26 ก.ค. 2021 เวลา 04:08 • ประวัติศาสตร์
ปฏิบัติการที่ "ท้าทายที่สุด" ของมอสซาดกับการตามล่าตัว "อดีตผู้นำพรรคนาซี"
หนึ่งในสมาชิกพรรคนาซีผู้ก่อตั้ง “Holocaust” ที่หลบหนีไปได้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงถึง 16 ปี ถูกมอสซาดจับตัวมาขึ้นศาลที่อิสราเอลได้อย่างไร?
• Overview
ในวันที่ 23 พฤษภาคม ปี 1960 เดวิด เบนกูเรียน (David Ben-Gurion) ประธานาธิบดีอิสราเอล ได้ประกาศต่อชาวโลกว่า อาชญากรสงคราม “อดอล์ฟ ไอค์แมน” ผู้นำนาซีที่เป็นผู้ก่อตั้ง "ฮอโลคอสต์" รับผิดชอบในการส่งชาวยิวทั่วยุโรปอย่างน้อย 2 ล้านคน ไปจบชีวิตที่ค่ายกักกันนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จะขึ้นศาลพิจารณาคดีในอิสราเอล
• ใครคือ อดอล์ฟ ไอค์มาน (Adolf Eichmann)
ไอค์มาน เป็นหทารยศพันโท หน่วย SS ของพรรคนาซีเยอรมัน หนึ่งในผู้ก่อตั้งหลักของฮอโลคอสต์ (Holocaust) หรือมาตรการสุดท้ายสำหรับปัญหาชาวยิว (Final Solution) เขาได้รับมอบหมายในการขนส่งชาวยิวจากทั่วยุโรป ไปยังค่ายมรณะ หรือค่ายกักกันนาซี เพื่อทำการสังหารด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมหลายอย่าง หนึ่งในวิธีที่โหดที่สุดคือ การส่งชาวยิวเข้าไปสังหารในห้องรมแก๊ส ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กทารกหรือคนท้อง
📷 Adam Guz/Getty Images (Poland)
• เบาะแสจากผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์
ในปี 1957 มีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ แจ้งเบาะแสไปยังมอสซาดว่า อดอล์ฟ ไอค์แมน ยังมีชีวิตอยู่ในชื่อของ “Ricardo Klement” อาศัยอยู่ที่เมือง ซาน เฟอร์นันโด (San Fernando) ในประเทศอาร์เจนตินา
เบนกูเรียน จึงได้อนุมัติปฏิบัติการตามล่าตัวเขามาขึ้นศาลที่อิสราเอล โดยใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “Operation Finale” เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ชาวยิวหลายล้านคน ที่ถูกฆ่าตายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
📷 Bettmann Archive/Getty Images
• วางแผนปฏิบัติการ
หลังจากที่ได้รับเบาะแสไม่นาน มอสซาดก็สามารถระบุตัวตนของ Ricardo Klement ได้ว่าจริงๆ แล้วเขาคือ “อดอล์ฟ ไอค์แมน” จากการที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยสังเกตการณ์ ที่บริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง ใกล้ๆ กับที่พักอาศัยของเขา
แต่การจะนำตัวเขามาขึ้นศาลที่อิสราเอลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากรัฐบาลของอาร์เจนตินาได้ช่วยเหลือผู้นำนาซีหลายคน ในการอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศ ดังนั้นการขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย มอสซาดจึงตัดสินใจว่าจะลักพาตัวไอค์แมน แล้วนำขึ้นเครื่องบินโดยสาร กลับมายังอิสราเอลแบบผิดกฎหมาย
ในวันเฉลิมฉลองของอาร์เจนตินาที่ประกาศเอกราชจากสเปน มอสซาดได้ใช้โอกาสครั้งนี้ นำเจ้าหน้าที่มาเข้าร่วมปฏิบัติการเพิ่ม โดยแต่ละคนจะเดินทางมาในวันที่แตกต่างกัน มาจากคนละประเทศ และจุดหมายปลายทางคนละเมือง เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตของรัฐบาลอาร์เจนตินา
• เริ่มปฏิบัติการ
ในวันที่ 11 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่มอสซาดได้เดินทางออกจากบ้านพักที่อยู่ทางตอนใต้ของบ้านไอค์มาน โดยรถคันแรกคือรถคันที่จะต้องลักพาตัวไอค์มาน ได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถเป็นป้ายทะเบียนสำหรับนักการทูต หากมีอะไรที่ผิดพลาดเกิดขึ้น จะได้ผ่านด่านตำรวจไปได้
ส่วนรถคันที่ 2 ก็ถูกเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถเช่นกัน หากมีตำรวจตามมา รถคันแรกจะขับไปหา เพื่อสลับตัวไอค์มานไปรถคันที่ 2 แล้วให้ตำรวจตามรถคันแรกไป หากจับตัวไอค์มานได้จะขับรถไปทางตอนเหนือ แล้ววนกลับมาที่บ้านพักทางตอนใต้ เผื่อมีผู้ที่เห็นเบาะแสจะได้แจ้งกับตำรวจไปว่ารถขับไปทางตอนเหนือ
📷 Keystone/Hulton Archive/Getty Images
หากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหลบหนีได้ กัปตันของทีมปฏิบัติการจะใส่กุญแจมือไว้ที่ข้อมือเขาและไอค์มาน หลังจากนั้นให้ทิ้งกุญแจมือแล้วเข้ามอบตัวกับตำรวจอาร์เจนตินา โดยให้อธิบายว่า ไอค์มานคืออาชญากรสงครามที่พวกเขาและกลุ่มอาสาสมัคร รวมตัวเพื่อช่วยกันจับตัวเขามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่มอสซาดที่เหลือต้องหลบหนีออกจากอาร์เจนตินาให้ได้แบบตัวใครตัวมัน
พวกเขาขับรถไปจอดไว้ใกล้ๆ กับบ้านของไอค์มาน ในเวลา 19:40 น. ซึ่งเป็นเวลาปกติที่เขาจะต้องเดินทางกลับมาถึง แต่ในวันนั้นรถโดยสารประจำทางกลับไม่จอดที่ป้ายรถ ซึ่งตามแผนการคือ หากไอค์มานไม่มาภายในเวลาสองทุ่มจะต้องยกเลิกปฏิบัติการทันที
เวลา 20:00 น. ก็ยังไร้วี่แววของไอค์มาน เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจว่าจะล้มเลิกปฏิบัติการ ในขณะที่พวกเขากำลังจะขับรถออกไปนั้น ก็มีรถโดยสารประจำทางมาจอด และในที่สุดไอค์มานก็ลงมาจากรถคันนั้น
ในระหว่างที่ไอค์มานกำลังเดินผ่านรถของเจ้าหน้าที่มอสซาดที่ไปจอดรอ พวกเขาเข้าไปจับตัวไอค์มาน และพยายามเอาตัวเขาขึ้นรถให้ได้ เขาร้องเสียงดังมากเพื่อขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่อีกคนจึงต้องไปเหยีบคันเร่งรถเพื่อให้เสียงของเครื่องยนต์กลบเสียงร้องของเขา และในที่สุดพวกเขาก็นำตัวไอค์มานขึ้นรถมาได้ โดยที่ไม่มีตำรวจหรือใครตามมา
📷 Corbis
• นำตัวกลับไปขึ้นศาลที่อิสราเอล
พวกเขาวางยาสลบไอค์มาน และจับเขาแต่งตัวเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบิน El Al แล้วบอกกับทางสนามบินว่าเป็นพนักงานที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และต้องนำตัวกลับไปยังอิสราเอล
ในวันที่ 23 พฤษภาคม 1960 เขาได้ขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีที่ศาลของประเทศอิสราเอล โดยมีพยานที่เข้ามาให้การคือ “ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ “แต่เขากลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ทำตามคำสั่งของผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าก็เท่านั้น ...
ในวันที่ 15 ธันวาคม เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้งหมด 15 ข้อ หนึ่งในนั้นคือ อาชกรรมต่อมนุษยชาติและชาวยิว เขาถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในเมืองเทลอาวีฟ และนำเถ้ากระดูกไปลอยอังคารในทะเล ในวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 1962
📷 mauritius images / TopFoto

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา