8 ส.ค. 2021 เวลา 09:08 • นิยาย เรื่องสั้น
บันทึกกึ่งนิยาย ตอนที่ 7
"Do you believe in True Love?"
1
หลวงพระบาง ความปั่นป่วนของฉัน
และความเท่ของพี่โยฮัน
1
02 มีนาคม 2545
หลวงพระบางวันที่ 2
ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก จนต้องบอกตัวเองว่าโบราณว่าหัวเราะร่าตอนเช้า ตกค่ำมาน้ำตาจะรินหลั่ง ได้ยินมาจากไหนไม่รู้แต่จำได้มาจนปูนนี้ เอาล่ะดึงอารมณ์ลงมาก่อน
ออกมานั่งเขียนโปสการ์ดที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน จรดปากกาไปแล้วแต่เขียนไม่ออก ได้แต่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนตอนที่เราปิดไฟมืดแล้ว มนุษย์ชายหญิงผู้ซึ่งเป็นลูกหลานของอดัมกับอีฟ นอนอยู่บนเตียงเดียวกันในห้องที่เงียบสงัด แม้จะตกลงจับมือทำสัญญากันแล้วแต่ยังไม่มีใครข่มตาหลับลง
ฉันเพิ่งนึกออกว่า สถานการณ์มันออกจะประหลาดเหมือนกันนะ ที่อยู่ ๆ ก็ต้องมานอนบนเตียงเดียวกับคนแปลกหน้าต่างเพศ แล้วดันเป็นคนต่างเพศที่มีเสน่ห์จากบุคลิคภายนอก และก็มีความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่ภายใน บอกเลยว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่เค้า และจากที่ใช้ชีวิตช่วงเย็นมาด้วยกันหลายชั่วโมง พี่เค้าก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉันหรอก
1
แต่เมื่อเวลาอันน่าอึดอัดผ่านไปสักพัก แล้วพี่โยฮันถามขึ้นเบา ๆ ว่า หมอนข้างจะอยู่ตรงกลางแบบนี้จริง ๆ ใช่มั้ย ฉันผู้หลับตาแต่สมองปั่นป่วนไปหมดไม่ได้ตอบอะไรออกไปและกลั้นใจอยู่หลายวินาที หมอนข้างถูกดึงออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ และวงแขนของพี่โยฮันก็เอื้อมมาดึงตัวเข้าไปจนแนบชิด ... นอนกอดกันเถอะ พี่โยฮันพูดทิ้งท้ายในคืนนั้น
2
นั่นคือเหตุผลที่ฉันตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก ทั้ง ๆ ที่นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการนอนกอดกัน และก็ไม่ได้กอดกันทั้งคืนหรอกนะ ฉันจะมอบโล่ห์เกียรติคุณให้กับมนุษย์ทุกคู่ที่สามารถนอนกอดกันทั้งคืนได้ มันเป็นท่านอนที่ลำบากมากนะ ยากที่ใครจะทำได้นอกจากมนุษย์ในภาพยนต์
2
พี่โยฮันชวนออกไปหาอะไรกินตอนเช้าด้วยกัน หลวงพระบางในยามเช้าเงียบเหงาและสุภาพอ่อนโยน อากาศเย็น ๆ หมอกบางตา และรถราที่มีไม่มาก ผู้คนชาวลาวค่อย ๆ เดินละเลียดตามท้องถนน แตกต่างกับหลวงพระบางในช่วงเย็น ที่คึกคักสนุกสนาน หนุ่มสาวสองคนเดินคลอเคลียกันไปแบบไร้จุดหมายแน่ชัด ดื่มด่ำยามเช้าแบบเงียบ ๆ
1
เราเจอร้านนึงที่ขายไข่กระทะ และก๋วยเตี๋ยว ตั้งอยู่ข้างทาง ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านเชิญชวน มองหน้ากันแล้วก็ตัดสินใจตั้งหลักยามเช้าที่นี่ แต่แล้วฝรั่งชาวเยอรมันก็รู้สึกแปลกใจมาก ที่หญิงสาวชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวในตอนเช้าและตักพริกใส่ลงไปหนึ่งช้อน
ฉันจึงถามกลับไปว่า พี่โยฮันยังเดินทางไม่เยอะอีกเหรอ ถึงได้แปลกใจกับอะไรง่าย ๆ แบบนี้ culture น่ะพี่ culture พี่โยฮันแยกเขี้ยวให้ฉันหนึ่งทีแล้วส่งสายตาที่ฉันน่าจะมีอารมณ์ดีไปได้อีกทั้งวัน
แต่แล้วก็ฉุกใจคิดถึงคำโบราณขึ้นมาอีกแล้ว “หัวเราะตอนเช้า น้ำตาตกตอนเย็น” บอกตัวเองว่าเราต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน จึงเอ่ยปากบอกพี่โยฮัน วันนี้มีแพลนจะทำธุระส่วนตัวทั้งวัน ขอให้พี่โยฮันเที่ยวให้สนุกนะ แล้วก็แยกตัวไปนั่งที่ร้าน Internet Cafe
จากที่ตั้งใจว่าจะเชียนเล่าบันทึกการเดินทางประจำวันส่งให้เพื่อน ๆ อ่านในเว็บบอร์ดกลุ่ม ก็รู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงเดินกลับไปที่ห้องพัก ดึงผ้าม่านปิดและล้มตัวลงนอน หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ตัว ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง พี่โยฮันก็ตามกลับมาแล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ
“นี่คือธุระส่วนตัวที่บอกว่าจะทำเหรอ” พี่โยฮันถามกลั้วยิ้ม
“อืมมม เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย ไม่เคยแชร์ห้องกับผู้ชายมาก่อน” ฉันตอบไปตามจริง แต่เก็บอีกครึ่งนึงไว้ว่า ผู้ชายที่แชร์ห้องด้วยดันเป็นคนที่เท่ห์และใจดีชะมัด เราเงียบกันไป บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย ฉันเลยพยายามคิดหาเรื่องมาคุยเพื่อทำลายความอึดอัดนั้นเสีย ก็เลยเล่าให้พี่โยฮันฟังถึงปัญหาที่คิดว่าฉันคิดว่า มันเป็นปัญหาใหญ่มาก ๆ ตอนนี้
“I can’t sit with a lot of foreigner” ยังไม่ทันจะอธิบายต่อ พี่โยฮันก็สวนกลับมาว่า
“I don’t expect you to sleep with me” หาาาา เดี๋ยว!! คือพี่โยฮันฟังผิดไปว่า
“I can’t sleep with a lot of foreigner” เป็นไปได้ว่าพี่โยฮันก็อาจจะกังวลในเรื่องเดียวกัน
พี่โยฮันหัวเราะเก้อ ๆ แล้วเราก็คุยกันจริงจัง ฉันบอกว่า การได้มาแชร์ห้องกับพี่โยฮันแบบนี้มันดีจริง ๆ ดีมาก ๆ แต่มันก็ไม่ดีด้วย ฉันออกเดินทางเพราะอยากหลุดจากความรู้สึกที่ต้องเอาหัวใจไปผูกติดกับความคิดหรือการกระทำของผู้ชายคนหนึ่ง
1
ซึ่งฉันคิดว่าการออกเดินทางคนเดียวแบบนี้ช่วยได้มาก และมันกำลังไปได้สวยทีเดียว แต่ฉันก็อาจจะเผลอไปผูกไปพันกับพี่แล้วก็จะเจ็บปวดแบบเดิมอีก เพราะเราเป็นนักเดินทาง เดี๋ยวเราก็ต้องแยกกันเดินทาง ใช่มั้ย
พี่โยฮันพยักหน้าเข้าใจ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เรื่องเมื่อคืนคงไม่จบแค่นอนกอดกัน แต่เค้าไม่ได้รับสัญญาณอะไรจากฉัน มันก็เลยจบแค่นั้น พูดจบพี่โยฮันก็ดึงฉันเข้าไปกอดอีกแล้วบอกว่า เรามาคุยกันเรื่อง You can’t sit with a lot of foreigner กันต่อ ฉันหัวเราะกอดพี่โยฮันแน่น ๆ ทีนึงแล้วผละออก “เราจะคุยกัน แต่พี่โยฮันต้องเลิกกอดฉันได้แล้วนะ ใจคอไม่ดี”
ปัญหาใหญ่ของฉันคือ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเวลาฝรั่งนั่งกันเป็นกลุ่มแล้วพูดกัน มันฟังไม่ทัน และฉันรู้สึกโง่มาก ๆ เวลาใครบางคนโยนคำถามมาที่ฉัน แล้วฉันทั้งไม่เข้าใจ ไม่รู้จะตอบยังไง และทำหน้าไม่ถูก พี่โยฮันยักไหล่แล้วบอกว่า เขาก็เป็น บ่อยด้วย บางทีก็แค่ยิ้มตอบ หรือบางทีก็แค่นั่งเงียบ ๆ โง่ ๆ นั่นแหละ
พี่โยฮันบอกว่าฝรั่งที่แบกเป้เดินทางมาจากหลากหลายประเทศ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ดังนั้นฉันไม่ควรกังวลเรื่องนี้ ไม่มีใครคาดหวังว่าฉันจะพูดอังกฤษคล่องเหมือนพ่นไฟหรอกน่า พูดจบพี่โยฮันก็ออกไปแล้วทิ้งท้าย ไว้กินข้าวเย็นกันนะ
เราไม่ได้นัดเวลากัน และไม่ได้นัดสถานที่ แต่ฉันรู้ว่า เดี๋ยวเย็นนี้เราคงหาทางมาเจอกันเพื่อไปกินข้าวเย็นด้วยกันจนได้นั่นแหละ
ฉันหยิบกระเป๋ากล้องและสมุดบันทึก ออกเดินไปที่วัดพระบาทใต้ ได้ยินมาว่าจุดชมพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยมากเราจะได้เห็นภูเขาลูกใหญ่นอนเรียงรายสลับซับซ้อนเป็นฉากหลังของแม่น้ำโขง และแสงสุดท้ายจะทาทาบแม่น้ำโขงให้เป็นสีทอง
ฉันมองภาพตรงหน้าที่แดดยังแผดจ้าในตอนสี่โมงเย็น แล้วก็พอจินตนาการออกว่ามันคงสวยดังคำบรรยาย แต่เนื่องจากบรรยากาศที่วังเวงมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวสักคน มีแต่พระมากหน้าหลายตาที่ผลัดกันเดินมาเมียงมอง จึงต้องบอกลาวัดพระบาทใต้ตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงเย็น
ตอนที่เดินกลับเข้ามาในเมืองผ่านร้านดนตรี มีคุณลุงชาวลาวนั่งเล่นขิมอยู่หน้าบ้าน ฉันได้ยินเสียงท่วงทำนองอันมีเสน่ห์แบบนี้ขาก็ไม่ยอมก้าวออก ยืนมองคุณลุงแบบละสายตาไม่ได้ สักพักก็มีฝรั่งหนุ่มหัวยุ่งมาหยุดยืนข้าง ๆ คุณลุงเลยหยุดเล่นแล้วกวักมือเรียกเราสองคนขึ้นไปนั่งฟังที่เก้าอี้หน้าร้าน
พ่อหนุ่มหัวยุ่งชื่อจอห์น มาจากแคนาดา เราสองคนใจตรงกันที่เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงพินของคุณลุง ที่แม้จะออกตัวว่าเพิ่งหัดเล่นได้เพียงสามเดือน ก่อนทุกคนจะแยกย้าย จอห์นแนะนำร้านหนังสือบรรยากาศดีที่อยู่อีกฟากฝั่งเมืองให้
1
แวะไปร้าน Internet Cafe ร้านเมื่อเช้า เพราะสามารถพิมพ์ฟอนท์ไทยได้ แต่ร้านคนเต็ม ก็ต้องไปร้านอื่นแทน แม้จะมีร้านอยู่มากมาย แต่ช่วงเย็นอันเป็นเวลาทองแบบนี้เหล่านักเดินทางต่างก็จับจองคอมพิวเตอร์เพื่อส่งข่าว หาข่าว หาข้อมูลกันทั้งนั้น กำลังจะเดินวกกลับไปอีกถนน พี่โยฮันก็เดินยิ้มร่าเข้ามา ฉันอยากยิ้มตอบแต่ยิ้มไม่ออก เพราะพี่โยฮันเดินมากับอีไมเคิล!! ทำไมฟ้าต้องส่งไมเคิลมาขัดขวางความสุขของฉันด้วย!!
ฉันชวนพี่โยฮันไปร้านหนังสือที่จอห์นแนะนำ อีไมเคิลก็ออกลูกรับทันควัน “ใช่ ๆ ร้านนั้นบรรยากาศดีจริง ๆ ไปสิ ไปกัน” ... ฮึ! ใครชวนแกอีไมเคิล นั่นแหละได้แต่คิดอยู่ในใจ ก็ตกลงไปกันทั้งสามคน
ร้านหนังสือบรรยากาศดีจริง ๆ ชั้นล่างมีหนังสือเรียงราย ชั้นบนจัดเป็นที่นั่งเล่นนอนเล่น พร้อมพรั่งไปด้วยหมอนสามเหลี่ยม และเบาะผ้ากระจายอยู่ทั่วทั้งห้อง มีหนังสือมีนิตยสารให้อ่าน แสงไฟสลัว เพลงแจ๊ซคลอเบา ๆ ไมเคิลสั่งเบียร์หนึ่งขวดเล็ก พี่โยฮันสั่งชาร้อน ส่วนฉันอยากกินสัปปะรดปั่น และได้รับกล้วยปั่นมาแทนแบบหน้ามึน ๆ ของน้องที่ยกมาให้
พี่โยฮันคือฮีโร่ของฉันอีกแล้วในคืนนี้ เพราะพี่โยฮันผูกขาดการคุยกับฉันสองคน ไมเคิลถามอะไรก็อือ ออ เล็กน้อย แล้วกลับมาคุยกันฉันต่อ ไมเคิลทนอยู่ได้ไม่นานก็ลากลับไปแล้วบอกว่า พรุ่งนี้เจอกัน ... ใคร? คนไหน? เค้าอยากเจอแก๊ ...
1
ที่จริงความผิดไม่ใช่ของไมเคิล แต่เป็นฉันเองที่ฟังภาษาอังกฤษสำเนียงไอริชไม่ค่อยรู้เรื่อง และฉันเบื่อตัวเองที่ต้องถามไมเคิลกลับทุกครั้ง sorry?, what?, say it again, i don’t understand คำพวกนี้ฉันใช้บ่อยมาก และดูเหมือนว่าไมเคิลก็ยังไม่เบื่อที่จะคุยกับฉัน เพื่อที่จะพูดประโยคเดียวกันซ้ำสองสามรอบ
1
แต่พี่โยฮันอาจจะเบื่อจึงยื่นมือเข้ามาช่วยฉันในค่ำคืนนี้ ซึ่งฉันก็ตอบแทนด้วยการม้วนยาสูบให้แกตลอดทั้งคืน
เรากลับมาถึงที่พักสี่ทุ่มกว่า ที่พักที่ควรจะเงียบสนิทแล้ว แต่ไม่เลย เราเห็นฝรั่งกลุ่มหนึ่งประมาณห้าหกคนนั่งล้อมวงที่ม้าหินอ่อน คุยกันเสียงดังโหวกเหวก โชคร้ายที่ประตูห้องเราหันหน้าตรงกับม้าหินอ่อนนี้พอดี ตอนที่ฉันเข้าไปอาบน้ำ พี่โยฮันก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาเกา และก้มหน้าร้องงึมงำ มันควรจะโรแมนติก แต่เสียงอีพวกข้างนอกก็ทำลายมันสิ้นเชิง
ฉันอาบน้ำเสร็จ ก็ส่งสัญญาณถามพี่โยฮันว่าอาบมั้ย แกสั่นหัว ฉันก็ล้มตัวนอนห่มผ้า เอื้อมไปดูนาฬิกานี่มันห้าทุ่มแล้ว พวกข้างนอกควรไปนอนด้วยเช่นกัน ซึ่งฉันก็ได้แต่คิด ส่วนพี่โยฮันเปิดประตูผางออกไปเลย
ฉันจับคำพูดไม่ได้ชัด แต่น้ำเสียงนั้นแจ่มแจ้งว่า พี่โยฮันเดือดแล้วนะ สักพักกลุ่มชายพวกนั้นก็สลายตัว และความสงบก็กลับมาสู่บ้านพักของเราอีกครั้ง ก่อนจะหลับไปฉันก็คิดในใจว่า ทำไมพี่โยฮันต้องเท่ครบสูตรแบบนี้ด้วยนะ!!
1
ขี้เกียจรออ่านเป็นตอน ๆ สามารถซื้อ E-book ได้ที่นี่นะคะ 👇
โฆษณา