12 ก.ย. 2021 เวลา 12:05 • ปรัชญา
" ... บุคคลผู้ใดปรารถนาซึ่งพระอรหันต์
ก็พึงยกตัวและห้ามใจให้ห่างไกลจากกองกิเลส ... "
แม้เมื่อตนยังไม่พ้นลามกมลทินแห่งกิเลส
แล้วไปอ้อนวอนพระอรหันต์ที่หมดมลทินกิเลส
ให้มาตั้งอยู่ในตัวตนอันแปดเปื้อนด้วยลามกมลทินแห่งกิเลส
จักมีทางได้มาแต่ไหน
เปรียบเหมือนดังมีสระอยู่สระหนึ่ง
เต็มไปด้วยของเน่าของเหม็นสารพัดทั้งปวง
เป็นสระมีน้ำเน่าเหม็นสาบ
เหม็นคาวน่าเกลียดยิ่งนัก
และมีบุรุษคนหนึ่งตกอยู่ในสระนั้น
หากว่าบุรุษคนนั้นร้องเรียกให้อานนท์
ลงไปอยู่ในสระน้ำเน่ากับเขาด้วย
อานนท์จะไปอยู่ด้วยเขาหรือ
ดูกรอานนท์ เราจักบอกให้สิ้นเชิง
ถ้าอานนท์ลงไปอยู่ในสระกับด้วยบุรุษผู้แปดเปื้อน
ด้วยน้ำเน่าได้ดังนั้น
องค์พระอรหันตเจ้า
ก็อาจไปตั้งอยู่กับด้วยบุคคลผู้แปดเปื้อนด้วยกิเลสได้เหมือนกัน
ถ้าอานนท์ลงไปอยู่กับด้วยบุรุษผู้แปดเปื้อนไม่ได้
องค์พระอรหันตเจ้าก็ไม่อาจไปตั้งอยู่
กับบุคคลผู้แปดเปื้อนด้วยกิเลสได้เหมือนกันเช่นนั้น
ดูกรอานนท์ ท่านจะลงไปอยู่ด้วย
กับบุรุษแปดเปื้อนได้หรือไม่
มีพุทธฎีกาตรัสถาม ฉะนี้
ข้าฯ อานนท์จึงกราบทูลว่า
ลงไปอยู่ด้วยไม่ได้
ถ้าท่านไม่ลงไป
บุรุษผู้นั้นก็กล่าววิงวอนท่านอยู่ร่ำไป จะสำเร็จหรือไม่
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ถ้าข้าพระองค์ไม่ลงไป
บุรุษผู้นั้นก็ทำอะไรแก่ข้าพระองค์ไม่ได้
ความปรารถนาก็ไม่สำเร็จ
เป็นแต่วิงวอนอยู่เปล่า ๆ เท่านั้นเอง
ดูกรอานนท์ ข้ออุปมานี้ฉันใด
บุรุษผู้จมอยู่ในน้ำนั้น
เปรียบเหมือนบุคคลผู้ไม่ปราศจากมลทินลามกแห่งกิเลส
พระอรหันต์นั้นเปรียบเหมือนตัวของอานนท์
อานนท์ไม่ลงไปอยู่กับด้วยบุรุษแปดเปื้อนฉันใด
พระอรหันต์ท่านก็ไม่ไปอยู่กับบุคคลผู้แปดเปื้อนด้วยกิเลสฉันนั้น
แม้จะวิงวอนด้วยปากด้วยใจสักเท่าไรก็ไม่สำเร็จ
พระอรหันต์ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์
เป็นผู้พ้นทุกข์แล้ว
ท่านไม่น้อมเข้าไปหาบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งเลย
ครั้นบุคคลผู้ใดปรารถนาความสุขแล้ว
จงน้อมตัวเข้าไปหาท่าน
ท่านก็โปรดให้ได้ความสุขทุกคน
จะเข้าใจว่า
พระอรหันต์ท่านเลือกหน้าเลือกบุคคล
จะติเตียนอย่างนั้น ไม่ควร
ถ้าแลผู้ใดพ้นจากกิเลสกามและพัสดุกามได้แล้ว
ชื่อว่า น้อมตัวเข้าไปหาท่าน
ท่านก็โปรดนำเข้าสู่พระนิพพาน
เสวยสุขอยู่ด้วยท่าน ไม่เลือกหน้าบุคคลเลย
เป็นแต่ผู้จมอยู่ด้วยกิเลสลามก ละกิเลสไม่ได้
ชื่อว่าไม่น้อมตัวเข้าไปหาท่านเอง
ดูกรอานนท์ ถึงตัวเราตถาคต
ก็ต้องน้อมตัวเข้าไปหาท่าน
ท่านจึงโปรดให้ตถาคตนี้ได้เป็นครูแก่โลก เห็นปานดังนี้
เพราะว่า พระอรหันต์ท่านเป็นผู้ดี
แลจักให้ท่านเข้าไปคบหาคนชั่วนั้น เป็นไปไม่ได้
และผิดธรรมเนียมด้วย
สมควรแต่ผู้เลวทรามต่ำช้า จะเข้าไปท่านผู้ดี
ผู้สูงศักดิ์โดยส่วนเดียว
ข้าแต่พระมหากัสสปะผู้มีอายุ
พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาแก่ข้าฯ อานนท์ ดังนี้แล.
1
ตทนนฺตรํ ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสเทศนาสืบไปอีกว่า
อานนฺท ดูกรอานนท์
บุคคลผู้ใดปรารถนาซึ่งพระอรหันต์
ก็พึงยกตัวและห้ามใจให้ห่างไกลจากกองกิเลส
เพราะพระอรหันต์ท่านเป็นผู้ไกลจากกิเลส
จะบริกรรมแต่ด้วยปากด้วยใจว่า อรหันต์ ๆ
แล้วเข้าใจว่า ตนได้พระอรหันต์
เห็นว่าเป็นบุญเป็นกุศล
จักได้ความสุขในมนุษย์แลสวรรค์แลพระนิพพาน
จะทำความเข้าใจอย่างนี้ไม่สมควร
พระนามชื่อว่าพระอรหันต์นี้
เราบอกไว้ให้รู้ว่าผู้ไกลจากกิเลส
จะถือเอาแต่พระนามว่าอรหันต์ ๆ
แล้วเข้าใจว่า ตนได้สำเร็จเช่นนี้ ไม่ควร
เพราะคำที่ว่าอรหันต์ ใคร ๆ ก็กล่าวได้
จะมิเป็นพระอรหันต์กันเต็มโลกหรือ
ดูก่อนอานนท์ พระอรหันต์ก็คือเราตถาคตนี้เอง
เหตุที่เราปราศจากกิเลส ละกิเลสสิ้นแล้ว
เราจึงได้ถึงที่สุดแห่งพระอรหันต์
องค์อรหันต์กับเราตถาคต ก็หากเป็นอันเดียวกัน
จะร้องเรียกพระอรหันต์ว่า เป็นเราตถาคตก็ไม่ผิด
หรือจะร้องเรียกเราพระตถาคตเป็นอรหันต์ก็ไม่ผิด
ผู้ใดละกิเลสได้สิ้นเชิงแล้ว
ผู้นั้นก็ได้ชื่อว่าถึงที่สุดแห่งพระอรหันต์สิ้นด้วยกัน
จะได้ถึงพระอรหันต์แต่เราเตถาคตองค์เดียวหามิได้
จงเข้าใจองค์แห่งพระอรหันต์
ดังเราตถาคตแสดงมานี้เถิด
ข้าแต่ พระมหากัสสปะผู้มีอายุ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาแก่ข้า ฯ อานนท์ ดังนี้แล.
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา