21 ก.ค. 2021 เวลา 12:38 • ปรัชญา
เต๋าเต๊กเกง บทที่ ๓๕
第三十五章
執大象,天下往。
往而不害,安平太。
樂與餌,過客止。
道之出言,淡乎其無味。
視之不足見,聽之不足聞。
用之不可既。
บทที่ ๓๕
ผู้ที่ครองในมหารูป โลกหล้าต่างมุ่งหา
มุ่งหาโดยไม่ก่อภัย จึงสันติสุข
อันคีตาหารนั้น ยังให้ผู้สัญจรต้องหยุดแวะ
แต่การแสดงวจีแห่งเต๋านั้น จืดชืดจนไร้รส
มองแล้วมิพอแก่การได้เห็น
ฟังแล้วมิพอแก่การได้ยิน
แต่ครั้นใช้กลับไร้ที่สุดสิ้น
ผู้ที่ครองในมหารูป โลกหล้าต่างมุ่งหา
รูปทั้งปวงล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งอนิจจัง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดา ไม่มีรูปใดที่สามารถหลีกพ้นกฎแห่งความจริงข้อนี้ได้ ดังนั้นรูปทั้งปวงในใต้หล้า จึงมิใช่รูปที่จีรัง มิใช่รูปที่ยิ่งใหญ่ หากมีเพียงแต่มหารูปเท่านั้น จึงจะเป็นรูปที่อยู่เหนือกฎแห่งความอนิจจังทั้งหลาย
อันว่ามหารูป เป็นรูปที่ครอบคลุมรูปทั้งหลายในโลกา เป็นจ้าวแห่งรูปทั้งหลายในใต้หล้า เป็นรูปที่สุดวิเศษ สุดประเสริฐ สุดยิ่งใหญ่ ไม่เกิดไม่ดับ ไม่มัวหมองไม่ผ่องแผ้ว อันมหารูปนี้เป็นพื้นฐานแห่งรูปทั้งหลาย เป็นความว่างเปล่า เป็นอกรรม อันมหารูปนี้ก็คือเต๋านั่นเอง
เต๋าเป็นรากฐานของทุกสิ่ง เป็นผู้ปกครอง เป็นผู้กำเนิด เป็นผู้หล่อเลี้ยง แลเป็นแก่นที่คอยพยุงทุกสรรพสิ่ง จึงไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่เกิดจากเต๋า ด้วยเพราะเหตุนี้ ผู้คนในใต้หล้าจึงต่างมุ่งหา
อนึ่ง เต๋าเป็นความว่างเปล่า ความว่างเปล่าเป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง ข้อนี้จึงเสมือนหนึ่งหุบเหวในใต้หล้า ในใต้หล้านี้ แผ่นดินนับว่าต่ำที่สุด แม้แผ่นดินจะนับว่าต่ำที่สุดแล้ว แต่ก็ยังมีหุบเหวที่ต่ำยิ่งกว่า ดังนั้น สายธาราแห่งใต้หล้าจึงต่างมุ่งลงสู่หุบเหว การที่ทุกสายธาราต่างมุ่งรวมลงสู่หุบเหวเป็นฉันใด การที่สรรพสิ่งทั้งหลายจะต้องมุ่งเข้าสู่เต๋า โหยหาในความสงบแห่งเต๋า ใฝ่หาในความอมตะแห่งเต๋า ก็เป็นฉันนั้น ดังนั้น ผู้ทรงเต๋า จึงจะเป็นที่รักใคร่แห่งมหาชน
มุ่งหาโดยไม่ก่อภัย จึงสันติสุข
ผู้ที่มุ่งเข้าหาเต๋า ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า เข้าถึงความวิเศษแห่งเต๋า เขาผู้นั้นจึงจะพ้นจากกฎอนิจจังแห่งโลกา จึงปลอดจากการคุกคามของภัยร้ายใดๆ ในโลกหล้า แลหากใต้หล้าต่างเข้าหาเต๋า เข้าถึงเต๋า ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า ยามนั้นใต้หล้าจึงจะเป็นระบบระเบียบ เจริญในวิถีแห่งเต๋า ไม่ขัดแย้งต่อเต๋า แลยามนั้น ใต้หล้าย่อมบังเกิดสันติสุขขึ้นเป็นแน่แท้
อันคีตาหารนั้น ยังให้ผู้สัญจรต้องหยุดแวะ
อันเสียงดนตรีที่ยวนเย้า อันโภชนาอาหารที่ชวนลิ้ม หรืออันรูปลักษณ์กลิ่นสีที่รัญจวน เหล่านี้ล้วนคอยดึงดูดให้ผู้คนเข้าข้องแวะ ในหนทางแห่งชีวิตที่แสนยาวไกล เป็นหนทางที่ผู้คนต่างเดินซวนเซไปอย่างไร้จุดหมาย และในระหว่างที่ผู้คนสัญจรบนเส้นทางสายนี้ พวกเขามักจะเหลียวซ้ายแลขวา ติดพันข้องแวะกับสิ่งต่างๆ นานา จนสุดท้ายกลายเป็นพันธนาการที่ร้อยรัดจนสิ้นอิสระ แลมิอาจไปสู่เต๋าที่เป็นสัจธรรมแห่งโลกา
แต่การแสดงวจีแห่งเต๋านั้น จืดชืดจนไร้รส
สิ่งที่เป็นความละมุนน่าจับต้อง สิ่งที่เป็นสีสันสดใสชวนเหลียวมอง สิ่งที่เป็นกลิ่นหอมรัญจวนชวนดอมดม สิ่งที่เป็นรสอร่อยชวนลิ้มลอง สิ่งที่เป็นเสียงเสนาะชวนเคลิบเคลิ้ม และสิ่งที่เป็นความงามเพริศพริ้งชวนใจให้ใหลหลง ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งฉูดฉาดเย้าอินทรีย์จนใจระเริง อันสิ่งที่เย้ายวนให้ใจระเริง ความจริงก็เสมือนหนึ่งชูรสที่เป็นเพียงเคมีกระตุ้นต่อมรับรสให้อร่อย หากแต่หาได้มีแก่นสารแห่งความอร่อยไม่ หากผู้คนยิ่งเสพติดในรสที่ถูกกระตุ้นด้วยเคมีชูรสชาติ สุดท้ายก็จะมีแต่ทำลายสุขภาพจนเสียหายไปในที่สุด การที่ชูรสสร้างมายาภาพแห่งความอร่อยจนผู้คนต่างยึดติดเป็นฉันใด การที่ผู้คนต่างหลงใหลในแสงสีเสียงที่เย้ายวนอินทรีย์จนระเริงหลงใหล ก็เป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน
แม้ผู้คนจะรับรู้ถึงโทษแห่งชูรส เข้าใจถึงหายนะแห่งแสงสี แต่สุดท้ายผู้คนก็ยังยินยอมที่จะตกเป็นทาสแห่งมัน ยินดีที่จะเสพหามัน ด้วยแม้นสิ่งเหล่านี้จะสร้างโทษมหันต์อย่างไรก็หาได้ยำเกรงไม่ เหตุเพราะผู้คนยังยึดติดอยู่กับสิ่งที่เย้ายวนนั่นเอง ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากจึงต่างข้องแวะอย่างมากมาย หากจะมีผู้คนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะแสวงหาในเต๋าอันอมตะ
เหตุที่เป็นเช่นนี้ นั่นก็เพราะเต๋ามีความเรียบเฉยจนเสมือนของไม่มีคุณค่า มีรสชาติแสนจืดชืดจนผู้คนต้องคายทิ้ง ไม่มีสุ้มเสียงจนรู้สึกน่าเหี่ยวเฉา ไม่มีสำเนียงจนผู้คนฟังไม่เข้าใจ ดังนั้น ผู้ที่จะเข้าใจในเต๋านี้ได้ เขาผู้นั้นจะต้องรู้ตื่นจากแสงสีที่ยวนเย้า ต้องรู้แจ้งจากมายาที่หลอกลวง แลใช้ใจอันสงบนิ่งสัมผัสในเต๋าที่บริสุทธิ์ ใช้ใจอันศานติสัมผัสในเต๋าอันว่างเปล่า ดังนี้จึงจะเข้าใจในเต๋าที่แสนจะธรรมดาจนดูไร้ค่าได้
มองแล้วมิพอแก่การได้เห็น
ฟังแล้วมิพอแก่การได้ยิน
เต๋าสร้างสรรค์สรรพสิ่ง หากแต่เต๋าดูไร้ค่าจนเสมือนธุลีดิน เต๋ามีความประเสริฐสุดกล่าวขาน หากแต่ดูธรรมดาจนเหมือนใบหญ้าที่คนเหยียบย่ำ เต๋าดำรงอยู่ในทุกแห่งหน หมุนเวียนอยู่รอบตัวเรามิได้ห่างหาย อยู่ทั้งในกายและนอกกาย อยู่ทั้งบนดินและบนฟ้า เต๋าจึงอยู่ในทุกลมหายใจเข้าออก แลเราก็อยู่อาศัยร่วมกับเต๋าในทุกห้วงเวลา หากแต่เรามิเคยได้เห็นเต๋าเลยสักครา เราได้ฟังเต๋าอยู่ทุกห้วงนาที หากแต่เราก็ไม่เคยได้ยินเสียงแห่งเต๋าเลยแม้สักครั้งเดียว เราสัมผัสเต๋าอยู่ทุกขณะจิต หากแต่เรากลับไม่เคยรู้สึกถึงเต๋าแม้แต่น้อยนิด
แต่ครั้นใช้กลับไร้ที่สุดสิ้น
แม้เราจะไม่สามารถสัมผัสรับรู้ถึงการมีอยู่แห่งเต๋า จนเสมือนว่าเต๋านั้นไร้คุณค่าประโยชน์อันใด แม้เราจะไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่จริงแห่งเต๋า จนเสมือนว่าเต๋านั้นเป็นสิ่งว่างเปล่าที่ไม่มีจริง แต่ยามที่เราเข้าถึงเต๋า อยู่กับเต๋า หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า ความว่างเปล่าที่เสมือนไร้คุณค่าใดๆ แห่งเต๋า หรือความเรียบเฉยที่เสมือนไร้ประโยชน์ใดๆ แห่งเต๋า กลับสามารถสร้างสรรค์สรรพสิ่งนานา มีอานุภาพสูงส่งเกินกว่าที่จะจินตนาการ แลมีอรรถประโยชน์ไหลหลากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ความว่างเปล่าดูเปล่าไร้ แต่หากแก้วไม่เปล่าไร้ จะมีอานุภาพแห่งแก้วได้ไย สีขาวดูจืดชืด แต่หากผ้าใบไร้ความขาวที่จืดชืด แล้วจะสร้างสรรค์ศิลปะชั้นเลิศได้ไย ความสงบดูน่าเบื่อ แต่หากไร้เสียงสงบ แล้วจะรังสรรค์มหาคีตาได้ไย ก็ด้วยเพราะเต๋าว่างเปล่า บริสุทธิ์ แลสงบนิ่งมิใช่หรือ เต๋าจึงรังสรรค์สรรพสิ่งได้อย่างวิเศษ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา