Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ครูเอลิน่า Elina
•
ติดตาม
23 ก.ค. 2021 เวลา 10:11 • ครอบครัว & เด็ก
เราจะจัดการกับลูกไม่ได้.....
ถ้าเราจัดการกับตัวเองไม่เป็น
สำหรับคุณแม่ที่กำลังสับสนกับตนเอง
กับการจัดการตนเอง
มาทำวิธีนี้เพื่อช่วยให้คุณแม่ได้สงบกับตัวเองและสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ
คือการเข้าไปเรียนรู้ตัวตนภายในของตนเองว่า
ตอนนี้เรากำลังสับสนเรื่องอะไรอยู่?
อาจจะหาที่เงียบๆ อยู่คนเดียว
หรือทำสมาธิเพื่อให้เรามีสติทบทวนตัวเอง
มองเข้าไปในจิตใจในอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด
ณ ตอนนี้ว่าเรามีปัญหาอะไรที่ทำให้ว้าวุ่น สับสน
กระวนกระวายใจเรื่องอะไรบ้าง
และการจดสิ่งต่างๆ ที่เราเห็นในตนเองว่าตอนนี้
เราต้องการจัดการกับอะไรในชีวิต มันจะทำให้
เราเห็นภาพรวมทั้งหมดของปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้
แล้วเรียงลำดับความเข้มข้นของปัญหาต่างๆ
ที่เราต้องการจัดการ ว่าปัญหาไหนที่ต้องแก้ไข
เร่งด่วนไปจนถึงปัญหาไหนที่รอได้
พอเราเรียงลำดับความเข้มข้นของปัญหา
เรียบร้อยแล้วให้เราเขียนบรรยายความรู้สึก
ที่มีต่อปัญหานั้นๆ ว่ามันกัดกิน กัดกร่อนจิตใจ
เราอย่างไรบ้าง
เขียนทุกอย่างเปรียบเสมือนระบายให้กับเพื่อนสนิท
คนหนึ่งฟัง เพราะแท้จริงแล้วตัวเรานี่แหละที่สนิท
กับเรามากที่สุด เขียนอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา
เสมือนว่าในการจด Journal หรือการบันทึกนี้
เป็นความลับที่ไม่มีใครสามารถมาล่วงรู้กับเราได้
เขียนมันลงไปแบบไม่เฟคกับตนเอง
ต้องกล้าเขียนแบบไม่ต้องให้ตัวเองดูดีเอาภาษา
และความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเขียนมันลงไป
จนหมดเปลือก
และตั้งสตินั่งนิ่งๆ ทบทวนตัวเองสักพัก เรียนรู้
จากประสบการณ์ตรงของตนเอง เรียนรู้จากปัญหา
ที่มันเกิดขึ้นกับตนเอง
เรียนรู้ลงไปที่ความรู้สึกนึกคิด ที่กายที่ใจของตนเอง
รู้มันตรงๆ ซื่อๆ เลยว่าเราเป็นคนที่ทำให้เกิดปัญหา
ต่างๆ เกิดขึ้นมาใช่ไหม เราคือคนก่อปัญหา
หรือตัวเราเองนี่แหละคือตัวปัญหาใช่หรือไม่?
หากเรายอมรับความจริงตามความเป็นจริง
แบบไม่ปกป้องตนเองและรับผิดชอบทุกการกระทำ
ทุกความคิด ทุกคำพูดของตนเองได้อย่าง 100%
เชื่อว่าคุณแม่ได้คำตอบแน่นอนและหลังจากนั้น
ก็ให้เข้าใจตนเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว
ผ่านไปแล้วและบางสิ่งบางอย่างเรามีเหตุมีผล
ในการตัดสินใจเลือกที่จะตอบสนองเหตุการณ์ต่างๆ
จนมันก่อปัญหากับเราได้ในภายหลัง แต่มันได้
ตัดสินใจไปแล้วและเหตุการณ์ก็เกิดไปแล้ว
เพียงแค่ยอมรับมันตามสภาพและไม่ต่อต้าน
และไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะต้องทำให้ตนเองดูดี
ยอมรับแบบศิโรราบกับมันในทุกๆ ปัญหา
แล้วสติของคุณแม่จะกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
อีกครั้ง คุณแม่จะสงบกับตัวเองได้จากภายใน
และเข้าใจตนเอง สามารถให้อภัยตนเองได้
และคุณแม่ยังสามารถให้กำลังตนเองได้อย่าง
น่าประหลาดใจอีกด้วย ว่าครั้งนี้ที่ได้เข้าไป
เรียนรู้และเข้าใจตนเองในกายในใจภายใน
คุณแม่ไม่ต้องเที่ยวหาเพื่อนหรือคนภายนอก
เพื่อมาปรับทุกข์และไม่ต้องการคำพูดให้กำลังใจ
จากใครทั้งนั้น แต่คุณแม่สามารถสร้างกำลังใจ
ได้จากตัวตนภายในของคุณแม่เอง
นี่เป็นเพียงการเริ่มทำความเข้าใจและเรียนรู้
การอยู่กับปัจจุบันขณะจากภายในตนเอง
ของการใช้ Mindfulness “สติรู้”
และเมื่อคุณแม่สงบกับตนเองได้และ
เข้าใจ ให้อภัยตนเองได้ คุณแม่จะเกิดไอเดีย
ต่างๆ ในการช่วยคุณแม่แก้ไขปัญหา
และหากคุณแม่ท่านไหนสามารถเข้าถึง
จิตใจภายในตนเองและเข้าใจตนเองได้อย่างลึกซึ้ง
ปัญหาที่ว่าเป็นปัญหามันได้จัดการตัวมันเอง
จากการเข้าไปเรียนรู้และเข้าใจตนเองเรียบร้อยแล้ว
โดยที่คุณแม่ไม่ต้องทำอะไรเลย มันถูกจัดการ
ไปแบบอัตโนมัติโดยที่คุณแม่ไม่ได้มองปัญหานั้น
ว่าเป็นปัญหาอีกเลย
และเมื่อเราฝึก Mindfulness กับตัวเองบ่อยๆ
อันที่จริงก็ฝึกกันไปจนลมหายใจสุดท้ายนั่นแหละ
เพราะเราจำเป็นต้องใช้มันจัดการกับการดำเนิน
ชีวิตประจำวัน
และใช้มันพัฒนาเพื่อยกระดับจิตใจเราให้รู้ทัน
อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดได้ไวขึ้น ได้อัตโนมัติ
มากขึ้น จะส่งผลให้จิตใจภายในของเราใสสะอาด
และสงบมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรามีสติอัตโนมัติได้
การฝึก Mindfulness นี้ ไม่ได้ฝึกให้ตัวเองเป็นคนดี
หรือเหนือว่าคนอื่น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกเอาดี
เอาชั่วเพื่อยกตนสูงกว่าคนอื่น
แต่วัตถุประสงค์หลักของการฝึก Mindfulness
คือการชำระล้างจิตใจตนเองให้เราสามารถ
เข้าถึงตัวตนที่แท้จริงภายในและสื่อสารกับตนเอง
ได้อย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งมันคือหนทางแห่งการมีความสุขที่แท้จริง
ภายในของชีวิตเรา หากเราทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ให้สังเกตชีวิตตนเองว่าเรามีความสุขได้ง่ายขึ้นไหม
กำจัดความรู้สึกทุกข์ใจได้ไวขึ้นไหม
ระยะเวลาของความทุกข์ในใจสั้นลงไหม
ความสุขในชีวิตมันมีมากขึ้นไหม
เราเบาขึ้นไหม สบายใจมากขึ้นกว่าเดิมไหม
เราสามารถเช็คสภาวะอารมณ์ วัดดัชนีความสุข
ของตนเองได้ด้วยตนเอง
หากเราสามารถจัดการอารมณ์ของเราได้
โดยเฉพาะคุณแม่ ลองหลับตาจินตนาการ
เห็นภาพความอบอุ่นในครอบครัวของตนเอง
ว่ามันมีมากขึ้นขนาดไหน
แค่เราจัดการกับอารมณ์ของเราได้ ทุกอย่าง
ทุกด้านของชีวิตเราจะมีสติจัดการกับมันได้เอง
โดยอัตโนมัติ เพราะสติคือปัจจัยสำคัญในการ
ดำเนินชีวิต
หากเรามีสติแล้วสมองเราจะทำงานได้อย่าง
เป็นระบบและมันสามารถสั่งการให้เราเกิด
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
โดยอัตโนมัติมันจะสามารถแก้ปัญหาเรื่อง
พลัดวันประกันพรุ่งของคุณแม่ได้และ
แก้ปัญหาเรื่องความกลัวของคุณแม่ได้เช่นกัน
คุณแม่จะคิดเป็นระบบมากขึ้น ลงมือทำทันที
และจะมีความเชื่อมั่นในตนเอง มั่นใจในการ
ตัดสินใจของตนเอง กลายเป็นคนกล้าคิด
กล้าทำ กล้าตัดสินใจและมีจุดยืนของตนเอง
ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของการเป็นแม่
ที่เราต้องเป็นผู้นำลูก สอนลูกและเป็นแบบอย่าง
ที่ดีให้กับลูก
Mindfulness ที่จริงแล้วคนไทยน่าจะเป็นผู้รู้
เกี่ยวกับวิธีการนี้เป็นอย่างดีเพราะมันคือหัวใจ
สำคัญของคำสอนทางพุทธศาสนา ซึ่งเมืองไทย
เป็นเมืองพุทธ
แต่ปัจจุบันคนทั่วโลกหรือส่วนใหญ่จะเป็นชาว
ตะวันตกหรือเราเรียกว่า “ฝรั่ง” มีการทำการวิจัย
ทดลอง ค้นคว้าหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
มาทำการสนับสนุนว่าวิธีการนี้ป็นวิธีการสากล
ที่ใช้ได้ผลจริงและที่จริงมันมีกว่าพันปีมาแล้ว
ฝรั่งทำการศึกษาเรื่องนี้และจริงจังกับการฝึก
ตนเองเพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการค้นพบ
“ความสุขที่แท้จริง”
ซึ่งความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นได้ภายในตัวเรา
ในตัวตนที่แท้จริงที่อยู่ภายในตัวเรา ที่คนทั้งโลก
ค้นหาและเราซึ่งเป็นชาวพุทธกลับต้องไปศึกษา
จากชาวตะวันตก
อย่างไรก็ตามเราก็มีพื้นฐานและต้นทุนเกี่ยวกับ
การทำสมาธิมามากกว่าชาวตะวันตกเหลือเพียง
การฝึกเจริญสติ (Mindfulness) เพิ่มเติมเท่านั้นเอง
ขอให้คุณแม่ทุกคนสนุกกับการฝึกตนเอง
เพื่อเป็นต้นแบบให้กับลูกเรานะคะ
ติดตามข้อมูล ความรู้ดีๆ จากเพจนี้และกด Like
กดแชร์ข้อมูลให้กับคนที่เรารักให้ได้เรียนรู้ไปด้วยกันนะคะ
ถึงเวลาในการเอาจริงกับเปลี่ยนแปลงตนเอง
ครั้งสุดท้ายในชีวิตคุณแล้วหรือยัง?...
เริ่มฝึกตนเองให้เป็นต้นแบบของลูกเรากันคะ
________________________
- เอ ปวีร์ลดา Mother -
Mindfulness for Mom
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Spiritual Guide
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย