรรพสิ่งในใต้หล้าจักนอบน้อมอภิวันท์
หากแม้นราชาสามารถรักษาไว้ สรรพสิ่งจักมาศิโรราบ
ฟ้าดินร่วมบรรสาน เพื่อประทานอมฤตโปรยปราย
แม้นไม่บัญชา แต่ปวงประชาจักสมดุลโดยธรรมชาติ
เต๋าคือมารดาของสรรพสิ่ง ทำนุบำรุงสรรพสิ่ง ทุกสิ่งบนโลกล้วนเกิดจากเต๋า ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แผ่นดินไพศาล พายุฝนฟ้าคะนอง มหาสมุทรถาโถมคลุ้มคลั่ง ป่าไพรกว้างใหญ่เขียวขจี แมกไม้ชุ่มชื่นสดใส ดวงดาวดารดาษกลาดเกลื่อน สรรพสัตว์โลดโผนโจนทะยาน ทั้งหมดล้วนเกิดจากเต๋าทั้งสิ้น เต๋าให้กำเนิดอินหยาง เต๋าให้กำเนิดฟ้าดิน อินดินหยางฟ้าร่วมบรรสาน สุดท้ายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่งนานา
แม้เต๋าเป็นผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งนานา แต่เต๋าก็ไม่เคยแสดงออกถึงการถือกรรมสิทธิ์ในสรรพสิ่ง ไม่เคยปกครองบริหารสรรพสิ่ง แต่สรรพสิ่งกลับมีความสมดุลเองโดยธรรมชาติ
ดังนั้น เจ้าแคว้นเจ้าแผ่นดินที่ทรงเต๋า แม้นไม่บัญชาการใดๆ แต่ปวงประชาก็จะสามารถสมดุลเองโดยธรรมชาติ เจ้าแผ่นดินคือประธาน ขอเพียงประธานแห่งใต้หล้าทรงเต๋า ธำรงเต๋า รักษาเต๋า ปวงประชาในใต้หล้าก็จะคล้อยตามไปเองอย่างสมดุล อันเหมือนเช่นธรรมชาติที่มีเต๋าเป็นประธาน สรรพสิ่งก็ยังมีความสมดุลโดยไม่ต้องมีสิ่งใดไปบงการ
เบื้องต้นแห่งระบอบนั้นพึงบัญญัตินาม
ครั้นนามได้มีขึ้น ก็พึงรู้หยุด
เมื่อรู้หยุด จึงจะไม่อันตราย
แม้นในช่วงเริ่มต้นแห่งการเกิดระบอบจะมีการบัญญัตินามเพื่อการปกครอง นามต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เพียงเพื่อความสะดวกแก่การปกครองเท่านั้น แต่นามทั้งหลายคือปลายแห่งเต๋า หาใช่ต้นรากแห่งเต๋าไม่ มันจึงไม่จีรัง มันจึงมีเกิดดับ เมื่อมีเกิดดับก็จะเกิดปัญหา เมื่อมีเกิดดับก็จะเกิดอันตราย
ดังนั้น เมื่อนามเหล่านี้ได้เกิดขึ้นเพื่อความสะดวกในปกครองแล้วก็ควรรู้หยุดและไม่ควรยึดมั่น หากมิรู้หยุดแล้วเกิดความยึดมั่นกับมัน ก็เสมือนหนึ่งผู้ป่วยที่หายป่วยแล้วยังดึงดันทานยาต่อ สุดท้ายยานั้นย่อมย้อนกลับเป็นโทษอย่างแน่นอน
ระบอบที่เป็นนามบัญญัติ ในเบื้องต้นแม้นมีประโยชน์ในการปกครองก็จริง แต่หากยังมิรู้หยุดเพื่อยกระดับใจประชาไปสู่การไร้รูปแล้ว ระบอบนั้นก็จะเป็นตัวเสริมส่งให้เกิดการแก่งแย่งชิงดี และความอันตรายย่อมเกิดขึ้นเป็นมั่นคง
จิตเดิมแท้แห่งเรามีความบริสุทธิ์ เป็นสัจธรรม เป็นเต๋า ยามที่เรายังไม่เข้าถึงเต๋า ย่อมจะมีรูปแบบ รูปแบบเกิดขึ้นเพราะความสะดวกแก่การปกครองจิต รูปแบบนี้จึงเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นเพียงแค่สะดวกแก่การบริหารปกครองเท่านั้น เหตุปัจจัยจะเหมาะสมเฉพาะห้วงหนึ่ง เวลาหนึ่ง เหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นอย่างสอดคล้องต่อห้วงนั้น เวลานั้น ครั้นพ้นห้วงเวลานั้นไป เหตุปัจจัยเปลี่ยน ทุกสิ่งก็เปลี่ยน สิ่งบัญญัตินามสมมุติจึงไม่สอดคล้องอีกต่อไป ดังนั้นจึงกล่าวว่านามบัญญัติเป็นเพียงเพื่อความสะดวกในกาลหนึ่ง เหตุปัจจัยหนึ่ง เราจึงมิควรยึดเป็นสิ่งถาวร การข้ามพ้นสิ่งชั่วคราวเหล่านี้ การละวางความยึดติดในรูปแบบเหล่านี้ สุดท้ายจึงจะนำพาให้เข้าสู่เต๋า หาไม่ ก็คงจะเวียนว่ายตายเกิดเป็นแม่นมั่น ดังนั้นจึงเป็นอันตรายนั่นเอง
การปกครองแผ่นดินไม่ควรยึดติดในนามบัญญัติเป็นฉันใด การปกครองจิตใจก็ไม่ควรยึดติดในชื่อนามต่างๆ ที่บัญญัติขึ้น ก็เป็นฉันนั้น
หากเปรียบเต๋าที่มีต่อใต้หล้า
ก็ประหนึ่งวารีแห่งหุบเหวที่มีต่อมหาธารานั่นแล
หากจะอธิบายถึงเต๋าที่มีต่อใต้หล้าเป็นฉันใด ก็สามารถอุปมาได้ดั่งเช่นสายธาราในหุบเหวที่มีต่อมหาสมุทรฉันนั้น
เต๋านั้นไร้นาม ไร้รูปลักษณ์ คือความว่างเปล่า จึงปกครองสรรพสิ่งโดยไร้การปกครองสรรพสิ่ง แต่สรรพสิ่งกลับสามารถดำเนินไปตามวิถีโดยธรรมชาติด้วยตัวมันเอง เสมือนว่าสรรพสิ่งที่แม้นดูยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายก็ศิโรราบต่อเต๋าที่ดูธรรมดา
ส่วนมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ และทุกสายธาราในหุบเหวต่างศิโรราบน้อมไหลรวมลงสู่มหาสมุทร เหตุใดทุกสายธาราจึงไหลรวมลงสู่มหาสมุทร นั่นก็เพราะมหาสมุทรมีความน้อมต่ำเหนือยิ่งกว่าหมู่ธาราในแผ่นดิน การที่ทุกสายธาราในแผ่นดินศิโรราบต่อมหาสมุทรเป็นฉันใด การที่เต๋ามีความสุขุมคัมภีรภาพ ปกครองสรรพสิ่งด้วยอกรรม มีความว่างเปล่าบริสุทธิ์ จนสรรพสิ่งในใต้หล้าต่างน้อมศิโรราบต่อเต๋า ก็เป็นฉันนั้น
โบราณว่า “ก่อนที่จะถามว่าเหตุใดผู้คนไม่เคารพเรา ควรจะถามตนดูก่อนว่า เรามีอะไรที่ผู้คนควรเคารพหรือไม่” ดังนั้น การที่ผู้ปกครองบริหารแผ่นดิน ใช้หลักนิติรัฐศาสตร์จนปวงประชาอึดอัดคับข้อง ครั้นผู้คนไม่ให้ความเคารพยกย่องก็รู้สึกอึดอัดเสียใจนั้น เหตุก็เพราะผู้ปกครองยังไร้คุณธรรมอันสุขุมคัมภีรภาพ ยังมิอาจปกครองโดยไร้การปกครองนั่นเอง ที่ควรคือหันมาบำเพ็ญคุณธรรมตนจนอุกฤษฏ์ ปกครองโดยอกรรม แล้วทุกอย่างก็จะเข้าสู่สมดุลเองโดยธรรมชาติ อันเหมือนเช่นดวงตะวันที่ปกครองใต้หล้า ดวงตะวันไม่เคยได้สอนใต้หล้าให้มีฝน ไม่เคยได้สอนให้ใต้หล้าเพาะปลูก ดวงตะวันเพียงทำหน้าที่เปล่งแสง แต่สรรพสิ่งในหล้ากลับสามารถสมดุลเองโดยธรรมชาติ โดยที่ดวงตะวันหาได้ทำอะไรเลยไม่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา