14 ส.ค. 2021 เวลา 08:52 • นิยาย เรื่องสั้น
วันชื่นคืนสุขแห่งวาเลนไทน์ (จีน)
( ชี ซี เจี๋ย ) ( 七夕節 ) 1/2
หากจะว่าไป
ก็ใช่ว่าคนจีนในไทย หรือ ลูกหลานที่มีเชื้อสายจีน
จะรู้จักกับเทศกาล ชีซี ( 七夕 ) กันหมดทุกคน
ซึ่งเทศกาล ชีซี หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า ชี ซี เจี๋ย(七夕節)
ก็คือเทศกาลแห่งความรัก หรือวันแห่งความรัก ของชาวจีนนั่นเอง
โดยจะถือเอาวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติ (จีน)
เป็นวันสำคัญ อีกวันหนึ่งทางประเพณี
ซึ่งก็เทียบได้เหมือนกับวันวาเลนไทน์ของทางฝรั่งนั่นเอง
โดยประวัติความเป็นมาของเทศกาลชีซี หรือ วันแห่งความรัก นี้
มีประวัติความเป็นมาที่อ้างอิงได้จากตำนานปรัมปรา
ที่อาจจะมีเล่าขานแตกต่างกันบ้าง
แต่ก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนแตกต่างกันมากมายสักเท่าไร
หนึ่งในตำนานที่อยากจะหยิบยกมาเรียบเรียงเขียนแต่ง
แบ่งปันกับทุกท่าน ... เป็นเรื่องราวที่เล่าสืบทอดต่อกันมา ว่า
กาลครั้งหนึ่ง ในสมัยก่อน
ยังมีหนุ่มโคบาลนายหนึ่ง ที่กำพร้าบิดามารดา
อาศัยอยู่ที่บ้านของพี่ชายและพี่สะใภ้
วันหนึ่ง พี่ชายและพี่สะใภ้ ได้มอบวัวให้แก่เขา 2 ตัว
ชายหนุ่มโคบาล รู้สึกปีติยินดี ในความรักความเมตตา
ที่ทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้มอบให้
จึงได้ออกตระเวนท่องโลกกว้าง เดินทางไปทั่ว
กระทั่งถึง ณ ริมขอบทางช้างเผือก
และได้พบกับหญิงสาวงามสะคราญนางหนึ่ง
สรงสนานอยู่ที่ธารช้างเผือก
1
หนุ่มโคบาลเกิดหลงรักนางขึ้นมาในทันใด
พลันเหลือบมองเห็นที่ริมธารนั้น
พบเห็นอาภรณ์งามที่นงพะงานางนั้นได้ถอดทิ้งไว้
ด้วยทั้งความรัก และความใคร่ของชายหนุ่มโคบาล
จึงดลบันดาลให้เขา แอบลักอาภรณ์ของนางไปซ่อน
โดยหารู้ไม่ว่าอิสตรีผู้เลอโฉมนางนั้น
ก็คือเทพธิดาองค์สุดท้ายของเจ้าแม่หวงหมู่
องค์มารดรแห่งสวรรค์ชั้นฟ้า
ซึ่งนางมีหน้าที่ถักทออาภรณ์วิเศษให้แก่เหล่าเทพบนสวรรค์ เป็นกิจวัตร
ครั้นเมื่ออนงค์นางสรงสนานแล้วเสร็จ
ทอดพระเนตรหาอาภรณ์ตน กลับพบว่ามิได้อยู่ตรงจุดเดิมที่นางถอดไว้
ให้หวาดหวั่นฤทัย และร้อนรนกระวนกระวาย
กระทั่งเมื่อชายหนุ่มโคบาลทำที หาเสื้อผ้ามาให้นุ่งห่ม
ซ้ำเกี้ยวพาราสี จนนางหวั่นไหว
กอปรกับเมื่อไม่มีชุดอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์
มิอาจเหาะเหินกลับฟากฟ้าแดนสวรรค์ได้
จึงตกลงปลงใจ อยู่กินกันชายหนุ่มโคบาล
เป็นสามีภรรยานับตั้งแต่กาลนั้นเป็นต้นมา
ซึ่งทั้งสองก็รักใคร่สมานฉันท์ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขจริง
ขอบคุณเครดิตภาพจากเว็ป sohu.com
แต่แล้ว ก็เหมือน ชะตาฟ้า ลิขิตสวรรค์ ทรงกลั่นแกล้ง
วันชื่นคืนสุขของทั้งสอง ไม่อาจจะมีต่อได้อีก
ด้วยว่า ความนี้
ล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณ แห่งพระมารดรนครฟ้า
หวงหมู่เหนียงเหนียง
พระนางทรงพิโรธโกรธกริ้วเป็นยิ่งนัก
ทรงเหินนภาจากสรวงสวรรค์
เสด็จลงมาพรากเทพธิดาทอผ้า
กลับชั้นฟ้า อย่างไม่เห็นแก่รักแท้ของทั้งสอง แต่อย่างใด
ทรงดึงพระปิ่นทองจากมวยพระเกศา
สำแดงฤทธา กรีดนภาตัดเป็นธารอากาศ
จนไม่มีทางที่สองฟากฝั่งนี้
จะมาบรรจบกันได้อีกตลอดชั่วกาลนาน
ฝ่ายชายหนุ่มโคบาล ผู้ไร้ซึ่งฤทธิ์เดชใดๆ
มิอาจเหาะเหินข้ามธารอากาศได้
เยาวเรศผู้รับหน้าที่ทอผ้าสวรรค์ แม้พอมีฤทธานุภาพอยู่บ้าง
แต่ก็ถูกองค์พระมารดรสวรรค์ กักขังตัว
สิ้นไร้หนทาง ข้ามธารอากาศ
กลับมาพบชายหนุ่มที่รักยิ่ง เช่นกัน
แม้กระนั้นก็ตาม
ความรักที่สัตย์ซื่อ ถือมั่นไม่เปลี่ยนแปร
ของชายหนุ่มโคบาล ก็ยังคงมั่นดังเดิม มิหวั่นไหวสั่นคลอน
ได้แต่อาลัยอาวรณ์ ร่ำไห้อยู่ริมธารอากาศมิว่างเว้น
ฝ่ายหญิงทอผ้า ก็รักอาลัยในหนุ่มโคบาลผู้เป็นสามี มิต่างกัน
อานุภาพแห่งความรักของทั้งสอง
ให้สะเทือนเลือนลั่น ทุกห้วงหทัยของเหล่าทวยเทพผู้สถิตบนสรวงสวรรค์
ต่างตื้นตัน และเห็นใจ ในความรักของทั้งคู่
จึงพร้อมกันวิงวอน ขอต่อพระองค์มารดรหวงหมู่
ได้โปรดเห็นพระทัย เมตตาในรักแท้ของทั้งสอง
ขอบคุณเครดิตภาพจากเว็ป อวั่งลู่จงกั๋วเจี๋ยจือชีซี http://www.ce.cn
องค์เทพมารดรนครฟ้า หวงหมู่เหนียงเหนียง
ต้องคำวิงวอนร้องขอจากเหล่าทวยเทพ จนอ่อนพระทัย
หากแต่ยังคงไม่อาจตัดพระทัย
ให้ทั้งคู่ครองรักอยู่ร่วมกันได้เฉกเช่นที่ผ่านมา
หลังตรึกตรองพิจารณาอยู่นาน
ที่สุดแล้ว ก็ทรงเมตตา ประทานพระบรมราชานุญาต
ให้ทุกๆ หนึ่งปี จะมีเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น
ที่ทั้งสองจะมีวันเวลาได้อยู่ร่วมเรียงเคียงคู่ อย่างมีความสุข
โดยทรงกำหนดให้เป็น วันที่ 7 เดือน 7
ซึ่งจะบันดาลดลให้นกสี่เชวี่ย ( 喜鵲 ) บินมารวมตัวกัน
ทอดเป็นสะพานยาว เชื่อมขอบฟ้าสองฟากฝั่งที่ถูกตัดผ่านธารอากาศ
ให้คู่รักทั้งสอง ได้มีโอกาสเดินข้ามสะพานจากแต่ละฝั่งฟาก มาพบกัน
และใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เพียงแค่ชั่วราตรีกาล คืนเดียว
แลเมื่อกาลเวลาแห่งค่ำคืนนั้นหมดลง
นกสี่เชวี่ย ก็จะบินสลายตัวจากไป
ณ ขอบฟ้านั้น ก็จะปราศจากสะพานใดๆ
ที่จะเชื่อมทางให้ทั้งสองได้พบกันอีก
โอกาสที่นกสี่เชวี่ย จะบินมารวมกัน
ทอดเป็นสะพานยาว เชื่อมสองฟากฟ้าอีกครั้ง
เปิดทางให้หนุ่มโคบาลและเทพธิดาทอผ้าพบกันใหม่
ก็ต้องรออีกหนึ่งรอบปี คือ วันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีถัดไป
กล่าวได้ว่า แม้เป็นการรอคอยที่สุดแสนจะทรมานใจ
แต่ทั้งคู่ ก็ยินดีรอคอยกาลเวลานั้นด้วยจิตใจที่คงมั่นไม่เสื่อมคลาย
การพบหน้าและอยู่ร่วมกัน แม้เพียงหนึ่งชั่วราตรีกาล เพลาสั้นๆ
หากแต่ทั้งสอง ก็ยังคงครองรักคู่กันตราบนานเท่านาน มิเสื่อมคลาย
จึงเป็นเหตุที่มาของคำภาษิตของจีนที่ว่า
" พบกันเพียงครู่ยาม กลางฟากฟ้าฝั่งเวหา
ประเสริฐกว่า พบกันนับครั้งมิถ้วนในแดนดิน "
這短暫的重逢,勝過人間無數次相會。

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา