ผีเข้า ปีศาจสิงสู่ ในทรรศนะของจิตวิทยาและการแพทย์
ในจิตวิทยาเรียกอาการของคนที่ถูกผีเข้าว่าเป็นความผิดปกติทางจิตเวชชนิดหนึ่งมีชื่อว่า spirit possession psychosis และยังมีการวินิจฉัยแยกย่อยอีกว่าอาจเป็น hysterical psychosis โดยผู้ป่วยจะมีความรู้สึกนึกคิดที่ไม่สอดคล้องกับความจริง ที่เกี่ยวข้องกับรับรู้ว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น ปีศาจ วิญญาณ หรือผี ที่เข้ามาควบคุมหรือสั่งการให้ผู้ป่วยไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเอง
การแสดงออกของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติทางจิตประเภทที่เกี่ยวข้องกับปีศาจ วิญญาณ และการถูกผีเข้า ส่วนใหญ่แล้วเป็นการแสดงออกตามข้อมูลจากจิตใต้สำนึกของตัวผู้ป่วยเอง หรือบางทีมาจากการให้ข้อมูลเชิงชี้นำของผู้คนที่อยู่รอบตัวผู้ป่วย ซึ่งหลายครั้งมีความเชื่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมสอดคล้องอยู่ด้วย อย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆว่าคนนั้นถูกของเข้า คนนั้นมีปอบสิง คนนั้นเป็นกระสือ คนนั้นโดนเจ้ากรรมนายเวรตามล่าอยู่
ซึ่งถ้าย้ายไปยังแถบอาหรับก็จะบอกว่าคนๆนั้นได้ไปทำให้ญิณไม่พอใจ หรือทำให้ญิณเกิดความรักใคร่ปรารถนา ญิณจึงได้มาสิงสู่ในตัวคนๆนั้นเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการถูกผีหรือปีศาจสิงสู่ เข้าจะมีความอ่อนแอทางใจอยู่ระดับหนึ่ง แยกตัวออกจากสังคม หรือเป็นได้ว่าจะเกิดสภาวะทางจิตผิดปกติหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้าย เช่น ถูกรุมปราณามหยามเหยียด ถูกรุมกลั่นแกล้งรังแก ถูกตัดขาดจากสังคม หรือเพิ่งสูญเสียบุคคลที่รัก
การถูกผีเข้านั้น จะเป็นอาการทั้งโดยสมัครใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางสังคม เช่น การเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณที่ชาวบ้านเคารพนับถือ และมีอำนาจในการทำนายทายทัก หรือสาปแช่งผู้คนที่ตนรู้สึกไม่ชอบ อยู่ในฝั่งของการเรียกร้องความสนใจหรือการต่อรองความรู้สึกทางจิตวิทยาเพื่อให้ตนเองเอาชีวิตรอดต่อไปได้
อาการที่ไม่สมัครใจนั้นส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าโดนสิงโดยวิญญาณชั้นต่ำ จนทำให้มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น ต้องการกินของคาวๆ สด ดิบ ของสกปรก หรือบางคนมีอาการเจ็บปวด ไข้ขึ้น ทุรนทุราย รู้สึกขาดการควบคุมกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ มีอาการสั่นกระตุก และร้อนวูบวาบภายในร่าง ซึ่งอาจมีการเจ็บป่วยทางกายภาพ เช่น ความผิดปกติของสมอง และระบบประสาท ร่วมด้วย
ส่วนอาการที่คนกลุ่มใหญ่ รวมใจกันบอกว่าบุคคลผู้หนึ่งถูกผีเข้า หรือปีศาจสิงสู่นั้น ทางจิตวิทยาได้ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าจัดเป็นการประชาทัณฑ์ทางสังคมอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยหรือบุคคลที่ถูกกล่าวหานั้น ...มีพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนในสังคมนั้นๆ มีลักษณะนิสัยไม่เป็นที่ชอบพอของคนส่วนใหญ่ในสังคมนั้นๆ
ผู้คนในสังคมก็จะมีวิธีจัดการกับบุคคลที่แตกต่างด้วยการนินทาและกล่าวหา อย่างเช่นการบอกว่าคนๆหนึ่งถูกผีเข้า เป็นปอบ หรือแม่มด ในยุคสมัยหนึ่งๆ ถึงปัจจุบัน ...นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการทางสังคม เพื่อขจัดคนที่แตกต่างหรือไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันออกไป (social rejection) และการที่ชาวบ้านรวมใจกันเข้าไปหาทางจัดการให้ผีหรือปีศาจออกจากคนๆนั้น ก็เป็นการฟื้นฟูความสามารถในการเข้าสังคมของคนผู้นั้น และเป็นการกล่อมเกลาจิตใจให้คนผู้นั้นรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวและกลับมามีความสามัคคีธรรมกับสังคม มีศรัทธาในความคิดและความเชื่อแบบเดียวกัน รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณคนทั้งหมู่บ้าน และจิตวิญญาณที่ทุกคนนับถือ...ในอีกรูปแบบหนึ่ง
สรุปแล้วการล่าแม่มด ล่าปีศาจ ขับไล่ผี และญิณ...อาจเป็นส่วนหนึ่งของการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ส่งผลอย่างรุนแรงทางจิตวิทยา เพื่อให้สังคมดีขึ้น ในวิถีทางเฉพาะแห่งความเป็นสัตว์สังคมนั่นเอง
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
