Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อมร ทองสุก
•
ติดตาม
22 ก.ค. 2021 เวลา 05:44 • ปรัชญา
เต๋าเต๊กเกง บทที่ ๔๑
第四十一章
上士聞道,勤而行之;中士聞道,若存若亡;下士聞道,大笑之。
不笑,不足以為道。
故建言有之:「明道若昧,進道若退,夷道若纇,
上德若谷,廣德若不足,建德若偷,
質真若渝,大白若辱,大方無隅,大器晚成,
大音希聲,大象無形,道隱無名。」
夫唯道,善貸且成。
บทที่ ๔๑
ครั้นปราชญ์ระดับบนสดับเต๋า ก็จักพากเพียรนำปฏิบัติ ครั้นปราชญ์ระดับกลางสดับเต๋า ก็จักทำบ้างหยุดบ้าง ครั้นปราชญ์ระดับล่างสดับเต๋า ก็จักหัวเราะเยาะลั่น
หากไม่เยาะเย้ย ก็มิอาจเป็นเต๋าได้
จึงมีคติพจน์ที่กล่าวว่า แจ้งในเต๋าดุจว่ามืดมน มุ่งในเต๋าดุจว่าถอยหลัง ราบเรียบในเต๋าดุจว่าขรุขระ
คุณธรรมอันสูงส่งนั้นดุจเหวลึก คุณธรรมอันกว้างใหญ่นั้นดุจพร่องขาด คุณธรรมอันกล้าแกร่งนั้นดุจเกียจคร้าน
ความผุดผ่องดุจขุ่นมัว มหาเศวตดุจหมองหม่น มหาจัตุรัสนั้นไร้มุม มหาภาชนะยากสัมฤทธิ์
มหานาทนั้นแผ่วเบา มหารูปนั้นไร้ลักษณะ เต๋าที่แฝงเร้นนั้นไร้นาม”
มีเพียงเต๋านี้เท่านั้น ที่ประสาทอย่างวิเศษแลอวยผลให้สัมฤทธิ์
ครั้นปราชญ์ระดับบนสดับเต๋า ก็จักพากเพียรนำปฏิบัติ
ครั้นปราชญ์ระดับกลางสดับเต๋า ก็จักทำบ้างหยุดบ้าง
ครั้นปราชญ์ระดับล่างสดับเต๋า ก็จักหัวเราะเยาะลั่น
อันว่าปราชญ์คือผู้เจริญ คือผู้ใฝ่ศึกษา คือผู้วัฒนา อันว่าเจริญ คือการเจริญแห่งจิตวิญญาณ อันว่าใฝ่ศึกษา คือการวิริยะในพิทยา อันว่าการวัฒนา คือการชนะตนเพื่อคุณธรรมอันวัฒนา
มีความเจริญ ใฝ่ศึกษา และวัฒนา จึงจะนับว่าเป็นพหูสูตอย่างแท้จริง อันผู้พหูสูต จะมีใจเหมือนเช่นมหาสมุทร ด้วยมหาสมุทรมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ มหาสมุทรจึงไม่ปฏิเสธน้ำดีหรือน้ำครำ มหาสมุทรจึงเป็นมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ และด้วยเพราะมหาสมุทรมีจิตใจอันยิ่งใหญ่ มหาสมุทรจึงไม่ปฏิเสธน้ำน้อยหรือน้ำใหญ่ มีจิตใจอันเสมอภาคต่อทุกสายธารา ดั่งนี้ มหาสุทรจึงเป็นมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ ความยิ่งใหญ่แห่งมหาสมุทรเป็นฉันใด อันความพหูสูตทรงปัญญาแห่งปราชญ์ จึงควรไร้การแบ่งแยก ไม่ปฏิเสธที่จะรับทุกวิชา มีความอ่อนน้อมในการศึกษา ฉันนั้น และด้วยเพราะท่าทีการศึกษาแห่งปราชญ์มีความหลากหลาย จึงทำให้ปราชญ์มีท่าทีที่แตกต่างในการสดับเต๋า
อันปราชญ์ผู้มีจิตใจดุจน้ำแก้วน้อย ใจของเขาจะรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ เขาจะมีความรู้สึกเหมือนว่าได้เป็นผู้ที่แตกฉานโลกอย่างดีแล้ว จนในบางครั้งยังรู้สึกผยองคิดว่าในโลกนี้ หาได้มีใครรู้ดีเกินกว่าเขาอีกไม่ จิตใจของเขาจึงมีความทะนงดูหมิ่นทุกสิ่ง สำหรับสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ สำหรับสิ่งที่เขาเข้าไม่ถึง เขาก็จะไม่มีใจอ่อนน้อมที่จะพยายามทำความเข้าใจ หากจะบริภาษว่ากล่าวสิ่งนั้นว่าไม่ดีจริง ดังนั้น ครั้นเขาได้สดับเต๋าอันลุ่มลึก สดับเต๋าที่ว่างเปล่า สดับเต๋าที่อ่อนยวบจนเสมือนไร้พิษสง สดับเต๋าที่บริสุทธิ์จนไม่เห็นอะไร เขาก็จะเกิดความรู้สึกเย้ยหยันไยไพ และมักจะแสดงกิริยาหมิ่นหยามผู้คน มีพฤติกรรมนำมะพร้าวห้าวไปขายสวน มีความนิยมที่ชอบสอนจรเข้ว่ายน้ำ อันบุคคลเช่นนี้ จึงเป็นบุคคลที่ไร้วาสนาต่อเต๋า
นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกบุคคลที่แม้นจะมีจิตใจที่กว้างใหญ่ขึ้นบ้าง หากแต่ยังขาดความวิริยะที่กล้าแกร่ง ขาดกำลังใจที่ห้าวหาญ ขาดขันติธรรมที่เด็ดเดี่ยว ครั้นเขาได้สดับเต๋าและตั้งมั่นจะปฏิบัติ แต่ก็ยังมิอาจอดทนต่อสรรพสิ่งที่ยวนเย้า ในวิถีชีวิตที่ปฏิบัติจึงมักจะขึ้นๆ ลงๆ ทำๆ หยุดๆ ไร้ความเสมอต้นเสมอปลาย ดังนั้นเขาจึงมิอาจเข้าถึงเต๋าได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ยังมีอีกบุคคลหนึ่ง เขาผู้นี้จะมีจิตใจอันกว้างใหญ่ ดังนั้นจึงสามารถน้อมนำในเต๋าที่ไร้รูปลักษณ์ เขามีจิตใจอันบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงสามารถรองรับเต๋าอันบริสุทธิ์ เขาไร้อคติต่อทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่มีจิตวิปราสในขณะที่สดับเต๋าที่ไร้สิ่งใดๆ เขามีความอดทนอดกลั้นที่จะเผชิญต่อทุกปัญหา ดังนั้นเขาจึงมีความมานะบากบั่นที่จะต่อสู้ต่อทุกการทดสอบอย่างไม่ย่อท้อ เขามีความวิริยะบากบั่นที่จะมุ่งสู่เป้าหมายตามที่ตั้งใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมเลิกราละทิ้งกลางคันแต่อย่างใด
หากไม่เยาะเย้ย ก็มิอาจเป็นเต๋าได้
อันเต๋าที่แท้จริง คือสุญภาพ คืออมตะ คือความธรรมดา คือความเรียบง่าย มิอาจจับต้อง มิอาจมองเห็น หากแต่เต๋ากลับเป็นพื้นฐานของทุกสรรพสิ่ง สร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่ง เป็นมารดาแห่งทุกสรรพสิ่ง เต๋าจึงเป็นความยิ่งใหญ่ในความธรรมดา เมื่อเป็นดั่งนี้ ครั้นผู้คนที่มีพื้นฐานตื้นเขินได้สดับเต๋า ก็ย่อมจะมีจิตไยไพกล่าวหยันเป็นธรรมดา อันเหมือนเช่นหนูกลัวแมวมากกว่าคน คนกลัวไฟมากกว่าพระอาทิตย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็หาใช่เพราะพระอาทิตย์มีอานุภาพด้อยกว่าไฟไม่ หากแต่เพราะพระอาทิตย์นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถเข้าใจถึงต่างหาก ดังนั้น เต๋าที่ไม่เป็นที่เยาะเย้ย นั่นย่อมไม่ใช่เต๋าแท้ เต๋าที่ไม่ได้ถูกไยไพจากมนุษย์ผู้โง่เขลา นั่นย่อมมิใช่เต๋าอันยิ่งใหญ่ แลผู้ที่ปฏิบัติเต๋าแล้วไม่เป็นที่ครหาแห่งสามัญชน นั่นย่อมมิใช่ผู้ที่มุ่งมั่นในเต๋าอย่างแท้จริง
จึงมีคติพจน์ที่กล่าวว่า
แจ้งในเต๋าดุจว่ามืดมน มุ่งในเต๋าดุจว่าถอยหลัง
ราบเรียบในเต๋าดุจว่าขรุขระ
เนื่องด้วยเต๋าคือความว่างเปล่า เต๋าคือความบริสุทธิ์ เต๋าคือความอ่อนด้อย ดังนั้นอันผู้ปฏิบัติที่ยิ่งแจ้งในเต๋ามากเท่าไหร่ เขายิ่งจะมีความอ่อนน้อมแลถ่อมตน เขายิ่งจะมีความสมถะแลเรียบง่าย เขายิ่งจะไม่ฉายความอหังการ์จนเจิดจรัส เขายิ่งจะเก็บงำความสามารถมิให้ใครล่วงรู้ ดังนั้นภายนอกที่ผู้คนสัมผัส จึงเห็นเขามีแต่ความมืดมน ไม่มีความโดดเด่นจนเจิดจ้า
แลอันผู้ที่เดินหน้าในเต๋าอย่างเข้าถึง ครั้นเขายิ่งเข้าถึงเต๋ามากเท่าไหร่ จิตใจของเขาจะยิ่งเย็นเยียบ ไม่มีความคิดที่จะชิงดีชิงเด่นกับผู้ใด ไม่มีจิตใจที่จะไขว่คว้าทะเยอทะยานในสิ่งใด ดังนั้นผู้คนจึงดูเขาเสมือนเป็นคนที่สิ้นไร้ เป็นคนที่ไง่เขลา เป็นคนที่ไม่ทันคน ผู้คนจึงเห็นเขามีแต่ความถดถอย ในกลอนดำนาของท่านพระสงฆ์ถุงย่ามกล่าวไว้ดังนี้ว่า
มือถือกล้าก้มหน้าดำผืนนา
ก้มธาราหน้าเห็นสุริยา
จิตสงบร่มเย็นเป็นธรรมา
ก้าวถอยลาคือเดินหน้าอร่ามจริง
ก้มหน้าดำนาด้วยความอึด จิตมิยึดเห็นสุรีย์ในผืนนา มือหยิบกล้าถอยดำก้มธารา มิเดินหน้าคือหน้าเดินเจริญธรรม การก้มหน้าก้มตาไม่ยุ่งเหยิงกับทุกสิ่ง จึงจะแลเห็นแสงสุรีย์ในจิตตา การดำนาจะต้องถอยหลังดำ จึงจะทำให้ดำนาได้ดี ได้สวย ได้ตรง ดังนั้นการถอยหลัง แท้ก็คือการก้าวหน้าที่แท้จริง
อันผู้ที่มุ่งหน้าในเต๋า เขาจึงมักจะยอมผู้คนเสียทุกเรื่อง ไม่ชิงดีกับผู้ใด ผู้คนเห็นเขาไร้ความสามารถ แต่แท้คือผู้ทรงความสามารถที่แท้จริง
อันบุคคลที่มีความนิ่งสงบในการปฏิบัติเต๋า จิตใจของเขาจะราบเรียบเย็นสบาย ไม่วุ่นวายไขว่คว้าไปกับสรรพสิ่ง ไม่หุนหันพลันแล่นตามสภาวะ ดังนั้น ผู้ที่ราบเรียบในเต๋า จึงยิ่งปล่อยวาง จึงยิ่งสมถะ จึงยิ่งเสียสละ จึงยิ่งติดดิน จึงยิ่งคลุกคลีกับสรรพสิ่ง โดยไม่ทำตัวอยู่เหนือสรรพสิ่ง ดั่งนี้ ผู้คนที่ไม่ล่วงรู้ก็จะเห็นแต่เพียงความขรุขระทุกลักทุเลในตัวเขา หากแต่หาได้เห็นความนิ่งเงียบในใจเขาแต่อย่างใดไม่
คุณธรรมอันสูงส่งนั้นดุจเหวลึก
คุณธรรมอันกว้างใหญ่นั้นดุจพร่องขาด
คุณธรรมอันกล้าแกร่งนั้นดุจเกียจคร้าน
อันผู้ที่มุ่งในเต๋า จะพยายามก้มหน้าหล่อเลี้ยงพื้นนาใจ ในนาผืนนี้จะปลูกดำด้วยกล้าคุณธรรม ดังนั้นปราชญ์ผู้ตั้งมั่นในเต๋า จะมีแต่บ่มเพาะคุณธรรมภายในจนสุขุมลุ่มลึก อันคุณธรรมของผู้มุ่งมั่นในเต๋า จึงมีความลุ่มลึกจนสุดที่จะคะเน อันเหมือนเช่นเหวลึกที่ผู้คนมิอาจหยั่งถึง
สำหรับจิตใจของผู้ใฝ่เต๋า จิตใจจะมีความกว้างใหญ่เหนือสากลภพ ด้วยเพราะใจได้เป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า ใจมีแต่สุญภาพ ใจมีแต่ความบริสุทธิ์ ดังนั้นคุณธรรมแห่งปราชญ์ที่มุ่งมั่นในเต๋า จึงมีความอ่อนน้อมจนไร้ซึ่งตัวตน เขาจะมีแต่ตำหนิตนแทนการตำหนิผู้คน เขาจะชื่นชมคนแทนการชื่นชมตน เขาจะเสียสละตนแทนการเสียสละคน เขาจะมุ่งมั่นในตนเพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงชน ดังนั้น อันผู้ที่มีความพร่องขาดดังนี้ จึงจะเป็นผู้มีคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
ความวิริยากล้าแกร่งแห่งชาวโลก คือความวิริยาใฝ่หาแต่โภคทรัพย์ ความมั่งมีในทรัพย์สมบัติ ความมุ่งมั่นตะเกียกตะกายในฐานะ เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์แห่งตนและครอบครัว ดั่งนี้ เขาจึงมักเป็นที่ยินดีแห่งชาวโลกหนักหนา
หากแต่ผู้ที่มุ่งมั่นในเต๋าจะหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ขณะที่ผู้คนไขว่คว้าในศักดิ์ศรี ผู้ทรงเต๋าจะไม่นำพาในศักดิ์ศรี ดังนั้นเมื่อถูกหมิ่นศักดิ์ศรีจึงไม่โกรธา ขณะที่ผู้คนไขว่คว้าในสมบัติอย่างแข็งขัน แต่ผู้ทรงเต๋ากลับสมถะและพอเพียง ดังนั้น ผู้ทรงเต๋าจึงไม่ทุกข์ร้อนอนาทรต่อโลกธรรม
เพราะเช่นนี้นี่เอง ผู้ทรงเต๋าที่มีจิตใจกล้าแกร่งดุจวัชระที่บรรดากิเลสก็มิอาจทิ่มแทงเข้า จึงดูเสมือนคนเกียจคร้านที่ไม่ยินดีในการไขว่คว้า ไร้ความทะเยอทะยานจนเสมือนหนึ่งไม่เอาดี ไม่ชิงดีจนดุจว่าเป็นคนโง่เขลา ดังนั้นความเกียจคร้านของผู้ทรงเต๋าในสายตาชาวโลก จึงเป็นความวิริยาในความกล้าแกร่งแห่งจิตตา อันความขันแข็งในโภคทรัพย์ของชาวโลก จึงเป็นความเกียจคร้านไม่นำพาในความวิมุติ
ความผุดผ่องดุจขุ่นมัว
มหาเศวตดุจหมองหม่น
มหาจัตุรัสนั้นไร้มุม
มหาภาชนะยากสัมฤทธิ์
ความขาวจริงไม่อวดขาว จึงเป็นความขาวที่ยิ่งใหญ่ ความผุดผ่องจริงไม่อวดความผุดผ่อง จึงเป็นความผุดผ่องอันจริงแท้ อันผู้ทรงปัญญาไม่อวดปัญญา จึงเป็นผู้มีปัญญาอันแน่วแน่ ดังนั้นหยกงามจึงเร้นในหิน กระบี่ดีจึงซ่อนในฝัก สิ่งวิเศษจึงซุกในกำปั่น ดังนั้น อันสิ่งที่อวดว่าดี อันวจีที่คุยว่าเด่น อันศักดิ์ที่ประกาศว่าดัง จึงยิ่งเป็นการประจานว่าไม่ใช่ของดี ไม่ใช่ของเด่น หรือว่ามีศักดิ์ศรีเกียรติภูมิอันแท้จริงไม่
เหลี่ยมที่เล็ก มุมย่อมคมแหลม หากแต่เหลี่ยมที่กว้างใหญ่ไพศาล มุมจะมนจนหามีความคมอีกไม่ อันเหมือนเช่นแผนที่นิคมที่เห็นบนกระดาษ สิ่งที่เห็นยังเป็นแหลมเหลี่ยมมากมาย หากแต่เมื่อไปดูพื้นที่จริง ความแหลมเหลี่ยมที่เห็นบนแผนที่ ก็หาได้มีความแหลมคมอีกไม่ ดังนั้นมหาจัตุรัสจึงไร้มุมไร้เหลี่ยม หากแต่ได้กลายเป็นความกลมมนแล้วต่างหาก
มุมเหลี่ยมมีความแหลมคม ความแหลมคมจึงมีพิษสงทำร้ายคน หากจะมีแต่ความมนกลมเท่านั้นที่จะไม่สามารถทิ่มแทงทำร้ายใครแต่อย่างใด ดังนั้น คนที่มีจิตใจเล็กแคบ ใจเขาย่อมมีเหลี่ยมมีคมที่ชอบทิ่มแทงคนรอบข้าง แต่สำหรับใจของปราชญ์ผู้ทรงเต๋านั้น จะมีความกว้างใหญ่ไพศาลจนมีแต่ความกลมใสบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นใจที่มีแต่ความเมตตาโอบอ้อม มีแต่ความกรุณาปรานี
อันวัชระที่มีความแข็งแกร่งเหนือสรรพสิ่งใดๆ ในใต้หล้า ทั้งที่แต่เดิมก็เป็นเพียงก้อนถ่านที่มีความอ่อนยุ่ยผุผังได้แสนง่ายนั้น นั่นก็เพราะก้อนถ่านมีความทนทานต่อการถูกกดดันและความร้อนที่แผดเผาอย่างมหาศาลนั่นเอง ถ่านต้องอดทนด้วยเวลาอันเนิ่นนานนับหมื่น ๆ ปี จึงจะทำให้กลายเป็นวัชระที่แข็งแกร่งและแวววาวเหนือสิ่งใดในโลกหล้า หากก้อนถ่านที่แต่เดิมเป็นเพียงขอนไม้ธรรมดาไร้ความอดทนจากความร้อนที่แผดเผาเป็นเวลาเนิ่นนาน สุดท้ายก็คงเป็นได้แค่ก้อนถ่านที่ธรรมดา
ดังนั้น อันวัชระที่มีค่า จึงต้องใช้เวลาในการเผา อันสุราอันหอมหวน จึงต้องใช้เวลาในการบ่ม อันเครื่องปั้นที่สูงค่า จึงต้องใช้เวลาในการอบ และอันภาชนะที่ดีเลิศ จึงต้องใช้เวลาในการประดิษฐ์ อันคุณธรรมที่สุดวิเศษ จึงต้องผ่านการพิสูจน์ของกาลเวลา
อันจิตใจของผู้ทรงเต๋าก็เช่นเดียวกัน ด้วยเพราะจิตใจของผู้ทรงเต๋าสามารถทนความแผดเผาเป็นเวลาเนิ่นนาน จึงทำให้มีคุณธรรมอันอุกฤษฏ์ ด้วยเพราะผู้ทรงเต๋ามีความอดทนที่เนิ่นนาน จึงทำให้มีขันติที่ดีเลิศ ด้วยเพราะผู้ทรงเต๋ามีความแน่นิ่งที่เนิ่นนาน จึงทำให้มีสมาธิอันประเสริฐ
มหานาทนั้นแผ่วเบา
มหารูปนั้นไร้ลักษณะ
เต๋าที่แฝงเร้นนั้นไร้นาม
รอบตัวเรามีเสียงสรรพสิ่งอยู่หลากหลาย ทั้งหมดต่างมีมาและก็มีไป แต่ไม่ว่าเสียงที่ดังมากที่สุดจะมีความกึกก้องกัมปนาทสักปานใด แต่สุดท้ายก็จะยังคงโดนเสียงสงบกลบจนไม่ได้ยิน แล้วเสียงอะไรเล่าที่ดังที่สุดในปฐพี เสียงนั้น ย่อมจะต้องเป็นเสียงสงบเป็นแน่แท้
ดังนั้น ในท่ามกลางจักรวาลอันเวิ้งว้าง เสียงที่ดังที่สุด เสียงที่มีมากที่สุด นั่นก็คือเสียงแห่งความว่างเปล่า เสียงแห่งความว่างเปล่าก็คือเสียงแห่งความสงบนั่นเอง
เสียงใดๆ ในโลก มีเสียงหนึ่งเกิด ย่อมต้องมีอีกเสียงหนึ่งเข้าทำลาย มีเสียงหนึ่งที่เพราะกว่า สุดท้ายย่อมต้องมีอีกเสียงหนึ่งที่มีความเพราะเหนือยิ่งกว่า ดังสุภาษิตที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้านั่นแล หากแต่มีเพียงเสียงแห่งความสงบเท่านั้น ที่ไม่มีสิ่งใดจะสามารถทำลายได้
ในทุก ๆ แว่วเสียงแห่งสรรพสิ่งที่เราได้ยิน ทั้งหมดล้วนต้องเปล่งกังวานในท่ามกล่างเสียงแห่งความสงบ หากไม่มีความว่างเปล่า ย่อมไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถดำรงอยู่ได้ และก็แน่นอนว่า แว่วเสียงใดๆ ที่ไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานแห่งเสียงสงบ แว่วเสียงนั้นก็ย่อมมิอาจเป็นไปได้เช่นกัน
รูปอันยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ สิ่งใดจึงจะเป็นรูปที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มนุษย์มีความยิ่งใหญ่ สุดท้ายก็อยู่ไม่เกินหนึ่งร้อยปี มหาคีรีมีความยิ่งใหญ่ สุดท้ายก็อยู่ไม่เกินหนึ่งล้านปี เขาพระสุเมรุมีความยิ่งใหญ่ ต่อให้มีอายุยืนยงนับเป็นกัป แต่สุดท้ายก็ยังต้องมีวันสลายได้อยู่ดี
ดังนั้น รูปใดๆ ในโลกนี้ ต่อให้ยิ่งใหญ่สักปานใด ก็หาได้มีความอมตะนิรันดรไม่ หากแต่มีเพียงรูปแห่งความว่างเปล่าเท่านั้น จึงจะเป็นความอมตะเหนือกาลเวลา ดังนั้นเหลาจื่อจึงกล่าวว่า มหารูปนั้นไร้ลักษณะ เพราะการไร้ลักษณะ จึงไร้การเกิดดับ เพราะไร้การเกิดดับ จึงจะเป็นความจีรังชั่วนิรันดร์
เหมือนดังเช่นเต๋า อันเต๋านั้นไม่เป็นที่รู้จัก เหตุเพราะเต๋าไร้รูป เต๋านั้นไม่เป็นที่รับรู้ เหตุเพราะเต๋านั้นไร้เสียง เต๋านั้นมิอาจรู้ซึ่งสัณฐาน เหตุเพราะเต๋านั้นไร้สีสันรูปร่าง ด้วยเพราะเต๋ามิอาจเป็นที่รับรู้ ดังนั้นเต๋าจึงไร้นาม แต่ด้วยเหตุจำใจเพื่อง่ายแก่การกล่าวขาน ท่านเหลาจื่อจึงฝืนเรียกสิ่งนี้ว่า “เต๋า”
มีเพียงเต๋านี้เท่านั้น
ที่ประสาทอย่างวิเศษแลอวยผลให้สัมฤทธิ์
ในใต้หล้านี้ จะมีผู้ใดที่มีแต่ให้ ให้โดยไร้เงื่อน ให้โดยไม่หวังผล ให้โดยไม่ครอบครอง ให้โดยไม่บงการ สิ่งนั้นก็คงมีแต่เต๋านี้กระมัง อันเต๋านี้ ไม่เพียงแต่เป็นผู้ให้กำเนิดเท่านั้น หากยังให้การหล่อเลี้ยงและอบรมจนเติบใหญ่ เต๋าให้ความเจริญ เต๋าให้การเรียนรู้ เต๋าให้เวลา แลเต๋ายังให้โอกาส ดังนั้น เต๋าที่ดูเสมือนไร้เยื่อใย แต่ความจริงคือมหาเมตตาการุณย์อันแท้จริง
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย